- คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, คดีมาตรา112, ฐานข้อมูลคดี
เธียรสุธรรม : โพสต์เฟซบุ๊ก “ใหญ่ แดงเดือด”
อัปเดตล่าสุด: 25/10/2560
ผู้ต้องหา
เธียรสุธรรม
สถานะคดี
ตัดสินแล้ว / คดีถึงที่สุด
คดีเริ่มในปี
2557
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)
สารบัญ
เธียรสุธรรม อายุ 58 ปี ถูกตำรวจจับกุมที่บ้านเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2557 ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ใหญ่ แดงเดือด” โพสต์วิจารณ์ คสช.และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงการพาดพิงสถาบันกษัตริย์ฯ ทั้งหมด 5 โพสต์
ศาลทหารพิพากษาว่าเขามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ลงโทษจำคุกรวม 25 ปี ส่วนที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน ไม่นับเป็นวันที่จำเลยถูกควบคุมตัวระหว่างการดำเนินคดี
ศาลทหารพิพากษาว่าเขามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ลงโทษจำคุกรวม 25 ปี ส่วนที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน ไม่นับเป็นวันที่จำเลยถูกควบคุมตัวระหว่างการดำเนินคดี
ภูมิหลังผู้ต้องหา
เธียรสุธรรม อายุ 58 ปี จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว ไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิด เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนปช.ที่ถนนอักษะ เมื่อ ปี 2556 ในฐานะผู้สังเกตการณ์ โดยปกติรับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์และทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก
รู้จัก 'เธียรสุธรรม' ให้มากขึ้น อ่าน ใหญ่ แดงเดือด: ในฤดูร้อนที่ไม่เป็นเช่นเคย [112 The Series]
ข้อหา / คำสั่ง
มาตรา 14 (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ, มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
เมื่อระหว่างเดือนมิถุนายน 2557 เป็นต้นมา เธียรสุธรรมเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “ใหญ่ แดงเดือด” โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์การเมือง และโจมตีการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) รวมทั้งการทำงานของคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเรื่อยมา โดยมีการทำกราฟฟิคภาพพร้อมข้อความที่มีเนื้อหาเสียดสีการทำงานของรัฐบาล และพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
ตามคำฟ้องของอัยการทหารกรุงเทพ กล่าวหาว่า เธียรสุธรรม มีความผิดจากการโพสข้อความ 5 ครั้ง ซึ่งเป็นความผิด 5 กรรม ดังนี้
ข้อความที่ 1 โพสเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 วิพากษ์วิจารณ์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการทำงานของพระมหากษัตริย์ไทย
ข้อความที่ 2 โพสเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 เป็นทำนองใส่ความว่ามีการบรรจุยาเสพติดให้โทษลงในนมถั่วเหลืองยี่ห้อหนึ่ง
ข้อความที่ 3 โพสเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2557 โพสต์โจมตีพลเอกประยุทธ โดยข้อความตอนหนึ่ง อาจตีความได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์
ข้อความที่ 4 โพสเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2557 เป็นภาพดอกฝิ่น และมีข้อความประกอบภาพ ที่เขียนกล่าวหาว่ามีตระกูลคนรวยซึ่งเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ข้อความที่ 5 โพสเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 โพสต์ชื่อคนๆหนึ่งที่อาจตีความได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์ในทางไม่เป็นมงคล
พฤติการณ์การจับกุม
18 ธันวาคม 2557 เวลาประมาณ 9.00 น. ที่บ้านพักของเธียรสุธรรมย่านลาดพร้าว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ ทำทีมาถามหาบ้านของคนในละแวกนั้นโดยมีภรรยาเป็นผู้มาเปิดประตู จากนั้นมีการพูดคุยเจรจากัน จนหลอกล่อ เธียรสุธรรมเดินออกมาจากตัวบ้าน หลังจากเธียรสุธรรมเดินมาถึงบริเวณรั้วบ้านเพื่อที่จะบอกเส้นทาง ก็มีชุดเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เทียรสุธรรมถูกควบคุมตัวไปที่ กองบังคับการทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 พร้อมตัวภรรยา เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือมาตรวจสอบ
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
ไม่มีข้อมูล
หมายเลขคดีดำ
ไม่มีข้อมูล
ศาล
ศาลทหารกรุงเทพ
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
– 112 The Series: ใหญ่ แดงเดือด ในฤดูร้อนที่ไม่เป็นเช่นเคย
แหล่งอ้างอิง
ไม่มีข้อมูล
18 ธันวาคม 2557
เวลาประมาณ 9.00 น. เธียรสุธรรมถูกจับกุมจากบ้านพักย่านลาดพร้าว เบื้องต้น เธียรสุธรรมยอมรับว่าเป็นผู้ใช้งานบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “ใหญ่ แดงเดือด” จริง และใช้งานบัญชีดังกล่าวมาประมาณ 2 ปี เบื้องต้น เธียรสุธรรมถูกควบคุมตัวในค่ายทหารด้วยอำนาจตามกฎอัยการศึก
22 ธันวาคม 2557
พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลทหารกรุงเทพ เพื่อขอออกหมายจับเธียรสุธรรม ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับเธียรสุธรรมไว้
23 ธันวาคม 2557
เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 11นำโดยร.อ.ปิยดล นาคอุไร นำตัวเธียรสุธรรมมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เธียรสุธรรม ถูกควบคุมตัวไว้ระหว่างการสอบสวนที่สน.ทุ่งสองห้องเป็นเวลาสองคืน
25 ธันวาคม 2557
ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนนำตัวเธียรสุธรรมมาขออำนาจศาลฝากขังในผลัดที่ 1 โดยให้เหตุผลว่า ต้องสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวน 10 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือที่ตรวจยึดได้ รวมไปถึงการรอผลการตรวจประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อมาประกอบสำนวนการสอบสวน
จากนั้นภรรยาของเธียรสุธรรมได้ยื่นขอประกันตัว โดยวางเงินสด 400,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ และแจ้งต่อศาลว่าเธียรสุธรรมเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่ได้มีอิทธิพลหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้ และยังให้เหตุผลว่า เธียรสุธรรมมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยป่วยเป็นโรคไซนัสอักเสบ ภูมิแพ้และโรคกระเพาะ ต้องรับประทานยาเพื่อรักษาโรคดังกล่าวและพบแพทย์เป็นประจำ และมีความรับผิดชอบต้องประกอบธุรกิจหารายได้อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว มีภาระต้องเลี้ยงดูภรรยาและบุตรอีกจำนวน 3 คน
ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเนื่องจาก เห็นว่าเป็นคดีร้ายแรง เกรงว่าปล่อยตัวไปแล้วจะหลบหนี ไม่มีเหตุเพิ่มเติมว่าจะให้ประกันตัว
5 มกราคม 2558
ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังเธียรสุธรรม เป็นครั้งที่ 2 โดย ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยให้เหตุผลว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีนับว่าร้ายแรง ประกอบกับศาลเคยไม่ให้อนุญาตประกันตัวมาแล้ว และไม่มีเหตุสมควรจะให้ประกันตัว จึงไม่อนุญาตคำร้องอีกครั้ง
31 มีนาคม 2558
นัดสอบคำให้การ
ศาลทหารนัดสอบคำให้การ เธียรสุธรรมในช่วงเช้าโดยสั่งให้พิจารณาเป็นการลับ ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปฟังการพิจารณาคดี
จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยด้วยมาตรา 112 กระทงความผิดละ 10 ปี 5 กระทง รวม 50 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง รวมจำคุก 25 ปี ศาลสั่งด้วยว่า ที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน ไม่ให้นำมาหักจากเวลาที่จำเลยถูกควบคุมตัวแล้ว
คำพิพากษา
สรุปคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลทหารกรุงเทพพิพากษาว่าจำเลยทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวม 5 กรรม ลงโทษจำคุกจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษสูงสุด กรรมละ 10 ปี รวม 50 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง รวมจำคุก 25 ปี
ที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน ไม่นับเป็นวันที่จำเลยถูกควบคุมตัวระหว่างการดำเนินคดี