ณัฐ : ฝ่าฝืนคำสั่งรายงานตัว คสช.

อัปเดตล่าสุด: 18/01/2560

ผู้ต้องหา

ณัฐ

สถานะคดี

ตัดสินแล้ว / คดีถึงที่สุด

คดีเริ่มในปี

2557

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

ไม่มีข้อมูล

สารบัญ

ณัฐถูกจับอีกครั้งหลังมีชื่ออยู่ในประกาศเรียกตัวของคสช. ในข้อหาไม่ไปรายงานตัว ฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ฉบับที่ 41/2557. ศาลชั้นต้นตัดสินให้จำคุก 1 เดือน 10 วัน ไม่รอลงอาญา เนื่องจากเคยจำคุกมาก่อน 

ต่อมาศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับ 4,000 บาท เนื่องจากความผิดไม่ร้ายแรงและจำเลยไม่หนี โทษจำคุก 2 เดือน 20 วัน รับสารภาพเหลือกึ่งหนึ่ง 1 เดือน 10 วันนั้น ศาลสั่งยกตามมาตรา 55 ประมวลกฎหมายอาญา 

ภูมิหลังผู้ต้องหา

ณัฐเคยต้องโทษจำคุกในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 เพราะส่งอีเมลที่มีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯไปยังบุคคลที่สาม 
ณัฐให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาให้มีความผิด 3 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 9 ปี แต่ณัฐรับสารภาพ จึงลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี 18 เดือน
 
ณัฐ มีความประพฤติดีจึงได้รับการพักโทษและได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 19 เมษายน 2555  

ข้อหา / คำสั่ง

ฝ่าฝืนประกาศคสช. 41/2557

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ณัฐมีชื่ออยู่ในคำสั่งเรียกบุคคลรายงานตัวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฉบับที่ 5/2557 และ 53/2557 แต่ไม่ไปรายงานตัว จึงถูกออกหมายจับในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

พฤติการณ์การจับกุม

ณัฐถูกจับกุมถึงสองครั้ง ครั้งแรก วันที่ 7 มิถุนายน 2557 เวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจบุกเข้าควบคุมตัวณัฐที่คอนโดมิเนียม หลังจากเขาไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ณัฐถูกสอบสวนและควบคุมตัวที่ค่ายทหารเป็นเวลา 7 วัน 

ต่อมา วันที่ 28 มิถุนายน 2557เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกไปจับณัฐที่คอนโดอีกครั้งและควบคุมตัวไปที่กองบังคับการปราบปราม ภายหลังณัฐแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองปราบฯว่า ได้ประสานทางสน.สามเสนว่าจะเข้ามอบตัวในวันที่ 30 มิถุนายนแล้ว ทางกองปราบฯจึงปล่อยตัวเขา
 

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

อ.1649/57

ศาล

ศาลแขวงดุสิต

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล
7 มิถุนายน 2557
 
ณัฐถูกจับกุมตัวครั้งแรกที่คอนโดมิเนียม
 
14 มิถุนายน 2557
 
เวลาประมาณ 17.00 น. ณัฐได้รับการปล่อยตัวจากค่ายทหารหลังถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 7 วัน เมื่อกลับไปที่คอนโดมิเนียม เขาได้รับหมายจับจากศาลทหารกรุงเทพฯ จากกรณีไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งคสช. ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
 
28 มิถุนายน 2557
 
ณัฐถูกจับกุมตัวครั้งที่ 2 และได้รับการปล่อยตัวหลังแจ้งว่าประสานขอ มอบตัวกับสน.สามเสนแล้ว
 
30 มิถุนายน 2557
 
ณัฐ เดินทางมาถึง สน.สามเสน เวลาประมาณ 8.30 น. เพื่อเข้ามอบตัวตามหมายจับ ณัฐให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งตัวณัฐไปที่ศาลแขวงดุสิตเพื่อขออำนาจศาลฝากขัง ต่อมาศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฝากขัง เพราะผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่ให้ไปรายงานตัวในวันนัดส่งฟ้องอีกครั้ง
 
23 กรกฎาคม 2557
 
ณัฐโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า อัยการนัดส่งตัวฟ้องที่ศาลแขวงดุสิตวันนี้ และศาลนัดพร้อมในวันที่ 2 กันยายน 2557   
 
2 กันยายน 2557
 
ที่ศาลแขวงดุสิต เวลา 09.00 น. ห้องพิจารณาคดี 9 ศาลนัดพร้อมคดีที่ณัฐ เป็นจำเลยฐานฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ไม่ไปรายงานตัวตามที่ประกาศเรียก 
 
วันนี้อัยการ ทนายความและจำเลยมาศาล อัยการขอศาลสอบจำเลยเพิ่มเนื่องจากเคยกระทำความผิดอาญามาก่อน และยังพ้นโทษมาไม่ครบ 5 ปี โดยขอให้ศาลเพิ่มโทษ
 
ต่อมาผู้พิพากษาได้ขอคำปรึกษากับอัยการเรื่องการกักขังณัฐของทหารและตำรวจก่อนหน้านี้ โดยศาลเห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญควรจะใส่ลงในคำฟ้องด้วย นอกจากนี้ศาลยังเห็นว่ากรณีนี้ไม่ใช่ความผิดรายแรง อยากให้ทั้งสองฝ่ายไปคุยกับทหารเพื่อถอนฟ้องคดี
 
ทั้งนี้สองฝ่ายตกลงนัดสืบพยานในช่วงเช้าและบ่าย วันที่ 17 ธ.ค. 2557
 
17 ธันวาคม 2557
 
ศาลแขวงดุสิต นัดสืบพยานโดยเริ่มกระบวนพิจารณาในเวลา 9.30 น. จำเลยแถลงขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นรับสารภาพตามฟ้อง ศาลถามอัยการว่าจะคัดค้านหรือไม่ที่จำเลยจะถอนคำให้การและให้การใหม่ อัยการไม่ค้าน ศาลจึงอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิม
 
ศาลสั่งให้มีการสืบเสาะและพินิจจำเลย โดยให้พนักงานคุมประพฤติรายงานต่อศาลภายใน 30 วัน และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 22 มกราคม 2558 เวลา 9.00 น.
 
22 มกราคม 2558
 
นัดฟังคำพิพากษา
 
เวลา 9.00 น. ที่ศาลแขวงดุสิต นัดฟังคำพิพากษา ณัฐ  ศาลอ่านคำพิพากษาโดยละเอียด มีคำตัดสินว่าณัฐมีความผิดจำคุก 2 เดือน แต่ใหัเพิ่มโทษอีก 20 วัน เนื่องจากพบว่าเคยต้องโทษในคดี 112 มาก่อน อย่างไรตาม ศาลลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 1 เดือน 10 วัน เนื่องจากณัฐรับสารภาพ
 
จากนั้น ณัฐได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลรอลงอาญา ทนายได้ยื่นประกันตัวด้วยเงินสด 40,000 บาท ต่อมาศาลมีคำสั่ง ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ยังไม่ทราบผล จึงต้องส่งตัวณัฐเข้าคุมขังที่เรือนจำในวันนี้
 
อนึ่ง คดีของณัฐพิจารณาที่ศาลพลเรือน เนื่องจากความผิดของณัฐนับว่าเกิดขึ้นก่อนที่ คสช.จะประกาศให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาคดีของพลเรือน คดีของณัฐจึงเป็นคดีไม่มารายงานตัวคดีแรกที่พิจารณาที่ศาลพลเรือน
 
26 มกราคม 2558
 
มติชน รายงานว่า ศาลให้ประกันตัวณัฐแล้วด้วยหลักทรัพย์เป็นเงินสด 40,000 บาท ณัฐได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในเวลาประมาณ 20.00น. 
 
17 กันยายน 2558
 
นัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์
 
ศาลแขวงดุสิตอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ โดยสั่งปรับ 4,000 บาทรับสารภาพเหลือกึ่งหนึ่ง 2,000 บาท ส่วนโทษจำคุก 2 เดือน 20 วัน รับสารภาพเหลือกึ่งหนึ่ง 1 เดือน 10 วันนั้น ศาลสั่งยกตามมาตรา 55 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกำหนดว่า ในกรณีที่โทษจำคุกเท่ากับหรือน้อยกว่า 3 เดือน ศาลมีอำนาจลดโทษจำคุกจำเลยให้น้อยลงอีก หรือในกรณีที่กฎหมายที่ใช้ลงโทษจำเลยมีโทษปรับด้วย ศาลอาจสั่งลดหรือยกโทษจำคุก แล้วสั่งปรับอย่างเดียวได้
 
ซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดโทษให้จำคุก 1 เดือน 10 วัน จากการฝ่าฝืนไม่มารายงานตัวตามคำสั่งคสช. หลังจากการฝ่าฝืนแล้วณัฐก็ไม่ได้หลบหนีจึงเห็นว่าโทษจำคุกรุนแรงเกินไป จึงเห็นควรให้เพิ่มโทษปรับ ให้ปรับสามพันบาท และเพิ่มโทษตามมาตรา 92 เป็นสี่พันบาท ลดโทษกึ่งหนึ่งเนื่องจากรับสารภาพส่วนโทษจำคุกให้ยก ตามมาตรา 55
 
นับเป็นครั้งแรกที่ศาลนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 55 มาใช้กับคดีการเมือง เพื่อให้ยกโทษจำคุกของจำเลย แล้วปรับอย่างเดียว
 
ทั้งนี้หลังศาลอ่านคำพิพากษาจบ ทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ผู้มาสังเกตการณ์คดี และณัฐยังมีท่าทีไม่แน่ใจว่าจำเลยจะต้องรับโทษจำคุกหรือไม่ จึงต้องปรึกษากับเจ้าหน้าที่ท่านอื่น และหยิบประมวลกฎหมายมาเปิดดูเพื่อความแน่ใจอีกที

 

คำพิพากษา

สรุปคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลตัดสินว่าณัฐมีความผิดจำคุก 2 เดือน แต่ใหัเพิ่มโทษอีก 20 วัน เนื่องจากพบว่าเคยต้องโทษในคดี 112 มาก่อน อย่างไรตาม ศาลลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 1 เดือน 10 วัน เนื่องจากณัฐรับสารภาพ
 
สรุปคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีความเห็นว่าก่อนคดีนี้จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกซึ่งไม่ใช่คดีลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท จึงรอการลงโทษจำคุกไม่ได้ แต่การกระทำเป็นเพียงการฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้ไปรายงานตัวและไม่ได้หลบหนีจึงไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรงถึงต้องจำคุก จึงให้ลงโทษปรับ 3,000 บาท เพิ่มโทษหนึ่งในสามเพราะเหตุเคยจำคุก เป็นปรับ 4,000 บาท และให้ลดโทษกึ่งหนึ่งเป็นปรับ 2,000 บาทเพราะจำเลยรับสารภาพแทนการลงโทษจำคุก 
 
ส่วนโทษจำคุก 2 เดือน 20 วัน รับสารภาพเหลือกึ่งหนึ่ง 1 เดือน 10 วันนั้น ศาลสั่งยกตามมาตรา 55 ประมวลกฎหมายอาญา 
 
 
 
 
 

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา