การชุมนุม #อีสานบ่ย่านเด้อ

อัปเดตล่าสุด: 09/10/2563

ผู้ต้องหา

พริษฐ์

สถานะคดี

ชั้นศาลชั้นต้น

คดีเริ่มในปี

2563

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

ไม่มีข้อมูล

สารบัญ

ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 กลุ่มขอนแก่นพอกันนทีจัดการชุมนุม #อีสานบ่ย่านเด้อ ที่สวนรัชดานุสรณ์ หลังการชุมนุมดำเนินไปประมาณครึ่งชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเจรจากับผู้จัดงานในประเด็นข้อกฎหมายและร้องขอให้ชุมนุมอย่างเรียบร้อย การชุมนุมในวันนั้นยุติลงโดยไม่มีความรุนแรงหรือการจับกุม 
 
ต่อมาวันที่ 21 สิงหาคม 2563 สภ.เมืองขอนแก่นออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหาทั้งหกรายในคดีนี้มารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินในวันที่ 10 กันยายน 2563

ภูมิหลังผู้ต้องหา

จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เป็นนักศึกษาปริญญาโท สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นสมาชิกกลุ่ม Unme และอดีตสมาชิกกลุ่มดาวดิน มีประวัติการเคลื่อนไหวทางการเมืองยาวนาน

จตุภัทร์เป็นอดีตนักโทษ 112 จากการแชร์บทความของ BBC Thai เรื่อง “พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย” ไปยังเฟสบุ๊คส่วนตัว และเคยถูกดำเนินคดีจากการแจกเอกสารรณรงค์ออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ

ปิยดา มาเทียน หรือเฟรม เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
 
ธนภณ เดิมทำรัมย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นรองประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นคนที่สอง ในวันเกิดเหตุ ธนภณทำหน้าที่เป็นพิธีกรประจำการชุมนุม #อิสานบ่ย่านเด้อ
 
วชิรวิทย์ เทศศรีเมือง เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแห่นและเป็นแกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที ในวันเกิดเหตุเขาเป็นหนึ่งในผู้ปราศรัย
 
พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิ้น เป็นนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มัธยมปลายโดยเคยเป็นอดีตเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทระหว่างปี 2558-2559 
 
หลังเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พริษฐ์เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งและเป็นอดีตประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ระหว่างปี 2561-2562 ปัจจุบันพริษฐ์เป็นหนึ่งในแกนนำแนวร่วมธรรมศษสตร์และการชุมนุม 
 
ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ “หมอลำแบงค์” เป็นศิลปินหมอลำและนักกิจกรรม ปอดีตผู้ต้องขังคดี 112 จากการแสดงละครเรื่องเจ้าสาวหมาป่า ในวันเกิดเหตุ ปติวัฒน์ไม่ได้เป็นผู้ปราศรัย แต่ขึ้นแสดงหมอลำระหว่างการชุมนุม

ข้อหา / คำสั่ง

พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ผู้ต้องหาทั้งหกถูกตั้งข้อหา ร่วมกันจัดการชุมนุม #อิสานสิบ่ย่านเด้อ โดยไม่แจ้งหน่วยงานที่ควบคุมโรคติดต่อ ใช้เครื่องยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญา มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสแพร่เชื้อโควิด-19 และไม่ได้จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคแก่ผู้เข้าร่วม 

พฤติการณ์การจับกุม

พนักงานสอบสอนออกหมายเรียกผู้ต้องหาตามหลังโดยไม่มีการจับกุม

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

ไม่มีข้อมูล

ศาล

ไม่มีข้อมูล

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ภาพ cover การชุมนุม #อีสานบ่ย่านเด้อ จากเพจขอนแก่นพอกันที

23 กรกฎาคม 2563
 
กลุ่มขอนแก่นพอกันทีจัดการชุมนุม #อิสานสิบ่ย่านเด้อ ที่สวนรัชดานุสรณ์ ใกล้อนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์ การชุมนุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุรุนแรงหรือการจับกุมบุคคลใด
 
21 สิงหาคม 2563
 
สภ.เมืองขอนแก่นออกหมายเรียกให้จตุภัทร์, ปิยดา, ธนภณ, วชิรวิทย์, พริษฐ์, และปฏิภาณ มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 กันยายน 2563
 
10 กันยายน 2563
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่าผู้ต้องหาทั้งหกและประชาชนที่มาให้กำลังใจ รวมตัวกันที่สวนรัชดานุสรณ์ตั้งแต่ก่อนเวลา 9.00 น. เพื่อทำกิจกรรมเดินเท้าไปรับทราบข้อกล่าวหาโดยระหว่างทางมีการถือป้ายข้อความรณรงค์ต่างๆเดินไปตามท้องถนนจนถึงสภ.เมืองขอนแก่นด้วย

เมื่อไปถึงที่หน้าสภ.เมืองขอนแก่น ปิยดากล่าวปราศรัยว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้เนื่องจากอยู่ที่บ้านที่จังหวัดชัยภูทิในวันเกิดเหตุ หลังจากนั้นทุกคนได้ร่วมกันทำกิจกรรมจุดไฟเผาหมายเรียกเพื่อต่อต้านการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม
 
ในส่วนของการดำเนินการทางคดี จตุภัทร์, ธนภณ, วชิรวิทย์, พริษฐ์, และปฏิภาณเข้ารับทราบข้อหาในห้องประชุม ผู้ต้องหาสี่คนยกเว้นวชิรวิทย์ให้การปฏิเสธส่วนวชิรวิทย์ยังไม่ให้การในชั้นนี้ ผู้ต้องหทั้งห้ายังปฏิเสธไม่ลงชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อแสดงการต่อต้านการใช้กระบวนการดำเนินคดีที่มองว่าไม่เป็นธรรมด้วย
 
ในส่วนของปิยดา เธอถูกแยกตัวออกไป พนักงานสอบสวนชี้แจงว่าเนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงภายหลังการออกหมายเรียกว่าไม่ได้เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด จึงไม่มีการแจ้งขอหา แต่จะขอสอบปากคำในฐานะพยาน ปิยดาปฏิเสธที่จะให้การและขอให้พนักงานสอบสวนทำบันทึกว่าหมายเรียกที่ปิยดาได้รับไม่มีผลทางกฎหมาย พนักงานสอบสวนจึงลงรายงานประจำวันไว้

ส่วนทนายความท้วงติงว่าการออกหมายเรียกผู้ต้องหาโดยที่บุคคลไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีทำให้เกิดความเสียหาย ปกติถ้าไม่แน่ใจพยานหลักฐานก็ควรออกเป็นหมายเรียกพยาน พ.ต.อ.ธน พรรณนานนท์ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดี ได้ชี้แจ้งว่าพบข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนไปในวันที่ 9 กันยายน และได้กล่าวขอโทษ
 
เจ้าหน้าที่นัดพบผู้ต้องหา 5 คน ไม่รวมปิยดาอีกครั้งในวันที่ 25 กันยายน 2563 เวลา 10:00 น.
 
9 ตุลาคม 2563
 
พนักงานสอบสวนนัดส่งตัวผู้ต้องหาฟ้องต่ออัยการในวันนี้ ผู้ต้องหาและผู้สนับสนุนรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่นเพื่อเดินเท้าไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการและเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนที่อัยการจะเดินเท้าไปที่ศาลต่อ 
 
ระหว่างการเดินเท้าขบวนของผู้ต้องหาและผู้สนับสนุนถูกสกัดกั้นเป็นระยะเนื่องจากหนึ่งในป้ายผ้าที่ถูกนำมาถือระหว่างเดินขบวนปรากฎข้อความ "ปฏิรูปสถานะกษัตริย์" เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสกัดกั้นไม่ยอมให้ผู้ต้องหาและผู้ชุมนุมถือป้ายดังกล่าวเดินแต่ผู้ชุมนุมไม่ยินยอมจึงถูกสกัด

มีการเปิดเจรจาระหว่างตำรวจกับสมาชิกกลุ่มขอนแก่นพอกันทีว่าขอให้เอาป้ายข้อความปฏิรูปสถานะกษัตริย์ออกไป แต่ทางกลุ่มไม่ยินยอม ระบุว่าหากตำรวจต้องการยึดไปตรวจสอบก็สามารถถ่ายรูปไปได้ แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แสดงทีท่าว่าจะยึดป้ายให้ได้และจะไม่ให้เดินหากมีการถือป้ายดังกล่าว
 
ผู้ร่วมชุมนุมจึงตอบโต้โดยหยุดขบวนตและปูป้ายผ้าดังกล่าวลงบนพื้นพร้อมกับนั่งล้อมป้ายไว้ ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ยอมเปิดทางให้ผู้ชุมนุมเดินเท้าต่อโโยที่ถือป้ายดังกล่าวต่อไปได้
 
ผู้ชุมนุมจึงเคลื่อนขบวนต่อโดยถือป้าย "ปฏิรูปสถานะกษัตริย์" นำขบวน ระหว่างการเดินมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินขนาบข้างขบวนของผู้ชุมนุมทั้งสองฝั่งขณะที่ประชาชนบางส่วนที่ยืนอยู่สองข้างถนนก็ตะโกนให้กำลังใจหรือร่วมแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วเป็นระยะตลอดทางที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไป 
 
กลุ่มนักกิจกรรมไปถึงที่หน้าสำนักงานอัยการในเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้ต้องหาสามคนยกเว้นจตุภัทร์และปฏิภาณที่ยังมาไม่ถึงสำนักงานอัยการเข้าไปรายงานตัวด้านในสำนักงานอัยการส่วนผู้สนับสนุนที่มาร่วมเดินต้องรออยู่ด้านนอกสำนักงานอัยการโดยที่ในพื้นที่สำนักงานอัยการมีตำรวจมารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด (ดูรายละเอียดการเดินขบวน)
 
หลังอัยการมีคำสั่งสั่งผู้ต้องหาทั้งห้าคน จำเลยทั้งห้าและผู้สนับสนุนร่วมกันเดินเท้าจากสำนักงานอัยการไปที่ศาลแขวงขอนแก่นโดยที่หน้าศาล จำเลยและผู้ที่มาชุมนุมให้กำลังใจได้นำกระดาษตัดเป็นบล็อกตัวเอกษรเขียนคำว่า "อำนาจศาล" และ "อำนาจประชาชน" มาวางบนพื้นถนนและใช้สีสเปรย์๋พ่น ข้อความอำนาจศาลถูกวางบนพื้นที่ในระยะประมาณ 50 เมตรา จากรั้วศาล ส่วนข้อความอำนาจประชาชน ถูกพ่นถัดออกมาประมาณระยะ 55 เมตรจากรั้วศาล 
 
ทั้งนี้คาดว่าการพ่นสีดังกล่าวเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าตำรวจมีอำนาจประกาศพื้นที่ห้ามชุมนุม 50 เมตรจากศาล ส่วนนอกเขตดังกล่าวเป็นเขตอำนาจประชาชนที่จะแสดงออกได้ แต่เท่าที่มีข้อมูลเจ้าหน้าที่ไม่ได้ประกาศห้ามชุมนุมในรัศมี 50 เมตรจากเขตศาลแต่อย่างใด

หลังทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ห้าจำเลยเดินเข้าไปในบริเวณศาลเพื่อเข้าสู้กระบวนการทางคดี จากนั้นในเวลาประมาณ 15.10 น. ศาลแขวงขอนแก่นมีคำสั่งปล่อยตัวจำเลยทั้งห้าโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ พร้อมทั้งนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานวันที่ 2 ธันวาคม 2563
 
 

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา