พัฒน์นรี: แชทเฟซบุ๊ก

อัปเดตล่าสุด: 01/04/2565

ผู้ต้องหา

พัฒน์นรี

สถานะคดี

ชั้นศาลชั้นต้น

คดีเริ่มในปี

2559

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

ไม่มีข้อมูล

สารบัญ

พัฒนรี แม่ของสิรวิชญ์หรือจ่านิว นักกิจกรรมกลุ่มประชาธิปไตยศึกษาถูกจับด้วยข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เนื่องจากตอบโต้บทสนทนาผ่านกล่องข้อความเฟซบุ๊คกับบุรินทร์ ผู้ต้องหาอีกคดีหนึ่ง อัยการทหารฟ้องพัฒน์นรีต่อศาลทหารในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 โดยพัฒน์นรีได้รับการประกันตัวในวันเดียวกัน พัฒน์นรี ต้องต่อสู้คดีในศาลทหารกรุงเทพ ศาลทหารให้พิจารณาคดีเป็นการลับ

ภูมิหลังผู้ต้องหา

พัฒน์นรีเป็นแม่ของสิรวิชญ์หรือ "นิว" นักศึกษาและนักกิจกรรมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากสิรวิชญ์ พัฒน์นรียังมีลูกอีกสามคนที่ต้องดูแล พัฒน์นรีประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างทำงานบ้านโดยเธอเป็นกำลังสำคัญในการหารายได้เข้าบ้านเพราะสามีเสียชีวิตไปแล้ว 

ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 14 (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ, มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

พัฒน์นรีสนทนากับบุรินทร์ ในกล่องสนทนาส่วนตัวของเฟซบุ๊ก บุรินทร์สนทนาในลักษณะที่เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ซึ่งบุรินทร์ถูกจับกุมและดำเนินคดีแยกต่างหาก ขณะที่พัฒน์นรีสนทนาด้วยในเชิงรับทราบ  

พฤติการณ์การจับกุม

พัฒน์นรีไม่ถูกจับกุมแต่เดินทางเข้ามอบตัวด้วยตนเองในวันที่ 6 พฤษภาคม 2559 จากนั้นจึงถูกคุมตัวที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องและกองบังคับการปราบปรามที่ละคืน
 
พัฒน์นรีถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหารในวันที่ 8 พฤษภาคม 2559 และได้รับการประกันตัวในวันเดียวกันโดยวางหลักทรัพย์เป็นเงิน 500,000 บาท
 

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

194/2559

ศาล

ศาลทหารกรุงเทพ

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล
6 พฤษภาคม 2559
 
โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ รายงานว่า ศาลทหารอนุมัติหมายจับพัฒน์นรีในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 แล้ว โดยพนักงานสอบสวนระบุว่า พัฒน์นรีร่วมกับบุรินทร์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 อีกคนหนึ่งทำความผิด ขณะที่พัฒน์นรีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า “ตกใจมาก รับไม่ได้เลย ตอนนี้ยังทำงานอยู่และรอทนาย แล้วจะไปมอบตัว” 
 
หลังศาลทหารออกหมายจับในช่วงเช้า ในเวลาประมาณ 15.40 น. คมชัดลึกออนไลน์ รายงานว่าพัฒน์นรีพร้อมกับธีรพันธ์ พันธ์คีรี และอานนท์ นำภา ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ปอท. เพื่อมอบตัวพร้อมระบุว่าไม่เคยรู้จักกับบุรินทร์เป็นการส่วนตัวมาก่อน ทีมทนายของพัฒน์นรีใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาทขอประกันตัวในชั้นสอบสวนแต่ไม่ได้รับอนุญาต พัฒน์นรีจึงถูกนำไปควบคุมตัวที่สน.ทุ่งสองห้อง
 
7 พฤษภาคม 2559
 
คมชัดลึกออนไลน์ รายงานว่า พัฒน์นรีถูกนำตัวจากสน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัว ไปที่ปอท.เพื่อสอบสวนขยายผล ก่อนจะควบคุมตัวไปที่กองบังคับการปราบปราม (กองปราบฯ) 
 
พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผู้กำกับสามจากปอท.ยืนยันในการแถลงข่าวว่า การดำเนินคดีนี้เป็นไปตามขั้นตอนและมีหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด และการกระทำความผิดก็ไม่ได้มีเพียงแต่ข้อความ "จ้า" แต่มีบทสนทนาที่มากกว่านั้นแต่ยังเปิดเผยรายละเอียดอื่นไม่ได้เพราะยังอยู่ในชั้นสืบสวนสอบสวน  
 
นอกจากการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันเจ้าหน้าที่นำกำลังไปตรวจค้นบ้านของพัฒน์นรีโดยมีการแสดงหมายค้น หลังทำการตรวจค้นประมาณครึ่งชั่วโมงเจ้าหน้าที่ยึดคอมพิวเตอร์พีซี สอง เครื่องของสิรวิชญ์ ไปดำเนินการตรวจสอบหาข้อมูล และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง 
 
8 พฤษภาคม 2559
 
ประชาไทรายงานว่า ในช่วงเช้า พนักงานสอบสวนควบคุมตัวพัฒน์นรีจากกองปราบฯไปที่ศาลทหารเพื่อขออนุญาตศาลฝากขังระหว่างการสอบสวนผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน
ทนายของพัฒน์นรีคัดค้านการฝากขังโดยระบุเหตุผลว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือสุ่มเสี่ยงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและมีภาระต้องหาเลี้ยงครอบครัว แต่ศาลอนุญาตใ้ห้ฝากขังโดยแจ้งกับทนายว่าเหตุผลที่อ้างมาไม่ใช่เหตุผลในการคัดค้านการฝากขังแต่เป็นเหตุผลในการขอปล่อยตัวชั่วคราว
 
ในเวลาประมาณ 12.30 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าศาลอนุญาตให้ประกันตัวพัฒน์นรีด้วยเงินประกัน 500,000 บาท พร้อมตั้งเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศและห้ามกระทำการใดๆในลักษณะปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง พัฒน์นรีได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานหญิงกลางในเวลาประมาณ 16.10 น.

13 กรกฎาคม 2559
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ยื่นคำร้องขอยกเลิกการฝากขังพัฒน์นรี เนื่องจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 
 
หนังสือขอยกเลิกการฝากขังระบุ ว่าตามที่พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนเป็นครั้งที่หกตั้งแต่วันที่ 7 ถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2559 นั้น ปรากฎว่าในวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จึงขอยกเลิกการฝากขังผู้ต้องหา หลังพนักงานสอบสวนยื่นคำร้อง ศาลทหารกรุงเทพก็อนุญาตให้ยกเลิกฝากขังตามคำร้อง
 
สำหรับขั้นตอนต่อไป พนักงานสอบสวนจะทำความเห็นและส่งสำนวนคดีให้อัยการมหารตรวจสอบ และทำความเห็นว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หากอัยการทหารสั่งไม่ฟ้อง คดีจะถือเป็นที่สุด
 
22 กรกฎาคม 2559
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า อัยการทหารมีความเห็นสั่งฟ้องพัฒน์นรี ทนายของพัฒน์นรีประสานขออนุญาตศาลเลื่อนการรายงานตัวกับอัยการเพราะทราบหมายนัดกระทันหันทำให้ไม่สามารถหาหลักทรัพย์ประกันตัวได้ทัน ศาลทหารอนุญาตให้พัฒน์นรีเลื่อนไปรายงานตัวในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 แทน
 
1 สิงหาคม 2559
 
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า พัฒน์นรีไปพบอัยการทหารที่ศาลทหารกรุงเทพเพื่อส่งตัวฟ้อง โดยทนายจำเลยใช้เงินสด 500,000 บาท วางต่อศาลเพื่อขอประกันตัวพัฒน์นรี ศาลทหารมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวพร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามออกนอกประเทศ ห้ามร่วมชุมนุมทางการเมืองหรือยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย หลังเสร็จกระบวนการที่ศาลทหารกรุงเทพ พัฒน์นรีถูกนำตัวไปที่ทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อทำการปล่อยตัวในช่วงเย็น 
 
14 ธันวาคม 2559 
 
นัดสอบคำให้การ
พัฒน์นรีให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
 
29 มีนาคม 2560
 
นัดตรวจพยานหลักฐาน
 
16 มิถุนายน 2560 
 
นัดสืบพยานโจทก์
นัดสืบพยานโจทก์ปากแรก ร.ท.ชวิน ชยาวิวัฒนาวงศ์ เหลือทนายจำเลยถามค้าน
 
4 กันยายน 2560 
 
นัดสืบพยานโจทก์
 
สืบพยานโจทก์ ร.ท.ชวิน ชยาวิวัฒนาวงศ์ ต่อจากนัดที่แล้ว แต่พยานไม่มาศาลเนื่องจากติดราชการ 
 
26 ธันวาคม 2560
 
นัดสืบพยานโจทก์
 
สืบพยานโจทก์ปากแรก ร.ท.ชวิน ชยาวิวัฒนาวงศ์ เสร็จสิ้น
 
4 เมษายน 2561
 
นัดสืบพยานโจทก์
 
สืบพยานโจทก์ปากที่สอง จ.ส.อ.วิโรจน์ พวงคต แล้วเสร็จ
 
2 กรกฎาคม 2561
 
นัดสืบพยานโจมก์
 
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากที่สาม ร.ต.ทรรศภณ วงศ์น้อย แต่พยานโจทก์ไม่มาศาล ศาลเลื่อนการสืบพยานโจทก์ปากที่สองไปเป็นวันที่ 24 กันยายน 2561 
 
24 กันยายน 2561
 
นัดสืบพยานโจทก์
 
สืบพยานโจทก์ปากที่สาม พ.ต.ต.รัฐศาสตร์ ไชยพล แล้วเสร็จ
 
2 พฤศจิกายน 2561
 
นัดสืบพยานโจทก์
 
สืบพยานโจทก์ปากที่สี่ พงศธร อรรณสุคนธ์ แล้วเสร็จ 
 
8 กุมภาพันธ์ 2562
 
นัดสืบพยานโจทก์
 
นัดสืบพยานโจทก์สองปาก คือ ศรายุทธ สังวาลย์ทอง และธัญชวิชญ์ ทั่งทอง พยานทั้งสองคนไม่มาศาล ศาลเลื่อนพิจารณาคดี
 
5 มิถุนายน 2562
 
นัดสืบพยานโจทก์
 
นัดสืบพยานโจทก์สองปาก คือ ศรายุทธ สังวาลย์ทอง และธัญชวิชญ์ ทั่งทอง สืบพยานแล้วเสร็จทั้งสองปาก ศาลนัดสืบพยานอีกครั้งวันที่ 28 สิงหาคม 2562 คือ ร.ต.อ.สุธิรพงศ์ ชัยสิริ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท
 
 
6 สิงหาคม 2562
 
นัดฟังคำสั่งโอนคดี
 
พัฒน์นรีพร้อมทั้งทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางไปที่ศาลทหารกรุงเทพในเวลาประมาณ 9.00 น. 
 
ศาลขึ้นบันลังก์ในเวลาประมาณ 9.30 น. โดยปกติคดีนี้ศาลจะพิจารณาลับแต่ในนัดนี้ศาลอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมสังเกตการณ์ได้
 
หลังจากนั้นศาลอ่านกระบวนพิจารณาซึ่งสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม2562 ได้มีคำสั่งหัวหน้าคสช. ฉบับที่ 9/2562 เรื่องการยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บำงฉบับที่หมดความจำเป็น 
 
ตามข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้คดีอยู่ในอำนาจของศาลทหาร ตามที่ระบุในบัญชีสองท้ายคำสั่งนี้ ทำให้คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลทหารตามประกาศและคำสั่งดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหารตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป แต่ให้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

จึงให้งดการสืบพยานจำเลยในวันนี้ และงดการพิจารณาไว้ชั่วคราว และให้โอนคดีไปศาลยุติธรรมกับจำหน่ายคดีจากสารบบความในศาลนี้ ให้มีหนังสือไปสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมให้จ่าศาลคัดถ่ายสำนวนคดีเก็บไว้ที่ศาลนี้ด้วย และสัญญาประกันให้มีผลต่อไป
 
เมื่ออ่านคำสั่งเสร็จสิ้นศาลได้ลุกจากบันลังก์ทันที
เสร็จสิ้นการพิจารณาคดีในเวลาประมาณ 09.40 น.
 
ในเวลาต่อมา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนูษยชนให้ข้อมูลว่าศาลอาญากำหนดวันนัดพร้อมคดีนี้แล้วเป็นวันที่ 29 มกราคม 2563 เวลา 9.00 น.

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา