วชิร-สิทธิทัศน์: โปรยใบปลิวต้านคสช.

อัปเดตล่าสุด: 17/05/2563

ผู้ต้องหา

วชิร

สถานะคดี

อื่นๆ

คดีเริ่มในปี

2512

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

พันเอก คชาชาต บุญดี ผบ.ป.1รอ.

สารบัญ

สิทธิทัศน์  อายุ 54 ปี  และวชิร อายุ 44 ปี ทั้งคู่ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว ถูกเจ้าหน้าที่ตามไปควบคุมตัวได้ที่บ้านพัก หลังร่วมกันโปรยใบปลิว ที่มีข้อความต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บริเวณถนนราชดำเนินกลาง เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน2557 

ภูมิหลังผู้ต้องหา

สิทธิทัศน์  อายุ 54 ปี อาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร  และวชิร อายุ 44 ปีอาศัยอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี ทั้งคู่ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. โดยเป็นคนจัดการดูแลเรื่องสาธารณูปโภค เมื่อครั้ง นปช.ชุมนุมที่ถนนอัษฎางค์ เมื่อปี 2556 
 
 

ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา, อื่นๆ
ฝ่าฝืนประกาศคสช.ที่ 97/2557

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ตามคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันจัดทำกระดาษใบปลิวมีข้อความต่าง ๆ กล่าวคือ อำนาจเป็นของประชาน เสรีภาพ FREEDOM ค.ส.ช.ก้าวล่วงพระราชอำนาจ ฯลฯ จำนวน 7,500 แผ่น แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันนำกระดาษใบปลิวที่ปรากฎข้อความต่าง ๆ ไปโปรยบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งมีประชาชนสัญจรไปมาพลุกพล่าน อันเป็นการกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยตัวหนังสือ ที่มิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ในลักษณะนำเสนอข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่งคงของชาติ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคณะรักษาความสงบแห่งชาติด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยจำเลยทั้งสองมีความมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ข.ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. จำเลยทั้งสองบังอาจร่วมกันโฆษณาด้วยการโปรยใบปลิวตามฟ้องข้อ 1 ก.ในบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อันเป็นที่สาธารณะโดยไม่ได้รับหนังสืออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมด้วยกระดาษใบปลิวตามฟ้องข้อ 1 ก.เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อเอสพี ปากกาเมจิกสีดำ ยี่ห้อตราม้า มีดคัตเตอร์ ไม้บรรทัดยาว หมึกปรินเตอร์ กระดาษขนาดเอ 4 ยี่ห้อโอเครที่จำเลยทั้งสองใช้เป็นเครื่องมืออุปกรณ์ในการจำทำใบปลิวตามฟ้องข้อ 1 ก. เหตุเกิดที่ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 91 116 368 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 10 56

พฤติการณ์การจับกุม

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557  สิทธิทัศน์และวชิระถูกเจ้าหน้าที่ ทหารจากกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์และตำรวจสันติบาล มาเชิญตัวที่บ้าน และได้ตรวจค้น-ตรวจยึด โดยพบใบปลิว อุปกรณ์การพิมพ์ หลักฐานทั้งหมด รวมถึงเสื้อผ้าลายพราง และเสื้อยืดที่มีข้อความต่างๆที่เกี่ยวกับการเมือง
 
หลังได้รับการประกันตัว ทั้งสองเปิดเผยกับทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก 7 วันนั้น ระยะแรกได้อยู่ห้องรับรองที่ กรมทหารปืนใหญ่ที่1 รักษาพระองค์ เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี ไม่มีการขู่คุกคาม หรือทำร้ายร่างกายใดๆ เพียงแค่เรียกเข้าไปพูดคุยสอบถามเรื่องทั่วไปเท่านั้น ภรรยาของสิทธิทัศน์ก็ได้มาเยี่ยม และเอาอาหารมื้อเย็นมาส่งให้ทุกวัน หลังจากนั้นในระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557- 30 พฤศจิกายน 2557 ทั้งสองได้ถูกนำตัวไปที่เขตทหารแห่งหนึ่ง โดยตลอดการถูกควบคุมทั้งสามวัน สิทธิทัศน์และวชิร เปิดเผยว่า มีการข่มขู่ว่าจะทำร้าน จากเจ้าหน้าที่ที่อ้างว่ามาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ก็ไม่มีการลงมือกระทำ กระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 เจ้าหน้าที่ทหารจาก กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ จึงได้นำตัวสิทธิทัศน์และวชิรกลับไปที่ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ อีกครั้ง ก่อนที่จะครบเจ็ดวัน และนำตัวมาแถลงข่าวการจับกุมที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล
 

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

ไม่มีข้อมูล

ศาล

ศาลทหารกรุงเทพ

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล
25 พฤศจิกายน 2557
 
ประมาณ23.00น. ตำรวจนครบาล และ ทหารจาก กรมทหารปืนใหญ่ที่1 รักษาพระองค์ (ป.1รอ.) นำโดย พันเอก คชาชาต บุญดี ผบ.ป.1รอ. ได้ใช้อำนาจตาม กฎอัยการศึก ขอเข้าควบคุมตัว สิทธิทัศน์และวชิร ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นโปรยใบปลิวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อเช้ามืดวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 เพื่อสอบสวน โดยเมื่อเจ้าหน้าที่แสดงหมายจับ ทั้งสิทธิทัศน์และวชิรต่างยอมรับว่าตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับข้างต้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ทั้งสิทธิทัศน์และวชิระต่างให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาตามหมายจับข้างต้น
 
จากการตรวจค้นบ้านสิทธิทัศน์ พบใบปลิว อุปกรณ์การพิมพ์ หลักฐานทั้งหมด รวมถึงพบเสื้อผ้าลายพราง และเสื้อยืดที่มีข้อความต่างๆที่เกี่ยวกับการเมือง สิทธิทัศน์จึงยอมจำนนด้วยหลักฐานและให้เหตุผลว่า ทำด้วยอุดมการณ์ ทำคนเดียว ไม่มีใครเกี่ยวข้อง หรืออยู่เบื้องหลัง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาที่ สน.สำราญราษฎร์เพื่อจัดทำบันทึกการจับกุมปละนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งอีกว่า ทั้งสองจะถูกควบคุมตัว ด้วยอำนาจกฎอัยการศึก ในเขตทหาร เพื่อสอบสวน ดำเนินคดี และอาจจะต้องขึ้นศาลทหาร 
 
ที่มา มติชน
 
26 พฤศจิกายน 2557
 
ที่ กรมทหารปืนใหญ่ที่1 รักษาพระองค์ (ป.1รอ.) ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้าพบพันเอก คชาชาต บุญดี เพื่อขออนุญาตพบ สิทธิทัศน์และวชิร เนื่องจากทั้งสองคนถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกในวันแรก เพื่อแจ้งสิทธิต่างๆที่ผู้ต้องหาควรได้รับในกระบวนการยุติธรรม
 
2 ธันวาคม 2557
 
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุม สิทธิทัศน์และวชิร พร้อมของกลางเป็น รถเบนซ์ ทะเบียน 1 กม-200 กทม. รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน กมร-4 นครปฐม และอุปกรณ์ในการผลิตใบปลิวทั้งหมด 
 
ทั้งสิทธิทัศน์และวชิร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมเปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางประชาธิปไตยเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้จะให้ทนายความยื่นหลักทรัพย์ คนละ 2 แสนบาท เพื่อประกันตัวต่อพนักงานสอบสวน และได้รับอนุญาตให้ประกันตัว
 
ที่มา มติชน
 
11 พฤษภาคม 2560 เลื่อนนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์  เป็น วันที่ 21 สิงหาคม 2560 เนื่องจากจำเลยป่วยไม่สามารถมาศาลได้  

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา