บริษัททุ่งคำ vs สุรพันธุ์ ชาวบ้านเลยคัดค้านเหมืองทองคำ

อัปเดตล่าสุด: 02/12/2559

ผู้ต้องหา

สุรพันธุ์

สถานะคดี

ชั้นศาลชั้นต้น

คดีเริ่มในปี

2557

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

บริษัท ทุ่งคำ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับสิทธิในการสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่ทองคำ และได้ประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ทองคำและทองแดง กระทรวงอุตสาหกรรม ในพื้นที่อำเภอวังสะพุง อำเภอเมือง จังหวัดเลย และมีสำนักงานสาขาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต บริษัท ทุ่งคำ จำกัด มีกรรมการหกคน คือ นายชนะ วงศ์สุภาพ นายปราโมทย์ บันสิทธิ์ นายบัณฑิต แสงเสรีธรรม นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล นายวิชัย เชิดชีวศาสตร์ และนายธนภูมิ เดชเทวัญดำรง ในการฟ้องร้องคดีนี้ โจทก์มอบอำนาจให้นายสุเทพ บุระมาน เป็นผู้มีอำนาจฟ้อง และดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่างๆ ต่อมานายสุเทพ ได้มอบอำนาจช่วงให้นายวิทยา ทองกุ้ง หรือ สุมน เสียมเหล็ก คนใดคนหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจฟ้องร้องดำเนินคดี

สารบัญ

สุรพันธุ์ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวช่อง TNN24 หลังเหตุการณ์ปะทะระหว่างชาวบ้านที่คัดค้านการทำเหมืองและกลุ่มชายชุดดำที่ต้องการขนแร่ผ่านหมู่บ้าน ต่อมาสุรพันธุ์ถูกบริษัท ทุ่งคำ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต

ภูมิหลังผู้ต้องหา

สุรพันธุ์ หรือที่เรียกกันว่า “พ่อไม้” เป็นแกนนำกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ซึ่งเคลื่อนไหวคัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่จังหวัดเลยมานานหลายปี 
 
ก่อนหน้านี้สุรพันธุ์ เคยถูกบริษัททุ่งคำฟ้องมาแล้ว 4 คดี เป็นคดีแพ่งสองคดี และคดีอาญา 2 คดีในข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ นอกจากนี้สุรพันธุ์ยังเคยถูกโทรศัพท์ข่มขู่ห้ามเคลื่อนไหวคัดค้านการทำเหมืองด้วย 
 

ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 326 / 328 ประมวลกฎหมายอาญา

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ช่วงระหว่างวันที่ 16-17 พฤษภาคม 2557 สุรพันธุ์ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ TNN24 ทำนองว่า พนักงานของเหมืองได้เผากระท่อมและเต้นท์ภายในเหมืองทองเพื่อโยนความผิดให้กับชาวบ้าน ข้อความดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2557 ในรายการ ชั่วโมงข่าว ของสถานีโทรทัศน์ TNN24 

พฤติการณ์การจับกุม

ไม่มีข้อมูล

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

20 ตุลาคม 2557

นัดไต่สวนมูลฟ้อง

ที่ห้องพิจารณาคดี 9 ศาลจังหวัดภูเก็ต ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในเวลา 13.30
 
ในห้องพิจารณาคดีมีผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ทนายโจทก์ ทนายจำเลย มาศาล พร้อมกับชาวบ้านจากจังหวัดเลย 3 คน แต่จำเลยไม่ได้มาศาล 
 
เนื่องจากคดีในวันนี้มีปริมาณมาก ศาลจึงย้ายไปไต่สวนมูลฟ้องที่ห้องพิจารณาคดี 1 
 
ไต่สวน สุเทพ บุรมาน ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ให้ดำเนินคดีจำเลย
 
เนื่องจากสุเทพยื่นคำเบิกความเป็นเอกสารต่อศาลแล้วจึงไม่ต้องเบิกความซ้ำ ศาลจึงเพียงแต่ถามคำถามเพิ่มเติมและเริ่มให้ทนายจำเลยถามค้านได้เลย
 
สุเทพเบิกความต่อศาลว่า เหตุที่มาฟ้องคดีนี้ เนื่องจากจำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า โจทก์ให้พนักงานเผากระท่อมและเต้นท์เพื่อป้ายความผิดให้ชาวบ้าน แต่โจทก์ไม่เคยทำเช่นนี้ การให้สัมภาษณ์เช่นนี้ทำให้โจทก์เสียหาย ศาลถามว่าได้ฟ้องคดีนี้ที่อื่นหรือไม่ สุเทพ ตอบว่า ไม่ สาเหตุที่มาฟ้องคดีที่จังหวัดภูเก็ต เพราะบริษัทโจทก์มีสำนักงานสาขาอยู่ในจังหวัดภูเก็ต
 
ตอบทนายจำเลยถามค้าน
 
สุเทพตอบคำถามทนายจำเลยว่า ปัจจุบันประกอบอาชีพนักธุรกิจ ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทโจทก์ ไม่ทราบว่าโจทก์หรือผู้ใดเป็นผู้ได้รับประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 มีการขนแร่ทองคำโดยรถพ่วงหลายคัน ระหว่างการขนแร่ชาวบ้านก็มาคัดค้าน แต่ไม่ทราบว่าในวันนั้นมีการทำร้ายร่างกายกันหรือไม่
 
สุเทพเบิกความต่อว่า โจทก์กับจำเลยและชาวบ้านในพื้นที่มีความขัดแย้งกัน มีเหตุการณ์ไฟไหม้เต้นท์ที่พักของพนักงานของบริษัท ในคืนวันที่ 15 พฤษภาคม 2557  แต่ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร
 
สุเทพเบิกความต่อว่า ก่อนหน้านี้โจทก์ฟ้องคดีกลุ่มชาวบ้านที่จังหวัดเลยหลายคดี เท่าที่ทราบฟ้องที่จังหวัดเลยและที่กรุงเทพมหานคร ตนไม่ทราบว่าสัญญาณของสถานี TNN24 ส่งมาถึงจังหวัดภูเก็ตหรือไม่ และไม่ทราบว่ากรรมการบริษัทที่ออกมติให้ดำเนินคดีนี้ได้มาที่จังหวัดภูเก็ตและรับรู้เรื่องการออกอากาศรายการของสถานี TNN24 หรือไม่
 
สุเทพตอบคำถามทนายจำเลยต่อว่า ในเทปข่าวของสถานี TNN24 ที่เป็นประเด็นในคดีนี้ไม่มีภาพจำเลยให้สัมภาษณ์ ส่วนข้อความที่อ้างว่าจำเลยพูดนั้นไม่ทราบว่าจำเลยได้พูดจริงหรือไม่
 
ตอบทนายโจทก์ถามติง
 
สุเทพตอบคำถามติงของทนายโจทก์ว่า เสียงในเทปข่าวที่กล่าวถึงคำพูดของสุรพันธุ์นั้น ผู้ประกาศข่าวของสถานีเป็นคนพูด ส่วนสถานี TNN24 ออกอากาศผ่านดาวเทียม ถึงไม่เคยเปิดดูแต่ทราบว่าสามารถรับชมได้ทั่วประเทศ และเปิดดูย้อนหลังทางอินเทอร์เน็ตได้ เหตุการณ์วันที่ 15 พฤษภาคม 2557 การขนแร่ทำโดยผู้ซื้อแร่ไม่ใช่บริษัทโจทก์ ซึ่งปกติชาวบ้านจะขวางทางเข้าออกทำให้ไม่สามารถขนแร่ได้
 
หลังการสืบพยาน ทนายโจทก์แถลงว่ายังติดใจขอสืบพยานอีกสองปาก คือ ปรเมศ บัณสิทธิ์ และวิชัย เชิดชีวศาสตร์ แต่นายวิชัยประชุมไม่สามารถมาในวันนี้ได้ ทนายจำเลยแถลงคัดค้านเพราะชื่อของปรเมศไม่อยู่ในบัญชีพยานแต่แรก ส่วนวิชัย เป็นกรรมการของบริษัทโจทก์ เป็นผู้ริเริ่มในการฟ้องคดี จึงควรต้องมาศาล และหากมาเบิกความในประเด็นเดียวกับพยานในวันนี้ จะทำให้จำเลยเสียเปรียบ
 
ศาลให้ทนายของทั้งสองฝ่ายเขียนคำแถลงมาเป็นลายลักษณ์อักษร
 
เวลาประมาณ 16.00 น. ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณา พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้ศาลนัดล่วงหน้ากว่า 2 เดือน และโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้ว จึงมีเวลาเตรียมการนำพยานมาไต่สวนแล้ว การอ้างว่าติดประชุมเป็นเหตุจำเป็นส่วนตัว ไม่ใช่เหตุสมควรในการขอเลื่อนการไต่สวน เพื่อไม่ให้การพิจารณาคดีเป็นไปด้วยความล่าช้าจึงให้งดสืบพยานโจทก์

เสร็จสิ้นการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่ในวันที่ 29 ตุลาคม 2557 
 
 

หมายเลขคดีดำ

4471/2557

ศาล

ศาลจังหวัดภูเก็ต

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ในวันเดียวกับที่ยื่นฟ้องคดีนี้ บริษัท ทุ่งคำ ยังยื่นฟ้องหมิ่นประมาท พรทิพย์ ชาวบ้านที่เคลื่อนไหวคัดค้านการทำเหมืองแร่อีกหนึ่งคน จากการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน [ดูคดีของพรทิพย์ ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/case/632]
 
นอกจากการฟ้องคดีหมิ่นประมาทแล้ว บริษัททุ่งคำยังมีคดีที่ยื่นฟ้องชาวบ้านที่เคลื่อนไหวอีกอย่างน้อยสี่คดี ได้แก่ 
 
คดีที่ 1 คดีแพ่ง เลขที่ พ 974/2556 จำเลย 14 ราย ข้อหาละเมิดและเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท+10 ล้านบาททุกวัน จนกว่าจะทำลายกำแพง
คดีที่ 2 คดีแพ่ง เลขที่ พ 859/2556 จำเลย 6 ราย ข้อหาละเมิดและเรียกค่าเสียหาย 70 ล้านบาท
คดีที่ 3 คดีอาญา เลขที่ อ 4217/2556 จำเลย 7 ราย ข้อหาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ฯ และทำให้เสียทรัพย์ มาตรา 358, 362, 365, 83
คดีที่ 4 คดีอาญา เลขที่ อ 4542/2556 จำเลย 7 ราย ข้อหาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ฯ มาตรา 362, 365, 83
 
 

แหล่งอ้างอิง

 
 
 
 
 
เหมืองแร่เมืองเลย. 17 ก.พ. 57 : คืบหน้าคดีกำแพงใจ คำถามที่ ‘บัณฑิต แสงเสรีธรรม’ ยังไม่อยากตอบ. [ออนไลน์]. (วันที่ค้นข้อมูล 6 ตุลาคม 2557) 
 
ปี 2538 บริษัททุ่งคำได้ประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ มีการระเบิดภูเขาเพื่อขุดแร่ในแปลงประทานบัตรไปแล้ว 6 แปลง คิดเป็นพื้นที่รวมประมาณ 1,300 ไร่ รวมถึงโรงแต่งแร่และโรงประกอบโลหกรรมซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2549 และยังมีที่อีก 106 แปลง รวมพื้นที่นับหมื่นไร่ในจังหวัดเลย ที่บริษัทได้รับอาชญาบัตรพิเศษสำรวจและผลิตแร่ทองคำแล้ว และมีการทยอยยื่นขอประทานบัตรอย่างต่อเนื่อง
 
ตั้งแต่บริษัททุ่งคำเริ่มดำเนินกิจการในพื้นที่ตำบลวังสะพุง มีรายงานว่าสารเคมีที่เป็นพิษ ไซยาไนด์ และโลหะหนักหลายชนิด ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมของชุมชนอย่างน้อย 6 หมู่บ้านรอบเหมือง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพและวิถีชีวิตของชุมชนรอบเหมืองมาโดยตลอด 
 
เดือนตุลาคมปี 2555 คันเขื่อนของบ่อเก็บกักหางแร่ที่มีไซยาไนด์ปนเปื้อนจำนวนมากและเป็นส่วนหนึ่งของโรงประกอบโลหกรรมได้พังทลายลง ซึ่งหากมีการขยายพื้นที่ทำเหมืองแร่หมายความว่าจะมีการนำแร่จำนวนมากขึ้นเข้าไปยังโรงประกอบโลหกรรมและมีน้ำเสียปนเปื้อนจำนวนมากขึ้นในบ่อที่มีปัญหาดังกล่าว
 
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 คณะรัฐมนตรีมีมติ “ให้กระทรวงอุตสาหกรรมชะลอการขยายพื้นที่ใหม่หรือการขอประทานบัตรของบริษัททุ่งคำ จำกัด แปลงที่ 104/2538 และแปลงอื่นๆ ไว้ก่อนจนกว่าจะได้ข้อสรุปของสาเหตุการเกิดสารปนเปื้อน ผลการประเมินความคุ้มค่าของฐานทรัพยากรธรรมชาติและค่าภาคหลวงแร่กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และผลการประเมินผลด้านสุขภาพ หรือ HIA” แต่มติดังกล่าวไม่ได้รับการปฏิบัติแต่อย่างใด
 
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2555 และวันที่ 8 กันยายน 2556 บริษัททุ่งคำได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือเวที Public Scoping แต่มีการใช้กองกำลังทหารและตำรวจปิดกั้นไม่ให้ชาวบ้านรอบๆ เหมืองทองและกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดเข้าร่วมเวทีดังกล่าว
 
ชาวบ้าน 6 หมู่บ้านรอบเหมืองจึง ออกประกาศระเบียบชุมชน ควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกที่ใช้ถนนของชุมชนไม่ให้เกิน 15 ตัน และห้ามนำสารเคมีอันตรายเข้าเขตชุมชน เพื่อเป็นมาตรการป้องกันตนเองจากผลกระทบจากกิจการของเหมือง และนำไปสู่การก่อสร้างกำแพงขึ้นครอบถนนสายบ้านนาหนองบงเพื่อขวางรถบรรทุกที่จะผ่านหมู่บ้านเพื่อไปยังเหมืองแร่ทองคำ หรือที่เรียกว่า “กำแพงใจ”  
 
กลางดึกคืนวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ชายฉกรรจ์อำพรางใบหน้าประมาณ 300 คน เข้าไปยังพื้นที่บ้านนาหนองบง จ.เลย ปิดล้อมจุดตรวจของชาวบ้าน และจับชาวบ้านเป็นตัวประกันระหว่างทำลายแนวกั้นและขนแร่ออกจากเหมืองโดยใช้ทางสาธารณะของชุมชน จากเหตุตะลุมบอนที่เกิดขึ้นมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีองค์กรสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชนลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อหาข้อเท็จจริงจำนวนมาก
 
17 พฤษภาคม 2557 
 
รายการชั่วโมงข่าวของสถานีโทรทัศน์ TNN24 ออกอากาศเทปสัมภาณ์สุรพันธุ์ ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ที่เป็นปัญหาในคดีนี้
 
15 สิงหาคม 2557
 
บริษัท ทุ่งคำ ยื่นฟ้องสุรพันธุ์ในข้อหาหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 ต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากโจทก์มีสำนักงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ด คดีนี้โจทก์ไม่ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพราะประสงค์จะดำเนินคดีเอง
 
20 ตุลาคม 2557 
 
นัดไต่สวนมูลฟ้อง
 
29 ตุลาคม 2557 
 
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแล้วเห็นว่าคดีมีมูลตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 ให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาและหมายเรียกจำเลยมาในวันนัดพร้อม
 
นัดพร้อมสอบคำให้การจำเลย วันที่ 9 กุมภาพันธุ์ 2558 เวลา 13.30 น.

8 ธันวาคม 2557

บริษัททุ่งคำถอนฟ้องสุรพันธ์ เนื่องจากในวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ตัวแทนชาวบ้านจาก อ.วังสะพุง จ.เลย เจรจาและลงนามบันทึกข้อตกลงกับกรรมการผู้จัดการ บริษัททุ่งคำ โดยตกลงกันว่าบริษัทยินดีถอนฟ้องทุกคดี แลกกับการที่ชาวบ้านยินยอมให้ขนแร่ที่ขุดแล้วออกจากพื้นที่ทำเหมือง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย อัยการจังหวัดเลย และนายอำเภอวังสะพุง เป็นพยานการทำบันทึกข้อตกลง วันที่ 8 ธันวาคม 2557 โจทก์จึงส่งทนายความเข้ายื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีที่มีการฟ้องร้องชาวบ้านทั้งหมด

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา