นูรฮายาตี: หญิงตาบอดแชร์บทความเว็บเลี้ยวซ้าย

อัปเดตล่าสุด: 25/01/2561

ผู้ต้องหา

นูรฮายาตี

สถานะคดี

ชั้นศาลอุทธรณ์

คดีเริ่มในปี

2559

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

ไม่มีข้อมูล

สารบัญ

ช่วงเดือนตุลาคม 2559 นูรฮายาตีเป็นหญิงพิการตาบอดทั้งสองข้างถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกและตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 โดยถูกกล่าวหาว่าโพสต์ลิงก์บทความของใจ อึ๊งภากรณ์และแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กในลักษณะเข้าข่ายผิดกฎหมาย เธอได้รับการปล่อยตัวในชั้นสอบสวนก่อนจะถูกคุมขังในเรือนจำช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 เมื่อคดีขึ้นสู่ชั้นศาล ต่อมานูรฮายาตีให้การรับสารภาพ ศาลจังหวัดยะลาพิพากษาจำคุกเธอเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญาในวันที่ 4 มกราคม 2561
 

ภูมิหลังผู้ต้องหา

นูรฮายาตี อายุ 23 ปี เป็นชาวอำเภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นคนพิการตาบอดทั้งสองข้าง รับรู้ได้เพียงแสง สามารถอ่านหนังสืออักษรเบรลล์ได้ และสามารถใช้คอมพิวเตอร์ ใช้เฟสบุ๊คผ่านแอพพลิเคชั่นสำหรับคนตาบอด (สมาร์ทวอยซ์) ได้ สามารถช่วยเหลือตัวเอง พูด ฟัง ภาษาไทยได้ เคยได้รับการศึกษาจากศูนย์การศึกษาพิเศษตาบอล จ.สงขลา ถึงชั้นป.2 
 

ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 14 (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ, มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ตามคำฟ้องที่อัยการยื่นต่อศาลระบุว่า ระหว่างวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ถึง 18 ตุลาคม 2559 จำเลยคัดลอกบทความของใจ อึ๊งภากรณ์จากเว็บไซต์เลี้ยวซ้าย มาลง มาลงในเฟซบุ๊กชื่อ นูรฮา ยาตี ของจำเลย และได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นของจำเลยลงในเฟซบุ๊กซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นข้อความอันเป็นเท็จ และเป็นข้อความหมิ่นประมาท ใส่ความ จาบจ้วง ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาคมาดร้ายพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ต่อบุคคลที่สามที่ได้อ่านข้อความนั่น ทำให้พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และเป็นการนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร 
 
 

พฤติการณ์การจับกุม

นูรฮายาตีเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเองในวันที่ 22 ตุลาคม 2559 
 

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

ไม่มีข้อมูล

ศาล

ศาลจังหวัดยะลา

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล
22 ตุลาคม 2559 
 
ญาติพานูรฮายาตีเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองยะลาตามที่ได้รับหมายเรียก พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบแล้ว นูรฮายาตีให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจสั่งปล่อยตัว ไม่ได้ควบคุมตัวไว้ระหว่างการสอบสวน โดยหลังจากนั้นพนักงานสอบสวนนัดให้นูรฮายาตีไปให้ปากคำ และไปพบอัยการอีกหลายครั้ง ซึ่งนูรฮายาตีก็ให้ความร่วมมือไปพบพนักงานสอบสวนตามนัด
 
28 พฤศจิกายน 2560
 
อัยการยื่นฟ้องนูรฮายาตีต่อศาลจังหวัดยะลา นูรฮายาตีแถลงรับสารภาพต่อศาลในวันนั้น ศาลสั่งให้สืบเสาะพฤติการณ์ของจำเลยเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดโทษ ระหว่างการพิจารณาของศาลให้คุมขังจำเลยไว้ก่อนที่เรือนจำกลางจังหวัดยะลา และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 4 มกราคม 2561 เนื่องจากจำเลยและญาติมีหลักทรัพย์ไม่พอจึงไม่ได้ยื่นขอประกันตัว

คำฟ้องของอัยการสรุปใจความได้ว่า ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตั้งแต่ปี 2475 มาจนถึงปัจจุบัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ต่อมาเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559
 
ขณะเกิดเหตุคดีนี้ รัฐธรรมนูญ 2557 ใช้บังคับอยู่ และบัญญัติให้หมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ยัง ของรัฐธรรมนูญ 2550 ยังคงใช้บังคับต่อไป ซึ่งบัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้" และบัญญัติเช่นเดียวกันในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 6 
 
เมื่อระหว่างวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ถึง 18 ตุลาคม 2559 จำเลยคัดลอกบทความจากเว็บไซต์ เทินเล็ปไทย เวิร์ดเพรส ดอทคอม มาลง มาลงในเฟซบุ๊กชื่อ นูรฮา ยาตี ของจำเลย และได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นของจำเลยลงในเฟซบุ๊กซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นข้อความอันเป็นเท็จ และเป็นข้อความหมิ่นประมาท ใส่ความ จาบจ้วง ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาคมาดร้ายพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ต่อบุคคลที่สามที่ได้อ่านข้อความนั่น ทำให้พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และเป็นการนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
 
 
29 พฤศจิกายน 2560 
 
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยะลามาพบและสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวนูรฮายาตีในเรือนจำ
 
 
4 มกราคม 2561
 
ศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องของโจทก์ ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษจำคุกให้เหลือ 1 ปี 6 เดือน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีร้ายแรง โทษจำคุกจึงไม่อาจรอลงอาญาได้
 
23 มกราคม 2561

ประชาไทรายงานว่า อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ทนายความจากศูนย์ทนายความมุสลิม จ.ยะลา เปิดเผยว่า นูรฮายาตี ได้รับการปล่อยตัวแล้ว โดยทางครอบครัวได้รับโทรศัพท์จากทางเจ้าหน้าที่ศาลให้ไปรับตัวผู้ต้องขัง จึงได้ไปรับตัวกลับมาพักอยู่กับครอบครัว ทั้งนี้ทางครอบครัวและทนายความได้ยืนยันตรงกันว่า ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ทำเรื่องขอประกันตัว และไม่ทราบว่าประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์วงเงินเท่าไหร่ แต่ทางศูนย์ทนายความมุสลิมจะช่วยทำคดีในชั้นอุทธรณ์และจะช่วยทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนูรยาฮาตีต่อไป 
 
 

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา