สงวน: โพสต์ภาพละเมิดอำนาจศาลแขวงดุสิต

อัปเดตล่าสุด: 09/09/2562

ผู้ต้องหา

อนุรักษ์

สถานะคดี

ชั้นศาลชั้นต้น

คดีเริ่มในปี

2561

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

ผู้อำนวยการ สำนักอำนวยการประจำศาลแขวงดุสิต

สารบัญ

วันที่ 4 มิถุนายน 2561 ศาลแขวงดุสิตนัดพิจารณาคดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ถนนราชดำเนิน #RDN50 (คดีผู้ร่วมชุมนุม) ปัญญารัตน์ หนึ่งในจำเลยใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพอนุรักษ์ จำเลยอีกคนหนึ่งแล้วส่งเข้าไปในกลุ่มไลน์กลุ่มหนึ่ง

ในเวลาต่อมาสงวน ผู้สื่อข่าวอิสระซึ่งเป็นผู้ต้องหาในการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่หอศิลป์กรุงเทพ #MBK39 (คดีผู้ร่วมชุมนุม) และอยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าวนำภาพถ่ายของอนุรักษ์โพสต์พร้อมเขียนข้อความในทำนองวิพากษ์วิจารณ์ศาลบนเฟซบุ๊กส่วนตัวซึ่งตั้งค่าเป็นสาธารณะ

แม้สงวนจะลบภาพดังกล่าวหลังจากโพสต์ไปในเฟซบุ๊กไม่นานแต่กองสารนิเทศ สํานักงานศาลยุติธรรมก็บันทึกภาพพร้อมข้อความดังกล่าวไว้ได้และส่งต่อให้ศาลแขวงดุสิต ในเวลาต่อมาศาลแขวงดุสิตจึงตั้งเรื่องให้ไต่สวนละเมิดอำนาจศาลผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนในคดีนี้

 

 

 

ภูมิหลังผู้ต้องหา

อนุรักษ์ เป็นนักกิจกรรม เคลื่อนไหวโดยใช้ชื่อ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง

ปัญญารัตน์ เป็นจำเลยในคดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ถนนราชดำเนิน #RDN50 (คดีผู้ร่วมชุมนุม)

สงวน เป็นผู้สื่อข่าวอิสระและเป็นผู้ต้องหาในคดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่หอศิลป์กรุงเทพ #MBK39 (คดีผู้ร่วมชุมนุม)

 

ข้อหา / คำสั่ง

อื่นๆ
ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 33

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ปัญญารัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่สองใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพ อนุรักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่หนึ่งในห้องพิจารณาคดี โดยอนุรักษ์ซึ่งใส่เสื้อยืดมีข้อความ "รังเกียจเผด็จการ" ทำสัญลักษณ์ชูสามนิ้ว เมื่อถ่ายภาพเสร็จปัญญารัตน์ส่งภาพดังกล่าวเข้าไปในกลุ่มไลน์ หลังจากนั้นสงวนซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์เดียวกับผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองนำภาพที่ปัญญารัตน์เป็นคนถ่ายไปโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมเขียนข้อความว่า "ใส่เสื้อรังเกียจเผด็จการและชูสามนิ้วในศาล ประท้วงศาลเอียงมาสายทำให้เสียเวลา"

การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามซึ่งมีทั้งการถ่ายภาพในห้องพิจารณาและมีการเขียนข้อความวิพากษ์วิจารณ์ศาลในลักษณะที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงเข้าข่ายเป็นการประพฤติตัวไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและเป็นการละเมิดอำนาจศาล

พฤติการณ์การจับกุม

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามมาพบศาลตามนัด จึงไม่มีการจับกุมตัว

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

ลม. 2/2561

ศาล

ศาลแขวงดุสิต

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล

หมายเหตุ ข้อมูลคดีนี้ยกเว้นนัดฟังคำพิพากษาได้มาจากการสัมภาษณ์ทนายของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนที่เป็นทนายให้สงวน ผู้ถูกกล่าวหาที่สาม

 

4 มิถุนายน 2561

ที่ศาลแขวงดุสิตจำเลยคดีชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ถนนราชดำเนิน #RDN50 มีนัดสอบคำให้การ ก่อนที่ศาลจะขึ้นบัลลังก์ อนุรักษ์ผู้ถูกกล่าวหาที่หนึ่งเดินเข้ามาในห้องพิจารณาและได้หันไปทักทายปัญญารัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่สอง ปัญญารัตน์ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพอนุรักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่หนึ่งภายในห้องพิจารณาคดีและส่งเข้ากลุ่มไลน์

ในเวลาต่อมาสงวน ผู้ถูกกล่าวหาที่สามซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์นำภาพที่ปัญญารัตน์ถ่ายไปโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กพร้อมเขียนข้อความในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์ศาล 

กองสารนิเทศ สำนักงานศาลยุติธรรมซึ่งพบภาพดังกล่าวได้แจ้งเรื่องมาที่ศาลแขวงดุสิตเพื่อให้ดำเนินการหาตัวผู้ใช้เฟซบุ๊กที่โพสต์ภาพดังกล่าว อย่างไรก็ตามหลังกองสารนิเทศฯตรวจสอบภาพครั้งแรกแล้วได้เข้าไปตรวจสอบที่เฟซบุ๊กต้นทางอีกครั้งหนึ่งในระยะเวลาห่างกันไม่นานแต่ก็พบว่าโพสต์ดังกล่าวถูกลบออกไปแล้ว

ในช่วงบ่ายวันเดียวกันศาลแขวงดุสิตประสานมาที่ทนายจำเลยในคดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ถนนราชดำเนิน #RDN50 สอบถามว่าบุคคลใดคือเจ้าของเฟซบุ๊กที่โพสต์ภาพในสื่อสังคมออนไลน์และบุคคลใดเป็นผู้ถ่ายหรือเป็นบุคคลในภาพ ทนายจึงได้ประสานกับลูกความจนทราบว่าบุคคลในภาพคืออนุรักษ์และผู้ถ่ายภาพคือปัญญารัตน์

ทั้งนี้ก่อนหน้าที่ทีมทนายจะได้รับการประสานเรื่องการโพสต์ภาพในช่วงบ่าย ในเวลาประมาณ 11.30 น. ทนายอีกคนหนึ่งที่อยู่ในคณะทำงานคดีนี้และอยู่ในกลุ่มไลน์เดียวกันก็ได้บอกให้ปัญญารัตน์ลบภาพดังกล่าวออกจากไลน์ไปด้วยซึ่งปัญญารัตน์ก็ได้ดำเนินการตามที่ทนายบอก

สำหรับสงวนผู้ถูกกล่าวหาที่สาม ทางทนายได้ประสานไปว่าให้ลงข้อความชี้แจงและขอโทษกรณีโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวด้วยซึ่งปรากฎว่าสงวนได้โพสต์ข้อความตามที่ทนายประสานไป

11 กรกฎาคม 2561

ศาลแขวงดุสิตเรียกอนุรักษ์ ปัญญารัตน์ และสงวนไปสอบถามในห้องประชุมโดยยังไม่ตั้งเรื่องละเมิดอำนาจศาล หลังการพูดคุยศาลแจ้งว่าจะเสนอเรื่องให้อธิบดีศาลยุติธรรมภาค 1 พิจารณาต่อไป

24 สิงหาคม 2561

นัดไต่สวนละเมิดอำนาจศาล

ศาลแขวงดุสิตเรียกพยานมาไต่สวนละเมิดอำนาจศาลรวมห้าปาก ได้แก่ นัทพรหมกรณ์ ก้องเกียรติกูล ผู้อำนวยการ สำนักอำนวยการประจำศาลแขวงดุสิต เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ และผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคน

ไต่สวนพยานปากที่หนึ่ง นัทพรหมกรณ์ ก้องเกียรติกูล ผู้อำนวยการ สำนักอำนวยการประจำศาลแขวงดุสิต  

นัทพรหมกรณ์เบิกความโดยสรุปได้ว่า ในวันเกิดเหตุ 4 มิถุนายน 2561 ได้รับแจ้งจากกองสารนิเทศ สำนักงานศาลยุติธรรมว่ามีการโพสต์ข้อความและภาพพาดพิงศาลแขวงดุสิต จึงได้ดำเนินการตรวจสอบแต่พบว่าภาพและข้อความดังกล่าวถูกลบออกไปจากเฟซบุ๊กของผู้ถูกกล่าวหาที่สามแล้ว 

สำหรับการดำเนินการของทางสำนักอำนวยการฯ ได้ประสานทนายคดีคดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ถนนราชดำเนิน #RDN50 เพื่อสอบถามหาตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและเมื่อตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้ถูกกล่าวหาที่สามในภายหลังก็พบว่ามีข้อความที่แก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับศาลและเหตุการณ์ที่เป็นเหตุแห่งคดีให้ถูกต้อง

ไต่สวนพยานปากที่สอง เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ประจำห้องพิจารณาคดี 407

เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ 407 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุเบิกความโดยสรุปได้ว่า ในศาลมีป้ายติดประกาศข้อความ ห้ามถ่ายภาพภายในศาลและห้ามอัดเสียงการพิจารณาติดประกาศไว้ โดยป้ายดังกล่าวติดอยู่ในที่ๆบุคคลทั่วไปมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาที่หนึ่ง อนุรักษ์ ผู้ปรากฎในภาพถ่าย

อนุรักษ์เบิกความต่อศาลว่า ในวันเกิดเหตุเขาเข้ามาในห้องพิจารณาคดี 407 เมื่อเข้ามาปรากฎว่ามีจำเลยหลายคนจับจองที่นั่งไปแล้วเขาจึงพยายามมองหาที่นั่งว่าง เมื่อหันไปเห็นปัญญารัตน์ ผู้ต้องหาที่สองก็ทักทายโดยทำท่าชูสามนิ้ว หลังจากนั้นก็ไปมองหาที่นั่งต่อ ขณะนั้นเห็นปัญญารัตน์ถือโทรศัพท์อยู่แต่ก็ไม่เห็นว่าปัญญารัตน์ถ่ายรูปเขา เข้าใจว่านั่งเล่นโทรศัพท์เฉยๆ

ไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาที่สอง ปัญญารัตน์ ผู้ถ่ายภาพ

ปัญญารัตน์เบิกความต่อศาลว่า ในวันเกิดเหตุระหว่างที่นั่งรอการพิจารณาคดีอยู่ในห้องพิจารณาคดีที่ 407 เห็นอนุรักษ์เดินเข้ามาทำท่าชูสามนิ้วและยิ้มให้ก็เข้าใจว่าให้ถ่ายภาพให้จึงได้ถ่ายภาพและส่งภาพให้อนุรักษ์ผ่านทางกลุ่มไลน์ ในเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันเดียวกันทนายของตัวเธอซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าวได้ทักมาให้ทำการลบภาพถ่ายนั้น เธอจึงได้ลบภาพดังกล่าวออกจากกลุ่มไลน์

ไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาที่สาม สงวน ผู้เผยแพร่ภาพถ่ายที่ถ่ายในห้องพิจารณาคดี

สงวนเบิกความว่าตัวเขาอยู่ในกลุ่มไลน์เดียวกับอนุรักษ์และปัญญารัตน์ เขาได้นำภาพดังกล่าวไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเนื่องจากว่าเห็นเป็นข่าวธรรมดา แต่เมื่อโพสต์ภาพและข้อความที่เป็นเหตุแห่งคดีนี้ไปได้ประมาณหนึ่งถึงสองนาทีก็ลบออกเพราะเห็นว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง ในเวลาต่อมาเมื่อได้รับการประสานจากทนายเรื่องความคลาดเคลื่อนของข้อมูลก็ได้เผยแพร่ข้อความชี้แจงและขออภัยในความคลาดเคลื่อนของข้อมูล

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวน ศาลนัดผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามฟังคำสั่งในวันที่ 28 กันยายน 2561 เวลา 9.00 น.

 

28 กันยายน 2561

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลแขวงดุสิตมีคำพิพากษาโดยเห็นว่าข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าในวันที่เกิดเหตุ นางปัญญารัตน์ จำเลยที่ 2 ได้ถ่ายภาพนายอนุรักษ์ จำเลยที่ 1 และนายสงวน จำเลยที่ 3 ได้โพสต์ภาพลงในเฟซบุ๊ก ประเด็นที่ว่าจำเลยทั้ง 3 กระทำความผิดหรือไม่ ศาลวินิจฉัยว่าศาลมีระเบียบห้ามถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ 1 และ 2 ไม่สามารถอ้างว่าไม่ทราบได้ เนื่องจากได้ความจากคำเบิกความของเจ้าหน้าที่ศาลว่าหน้าห้องพิจารณามีระเบียบห้ามถ่ายภาพ
 
สำหรับ นายอนุรักษ์ จำเลยที่ 1 ที่อ้างว่าการชูสามนิ้วทักทายเฉยๆ นั้น ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนโปรแกรมมือถือมาเป็นโหมดถ่ายภาพต้องใช้เวลาพอสมควร  จึงฟังไม่ขึ้นว่าไม่ตั้งใจให้ถ่ายภาพ ศาลจึงเห็นว่าจำเลยที่ 1 และ 2 มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองคน ปรับคนละ 500 บาท
 
ส่วนนายสงวน ที่แสดงความเห็นลงในเฟซบุ๊กและเข้าใจว่าเป็นข่าว เนื่องจากจำเลยประกอบอาชีพเป็นนักข่าว แต่เมื่อได้โพสต์เผยแพร่แล้ว เห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง จึงได้ลบโพสต์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลแขวงดุสิตได้ตรวจสอบโพสต์ดังกล่าวแล้ว ก็ไม่พบแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าได้มีการลบข้อความแล้ว  ภายหลังยังได้มีการลงข้อความใหม่ แก้ไขความคลาดเคลื่อนดังกล่าว ศาลจึงเห็นว่าไม่เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
 
 

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา