อมรโชติซิงห์: ทะเลาะวิวาทเพราะใส่เสื้อสีชมพู

อัปเดตล่าสุด: 08/10/2560

ผู้ต้องหา

อมรโชติซิงห์

สถานะคดี

ชั้นสืบสวนสอบสวน

คดีเริ่มในปี

2559

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

ร.ต.อ.วริทธิ์ธร อ่อนคล้าย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจบุปผาราม

สารบัญ

24 ตุลาคม 2559 ระหว่างที่อมรโชติซิงห์กำลังซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มีชายแปลกหน้าสองคนเข้ามถามว่าทำไมจึงใส่เสื้อสีชมพู หลังจากพวกเขาทะเลาะกันที่ห้างและตำรวจเข้ามาระงับเหตุ อมรโชติซิงห์ถูกตั้งข้อหามาตรา 112 จากการดูหมิ่นรัชกาลที่ 9 ตามที่ชายทั้งสองกล่าวหา

 

ระหว่างการสอบสวน อมรโชติซิงห์ถูกขังอยู่ที่สถนีตำรวจสองวัน เขาปฏิเสธว่าไม่ได้กล่าวคำเหล่านั้น ตำรวจและทหารยังไปที่บ้านและค้นข้าวของ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์ของเขา ต่อมาศาลอาญาธนบุรีให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 250,000 บาท

 

ภูมิหลังผู้ต้องหา

อมรโชติซิงห์เป็นชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ขณะเกิดเหตุอายุ 39 ปี ประกอบอาชีพขายผ้าที่ตลาดพาหุรัด โดยเป็นผู้หารายได้เพียงคนเดียวของครอบครัว ต้องดูแลภรรยา บุตรบุญธรรม และพ่อกับแม่ซึ่งอายุมากแล้ว อมรโชติซิงห์ติดตามข่าวการเมืองอยู่บ้างแต่ไม่มีความสัมพันธ์กับนักเคลื่อนไหวและไม่เคยเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง

ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา, อื่นๆ
ทำให้เสียทรัพย์

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ตามคำร้องขอฝากขังระบุว่า วันที่ 24 ตุลาคม 2559 เวลาประมาณ 19.30 น. ระหว่างที่อมรโชติซิงค์กำลังเลือกซื้อของใช้ที่ห้างบิ๊กซี สาขาถนนอิสรภาพ  มีชายสองคนเดินเข้ามาถามว่า “พี่ใส่เสื้อสีชมพูมาทำไม พี่ไม่รู้เหรอว่า บ้านเมืองตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ในหลวงของพวกผมเสด็จสวรรคตแล้ว พี่ไม่ให้เกียรติในหลวงของผมเลยเหรอ” อมรโชติซิงค์ถูกกล่าวหาว่าตอบโต้ในทำนองที่ว่า การสวรรคตของรัชกาลที่เก้าไม่เกี่ยวข้องกับเขา และกล่าวคำหยาบคายอีกสองถึงสามครั้ง 
 
เมื่อชายทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นจึงท้าให้ไปต่อยกันที่ด้านหน้าห้างบิ๊กซี โดยระหว่างนั้นอมรโขติซิงค์ได้โทรศัพท์ไปที่สายด่วน 191 เพื่อมาระงับเหตุวิวาทดังกล่าว อมรโชติซิงค์ได้ขว้างตะกร้าสินค้าจนเสียหายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุ อันเป็นการทำผิดซึ่งหน้าเจ้าพนักงานจึงถูกจับกุมตัวในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ หลังจากสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนบอกต่ออมรโชติซิงค์ว่า เขาถูกแจ้งข้อกล่าวหา หมิ่นประมาทพระกษัตริย์อีกหนึ่งข้อกล่าวหาจากการโต้เถียง โดยชายสองคนที่เถียงกับเข้าเป็นผู้เข้าแจ้งความ
 
 

พฤติการณ์การจับกุม

วันที่ 24 ตุลาคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุวิวาทเรื่องสีเสื้อระหว่างอมรโชติซิงห์และชายอีกสองคน หลังจากนั้นจึงเชิญตัวทั้งสามคนไปพูดคุยกันที่สถานีตำรวจบุปผาราม โดยระหว่างการสอบสวน ตำรวจควบคุมตัวอมรโชติซิงห์ไว้เป็นเวลาสองวัน 

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

ไม่มีข้อมูล

ศาล

ศาลอาญาธนบุรี

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล
24 ตุลาคม 2559
 
ตามคำร้องขอฝากขังระบุว่า วันที่ 24 ตุลาคม 2559 เวลาประมาณ 19.30 น. ระหว่างที่อมรโชติซิงห์กำลังเลือกซื้อของใช้ที่ห้างบิ๊กซี สาขาถนนอิสรภาพ มีชายสองคนเดินเข้ามาถามว่า “พี่ใส่เสื้อสีชมพูมาทำไม พี่ไม่รู้เหรอว่า บ้านเมืองตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ในหลวงของพวกผมเสด็จสวรรคตแล้ว พี่ไม่ให้เกียรติในหลวงของผมเลยเหรอ” 
 
ชายทั้งสองคนกล่าวในเชิงท้าทายให้ไปต่อยกันที่ด้านหน้าห้างบิ๊กซี ระหว่างนั้นอมรโขติซิงค์ได้โทรศัพท์ไปที่สายด่วน 191 เพื่อมาระงับเหตุวิวาทดังกล่าว อมรโชติซิงห์ได้ขว้างตะกร้าสินค้าจนเสียหายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุ อันเป็นการทำผิดซึ่งหน้าเจ้าพนักงานจึงถูกจับกุมตัวในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ หลังจากสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนบอกต่ออมรโชติซิงห์ว่า เขาถูกแจ้งข้อกล่าวหา หมิ่นประมาทพระกษัตริย์อีกหนึ่งข้อกล่าวหาจากการโต้เถียง โดยชายสองคนที่เถียงกับเข้าเป็นผู้เข้าแจ้งความ
 
อีกด้านหนึ่งจากคำบอกเล่าของอมรโชติซิงห์ระบุว่า วันที่ 24 ตุลาคม 2559 หลังจากที่กลับจากที่ทำงานแล้ว เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านคือ เสื้อสีชมพูและกางเกงลายดอก แต่พี่เลี้ยงเด็กได้ขอให้เขาออกไปซื้อผ้าอ้อมสำหรับลูกของเขา หลังจากนั้นเขาจึงได้ไปเลือกซื้อสินค้าที่ห้างบิ๊กซี โดยที่เขาไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเดินเข้าประตูห้างไปเขารู้สึกได้ว่า มีคนมองมาที่เขา แต่เขายังเดินเข้าไปที่ชั้นวางสินค้าเพื่อหาเลือกซื้อ ก่อนที่จะมีชายสองคนเข้ามาถามว่า “พี่ใส่เสื้อสีชมพูมาทำไม พี่ไม่รู้เหรอว่า บ้านเมืองตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ในหลวงของพวกผมเสด็จสวรรคตแล้ว พี่ไม่ให้เกียรติในหลวงของผมเลยเหรอ” แต่เขาตอบกลับเพียงว่า “มึงเป็นใคร ทำไมกูต้องไป มีสิทธิอะไร” เท่านั้น ไม่ได้ตอบกลับอย่างที่คำร้องขอฝากขังระบุไว้  
 
จากนั้นจึงโต้เถียงกันอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะพากันเดินมาที่หน้าห้างบิ๊กซี และเขวี้ยงตะกร้าจนได้รับความเสียหาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้ามปรามและพูดกับเขาว่า ทำไมถึงใส่เสื้อสีดังกล่าวมา รู้ไหมว่า มันอ่อนไหวแค่ไหน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวจึงพาอมรโชติซิงห์ไปพูดคุยยุติข้อขัดแย้งที่สถานีตำรวจบุปผาราม นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า จะดำเนินคดีต่ออมรโชติซิงห์ในสองข้อหาคือ ทำให้เสียทรัพย์และหมิ่นประมาท  ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ห้างบิ๊กซีได้ส่งตัวแทนมาร้องทุกข์อมรโชติซิงห์ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอควบคุมตัวอมรโชติซิงห์ไว้ก่อน ทำให้คืนนี้เขาต้องนอนในห้องขัง สถานีตำรวจบุปผาราม
 
 
25 ตุลาคม 2559
 
เวลาประมาณ 12.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้เข้าค้นบ้านพักปัจจุบันย่านอิสรภาพของอมรโชติซิงห์โดยใช้อำนาจตามคำสั่งที่ 3/2558 และยึดเอกสารจำนวนหนึ่ง, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, โทรศัพท์มือถือ และไอแพด เสร็จแล้วจึงควบคุมตัวเขาไปตรวจค้นที่พักตามระบุในทะเบียนบ้านย่านเพชรเกษม ต่อมาในช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เพิ่มเติมต่ออมรโชติซิงห์ ยื่นรายละเอียดการกระทำความผิดให้เขาอ่านและบอกสิทธิของผู้ต้องหา แต่ไม่ได้ถามเขาว่า ต้องการทนายความหรือไม่ อย่างไรก็ดีอมรโชติซิงห์ให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา
 
วันเดียวกัน ครอบครัวของอมรโชติซิงห์พยายามที่จะประกันตัวเขา แต่เนื่องจากหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ อมรโชติซิงห์จึงต้องอยู่ในการควบคุมของตำรวจอีกหนึ่งคืน
 
26 ตุลาคม 2559
 
หลังจากควบคุมอมรโชติซิงห์เกือบครบ 48 ชั่วโมงตามที่กฎหมายระบุแล้ว ตำรวจได้นำตัวเขาไปยื่นคำร้องขอฝากขังผลัดที่หนึ่งที่ศาลอาญาธนบุรี ครอบครัวของเขาได้ยื่นคำร้องของปล่อยตัวชั่วคราว วางหลักทรัพย์ประกันตัวจำนวน 250,000 บาท ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
 
 
 
18 มกราคม 2560
 
นัดส่งตัวฟ้อง อมรโชติซิงห์ ไปพบกับอัยการที่ศาลอาญาธนบุรีตามที่นัดไว้ อัยการแจ้งว่า ยังไม่สั่งฟ้องในวันนี้ และนัดให้มาฟังคำสั่งวันหลัง
 
 

 

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา