1132 1060 1258 1680 1727 1566 1424 1571 1329 1858 1962 1140 1364 1407 1845 1796 1935 1981 1834 1856 1023 1210 1201 1966 1307 1816 1221 1150 1868 1457 1884 1690 1108 1011 1330 1502 1288 1802 1494 1020 1590 1069 1793 1397 1777 1372 1106 1478 1732 1156 1356 1417 1371 1134 1987 1666 1991 1388 1954 1443 1638 1390 1878 1960 1358 1672 1775 1358 1308 1009 1647 1872 1410 1420 1043 1094 1679 1427 1354 1165 1502 1426 1927 1422 1277 1530 1107 1562 1660 1882 1846 1386 1461 1079 1198 1526 1082 1978 1738 ถอดประสบการณ์ผู้สังเกตการณ์ชุมนุม #ม็อบ7สิงหา | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ถอดประสบการณ์ผู้สังเกตการณ์ชุมนุม #ม็อบ7สิงหา

วันที่ 7 สิงหาคม 2564 เวลา 14.00 น. เยาวชนปลดแอกและเครือข่ายนัดชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเวลานัดหมายในเวลา 12.20 น. ตำรวจเริ่มตั้งแถวสลายการชุมนุมตั้งแต่ยังไม่เริ่มชุมนุมและมีผู้ชุมนุมอยู่ไม่มากนัก  เมื่อผู้ชุมนุมย้ายไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลก็ถูกขวางด้วยแนวตู้คอนเทนเนอร์ จากนั้นเมื่อย้ายไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเคลื่อนขบวนไปที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ราบหนึ่ง) ก็ถูกขวางด้วยตู้คอนเทนเนอร์และมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางกับผู้ชุมนุม เราลองถอดภาพการสลายการชุมนุมวันดังกล่าวผ่านสายตาของผู้สังเกตการณ์สี่คนในพื้นที่
 
1946
 

มีตำรวจชี้เป้ายิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางมาทางสื่อ

 
 
ผู้สังเกตการณ์คนที่หนึ่งเล่าว่า เข้าพื้นที่ตั้งแต่เวลา 12.00 น. พบว่า ตำรวจชุดคุมฝูงชนได้ตั้งแนวที่แยกคอกวัวก่อนจะเดินแถวเข้าหาผู้ชุมนุมที่อยู่ค่อนมาทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้ชุมนุมยืนชูป้ายอยู่ด้านหน้าแถวของตำรวจ จากนั้น ตำรวจได้เข้ากระชากตัวหนึ่งในผู้ชุมนุมที่ยืนชูป้ายอยู่เพื่อจับกุมแต่สุดท้ายคนที่โดนจับสามารถหลุดออกมาได้ ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินแถวเข้ามาถึงวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็เกิดเสียงคล้ายประทัดดังขึ้น
 
 
1947
 
1948
 
 
ต่อมาเมื่อมีการประกาศย้ายพื้นที่การชุมนุม เขาได้เดินทางไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยสถานการณ์ในตอนนั้นยังเป็นปกติ แต่เมื่อขบวนผู้ชุมนุมได้เคลื่อนที่ไปบริเวณแยกดินแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการยิงแก๊สน้ำตา จึงเริ่มถ่ายภาพเก็บไว้ โดยแนวปะทะของเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม คือ บริเวณถนนดินแดงฝั่งขาออกเข้าถนนวิภาวดีที่มีตู้คอนเทนเนอร์ของเจ้าหน้าที่กีดขวางเส้นทางอยู่ ส่วนฝั่งขาเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (คอนโดลุมพินี) ไม่มีการปิดด้วยตู้คอนเทนเนอร์ แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุมฝูงชนตั้งแถวเป็นแนวหน้ากระดานเพื่อปิดถนน
 
 
ในช่วงแรกตำรวจมีการใช้แก๊สน้ำตาเป็นอุปกรณ์สลายการชุมนุม ตามคำสั่งผบ.เหตุการณ์เป็นหลัก มีบางจังหวะที่เจ้าหน้าที่มีการใช้แก๊สน้ำตายิงมาค่อนข้างถี่และรัว โดยมี ผบ.เหตุการณ์เป็นคนกำกับว่าให้หยุดยิง แต่ในระหว่างนั้นก็ยังมีการยิงแก๊สน้ำตาอยู่เป็นระลอก ในขณะที่ฝั่งผู้ชุมนุมแนวหน้ามีการตอบโต้ด้วยการปาประทัด ปาหิน
 
 
ต่อมาผู้สังเกตการณ์คนที่หนึ่งได้มาปักหลักที่ฝั่งคอนโดลุมพินี โดยบริเวณดังกล่าวมีสื่อมวลชนจำนวนมาก แต่เห็นว่า มีผู้ชุมนุมบางส่วนมาที่บริเวณนี้ มีการปาสิ่งของ สื่อมวลชนจึงเตือนบอกว่า ขอให้หยุดเพราะตรงนี้สื่ออยู่จำนวนมาก เกรงว่า จะถูกลูกหลงไปด้วย ผู้ชุมนุมจึงหยุดการกระทำ
 
1949
 
1950
 
มีช่วงหนึ่งที่ผู้สังเกตการณ์ได้ไปอยู่รวมกับกลุ่มสื่อมวลชนและช่างภาพจำนวนมากบริเวณฝั่งคอนโดลุมพินี ในระหว่างนั้น เขาเห็นตำรวจควบคุมฝูงชนนายหนึ่งชี้เป้ามาทางบริเวณที่เขาและสื่อมวลชนยืนอยู่ จากนั้นมีการยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เขาถูกกระสุนยางที่ขา ก่อนที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่จะสลับแนวจากแนวตู้คอนเทนเนอร์มาอยู่ฝั่งคอนโดลุมพินี
 
 
ต่อมาตำรวจได้ตั้งแถวหน้ากระดานเดินขับไล่ผู้ชุมนุมมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เขาสังเกตว่า ในตอนนี้ตำรวจควบคุมฝูงชนเริ่มมีการใช้กระสุนยางโดยไม่มีการเตือนหรือได้ยินคำสั่งจากผบ.เหตุการณ์ก่อนแบบในช่วงการปะทะที่แยกดินแดงแล้ว ทั้งนี้ ในช่วงเวลาประมาณ 18.23 น. ผบ.เหตุการณ์ได้ประกาศว่า ผู้ที่อยู่บนสะพานลอย[สกายวอล์ค] ให้ลงมา ตำรวจจะขอคืนพื้นที่ ถ้าไม่เชื่อฟังจะจับกุม จากนั้นมีตำรวจชุดคุมฝูงชนวิ่งขึ้นมาบนสกายวอล์ค ทำให้คนทั่วไปและผู้ชุมนุมวิ่งหลบไปทางบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จังหวะนั้นมีเสียงดังปัง ลักษณะเป็นการยิงกระสุนยางแต่ไม่แน่ชัดว่า เป็นการยิงจากตำรวจบนสกายวอล์คหรือด้านล่างอนุสาวรีย์ฯ
 
 
เวลาประมาณ 19.30 น. มีกลุ่มมอเตอร์ไซด์ที่บริเวณไฟแดงขาเข้าถนนพหลโยธิน ตำรวจที่อยู่หัวถนนราชวิถียิงรัวไปฝั่งผู้ชุมนุมที่พหลโยธิน ตอนนั้นยังมีรถสัญจรอยู่ และมีประชาชนทั่วไปกำลังรอรถประจำทาง หลังจากนั้นเขาจึงขึ้นแท็กซี่ออกจากพื้นที่
 
 

ตำรวจประกาศให้ผู้ชุมนุมกลับก่อนเข้าสลาย ไม่มีการเจรจา

 
 
ผู้สังเกตการณ์ที่สองเล่าว่า วันที่ 7 สิงหาคม 2564  เขาเดินผ่านสนามหลวงไปที่แยกคอกวัวในเวลาประมาณ 12.30 น. ตอนนั้นตำรวจเริ่มตั้งแนวปิดถนนที่แยกคอกวัวแล้ว ตำรวจไม่ได้มีการขอเจรจาใดๆ มีเพียงการประกาศข้อกฎหมายเกี่ยวกับพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ผู้ชุมนุมแยกย้ายกลับบ้าน ทั้งยังแจ้งว่า การข่าวของตำรวจบอกว่า มีคนไม่หวังดีมาก่อความวุ่นวายในการชุมนุมของท่าน จึงจำเป็นในการช่วยเหลือประชาชนทีไม่มีความเกี่ยวข้องในเหตุการณ์รุนแรง ถ้าตำรวจมาตรวจค้นต้องให้ความร่วมมือ
 
1951
 
จากนั้นตำรวจเริ่มเดินแถวแนวหน้ากระดานจากแยกคอกวัวเข้าหาผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อมาถึงแนวไฟแดงที่ตรอกศึกษาภัณฑ์มีการรื้อแผงเหล็กที่ผู้ชุมนุมนำมากั้นไว้ จากนั้นตำรวจเดินเข้าใส่ผู้ชุมนุมในระยะประชิดตัวมากขึ้น ในขณะที่ผู้ชุมนุมมีการปาก้อนหินและน้ำปลาร้าตอบโต้ และในช่วงนั้นผู้จัดกิจกรรมก็ประกาศว่า จะไปทำเนียบรัฐบาล ทำให้ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ถอยร่น แต่ยังมีหลงเหลือที่หน้าแนวตำรวจประมาณ 50 คน หลังจากนั้น ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ชุมนุมที่เข้าไปใกล้แถวของตำรวจ
 
1952
 
1953
 
หลังเปลี่ยนสถานที่การชุมนุม เขาได้ย้ายไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บรรยากาศช่วงที่เขาไปถึงมีผู้ชุมนุมอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิประมาณหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่ มีการแจกธงแดงของรีเด็ม บางส่วนมีการเตรียมลูกแก้วและน้ำปลาร้า แต่เขาไม่เห็นว่า มีการแจกหัวน็อต จากนั้นผู้ชุมนุมมีการพูดคุยเรื่องจัดขบวนการเตรียมตัวเข้าแนวหน้าและวิธีการดูแลตัวเองกรณีที่ถูกแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง อย่างไรก็ตาม การชุมนุมไม่ได้พูดเรื่องข้อเรียกร้องเท่าไหร่นัก 
 
 
หลังจากนั้นเขาได้ออกไปที่บริเวณแยกดินแดง โดยในช่วงที่ใกล้จะถึงแยกดินแดง มีผู้ชุมนุมตะโกน ให้แนวหลังเดินเร็วขึ้นหน่อยเพราะแนวหน้าไม่ไหว ทำให้เขาตัดสินใจขึ้นไปอยู่บนสะพานลอยใกล้กับซอยบุญอยู่ แต่เมื่อตำรวจประกาศว่า ให้สื่อมวลชนไปอยู่ขอบฟุตบาท จึงลงมาตามถ่ายภาพบริเวณตู้คอนเทนเนอร์ฝั่งขาออกไปถนนวิภาวดีและฝั่งตรงข้าม บริเวณคอนโดลุมพินี และในระหว่างนั้น มีผู้ชุมนุมที่ปาประทัดและสิ่งของไปที่แนวของตำรวจ แต่ระยะยืนของผู้ชุมนุมค่อนข้างห่างจากแนวตำรวจ
 
1954
 
ต่อมาเขาเห็นว่า ผู้ชุมนุมก็พยายามจะเข้าใกล้แนวตำรวจที่แยกดินแดงมากขึ้น ตำรวจประกาศให้ผู้ชุมนุมถอยออกจากแนว  เมื่อผู้ชุมนุมไม่ถอย ตำรวจเริ่มประกาศให้บรรจุกระสุนยางและระดมยิงแก๊สน้ำตา ซึ่งในตอนนั้น สื่อมวลชนได้แยกออกจากผู้ชุมนุมขึ้นไปอยู่บนฟุตบาท เขาสังเกตเห็นว่า ตำรวจมีการเล็งมาทางสื่อมวลชนที่อยู่ฟุตบาท ทั้งที่สื่อก็อยู่ห่างจากผู้ชุมนุมแล้ว จังหวะนั้นเขาถูกยิงที่บริเวณต้นขาด้านซ้าย ตอนที่ถูกยิงไม่ได้เจ็บมาก มีรอยช้ำและรู้สึกปวด จากนั้นเขาตัดสินใจหาที่หลบแต่เนื่องจากว่า ตำรวจยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาต่อเนื่อง ถ้าจะวิ่งหนีถอยไปทางแยกสามเหลี่ยมดินแดงก็อาจจะโดนกระสุนยางอีก จึงต้องยอมทนกับแก๊สน้ำตาที่ตำรวจยิงเข้ามาต่อเนื่อง ในการใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตำรวจไม่บอกกำหนดเวลาจะใช้เวลายิงเท่าไหร่หรือเปิดเวลาให้ถอยได้บ้าง
 
1955
 
1956
 
1957
 
เขากะเวลาได้ประมาณสามนาทีที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางต่อเนื่อง หลังหยุดยิงเขาจึงข้ามไปที่แนวปะทะตรงตู้คอนเทนเนอร์แทนด้วยคิดว่า น่าจะกันกระสุนยางได้ดีกว่า แต่เมื่อไปถึงบริเวณนั้นตำรวจก็ระดมยิงแก๊สน้ำตา และกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มใช้ระเบิดเพลิงหรือโมโลตอฟ แต่ก็ปาไปไม่ถึงแนวตำรวจ จากการสังเกตการณ์โมโลตอฟน่าจะเป็นการตอบโต้ที่ "หนักที่สุด" ที่มีผู้ชุมนุมใช้ หลังจากนั้นเขาจึงกลับไปที่ฝั่งคอนโดลุมพินีและเป็นจังหวะเดียวกันที่ผู้ชุมนุมที่มีอุปกรณ์อย่างหนังสติ๊กมายืนอยู่บริเวณสื่อมวลชน เมื่อผู้ชุมนุมเริ่มดันแนวหาแนวตำรวจ ตำรวจก็ขยับแนวเข้าใกล้และใช้กระสุนยาง เวลานี้มีสื่อมวลชนรุ่นพี่ของเขาถูกยิงด้วยกระสุนยาง
 
1958
 
 
 
เมื่อมีการผลักดันผู้ชุมนุมเข้าอนุสาวรีย์สมรภูมิ ตำรวจจะให้สื่อมวลชนและผู้สังเกตการณ์เดินตามหลังแนวตำรวจไปเรื่อยๆ เมื่อถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้ชุมนุมเหลือน้อยแล้วเนื่องจากผู้จัดกิจกรรมประกาศยุติการชุมนุม ผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่มีปาสิ่งของ มีการแบ่งกำลังขึ้นสกายวอล์คและพื้นผิวด้านล่าง มีการใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดดับเพลิง มีการใช้กระสุนยางต่อเนื่อง ช่วงเวลานี้ตำรวจไม่ได้ประกาศก่อนใช้กระสุนยางแล้ว
 

 

ตำรวจประกาศใช้กระสุนยางตั้งแต่การชุมนุมยังไม่เริ่ม

 
 
ผู้สังเกตการณ์คนที่สามเล่าว่า เวลา 12.20 น. เขาเข้าพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลานั้นตำรวจจราจรเริ่มปิดแยกป้อมมหากาฬ ขาเข้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ห้านาทีถัดมาตำรวจชุดคุมฝูงชน พร้อมอุปกรณ์ป้องกันตัวเช่น หมวกกันน็อค, เสื้อเกราะและโล่ชนิดใสและดำทึบ และอุปกรณ์พิเศษเช่น ปืนลูกซองคาดว่า ใช้ยิงกระสุนยางและปืนชอตไฟฟ้า ตั้งแนวปิดแยกคอกวัวทั้งสองฝั่ง โดยฝั่งขาเข้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะมีรถเครื่องเสียงขนาดใหญ่มาด้วย ทำให้ผู้ชุมนุมที่เป็นแนวหน้าวิ่งไปหาแผงเหล็กกั้นจะบริเวณถนนดินสอเข้ามาขวางบนถนนเพื่อชะลอแนวของตำรวจ ในขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนขับรถมอเตอร์ไซด์ไปบีบแตรที่หน้าแนวตำรวจ ตำรวจมีการประกาศข้อกฎหมายต่างๆที่ออกตามความในมาตรา 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและไม่มีการขอเจรจาแต่อย่างใด 
 
 
เวลา 12.42 น. ตำรวจเข้ายึดพื้นที่พื้นผิวจราจรวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีตำรวจติดตราว่า สังกัดกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนถือโล่สีดำ ลักษณะทึบ มีช่องกระจกมองเล็กที่ระดับสายตา และปืนยาวติดสติ๊กเกอร์สีเขียวสะท้อนแสง ต่อมาเวลา 12.44 น. มีเสียงดังปังหนึ่งครั้งดังมาจากหน้าร้านหนังสือริมขอบฟ้า สังเกตเห็นว่า ผู้ชุมนุมมีการใช้หนังสติ๊กยิงไปที่แนวตำรวจหน้าร้านหนังสือริมขอบฟ้า มีบางครั้งที่ตำรวจกระชากเท้าหลบแต่ไม่ได้เห็นว่า แนวตำรวจถึงกับแตกออกหรือล่าถอย จนกระทั่งตำรวจประกาศว่า ถ้าไม่หยุดจะดำเนินมาตรการต่อไป  ระหว่างการขว้างปาสิ่งของมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบใช้กล้องบันทึกภาพไว้ตลอด
 
 
มีจุดสังเกตว่า เครื่องเสียงที่ตำรวจใช้ในฝั่งร้านหนังสือริมขอบฟ้ามีขนาดเล็ก เสียงไม่ได้ดังนักเมื่อรถเครื่องเสียงใหญ่ฝั่งแมคโดนัลด์ประกาศพร้อมกันจะทำให้เสียงตำรวจฝั่งร้านหนังสือริมขอบฟ้าถูกกลบไป  
 
 
จากนั้นเริ่มมีการนำตำรวจที่ถือโล่ดำมาที่ฐานอนุสาวรีย์ฝั่งร้านหนังสือริมขอบฟ้าและมีการบอกปากต่อปากว่า ตำรวจใช้กระสุนยางแล้ว ผู้สังเกตการณ์ซึ่งยืนอยู่ใกล้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการยิงหนังสติ๊กและปาสิ่งของเข้าไปไม่ได้ยินจึงเข้าไปสอบถามสื่อมวลชนที่อยู่บริเวณหน้าเมธาวลัยได้ความว่า ตำรวจที่แนวร้านหนังสือริมขอบฟ้าประกาศว่า “ต่อไปจะเป็นการใช้กระสุนยาง” แต่เสียงลำโพงเบามาก สื่อมวลชนยังแจ้งอีกว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจชุดคุมฝูงชนฝั่งแมคโดนัลด์มีการใช้ประปรายแล้วหนึ่งรอบ ระหว่างนั้นผู้ชุมนุมที่เหลือมีการบีบแตร ปาสิ่งของและสงบลงในเวลา 13.05 น. แต่ผู้ชุมนุมยังไม่ออกจากพื้นที่
 
 
สถานการณ์ล่วงเลยไปจนถึงเวลา 13.40 น. ผู้ชุมนุมจึงไปรวมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมๆกับกำลังตำรวจที่ถอนกำลัง ที่แยกเทวกรรมยาวมาจนถึงแยกจักรพรรดิพงษ์ รถตำรวจจำนวนมากจอดติดไฟแดงยาวแยกชนแยก ระหว่างนั้นขบวนของผู้ชุมนุมขับรถผ่านมาพอดีมีการบีบแตรและชูสามนิ้วใส่ขบวนรถตำรวจ ที่แยกนางเลิ้ง มีประชาชนมาถ่ายรูปกับตู้คอนเทนเนอร์ที่วางขวางเป็นแนวบริเวณสะพานลอยโรงเรียนราชวินิต แม้ผู้ชุมนุมจะประกาศย้ายสถานที่การชุมนุมแล้วแต่ตำรวจชุดคุมฝูงชนก็ยังวางกำลังอยู่บนสะพานลอย
 
 
ที่แยกดินแดงตั้งแต่เวลา 14.50 น. เริ่มมีผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนที่ด้านหน้าแนวตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ตำรวจร้อยรัดตู้คอนเทนเนอร์ด้วยลวดสลิงและนำไปผูกไว้ที่ราวอุโมงค์ดินแดง รถยนต์ยังคงสัญจรลงอุโมงค์และขาเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 15.12 น. ผู้ชุมนุมแนวหน้ามาที่แนวตู้คอนเทนเนอร์ มีการเลาะถนนก่อนลงอุโมงค์ไปตะโกนด่าตำรวจด้วยคำหยาบคาย ด้านตำรวจได้ประกาศว่า ห้ามเข้ามาบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุม ผู้ชุมุนมบางส่วนไปห้ามผู้ชุมนุมที่ตะโกนด่าตำรวจว่า หยุดก่อนรอให้ผู้ชุมนุมมาถึงและทำกิจกรรมก่อน แต่ไม่ได้ผล ยังมีการปาสิ่งของเข้าไปในแนวของตำรวจ
 
 
เวลา 15.16 น. ตำรวจประกาศจะใช้อุปกรณ์พิเศษ หลังจากนั้นประมาณไม่ถึงห้านาทีหลังก็เริ่มยิงแก๊สน้ำตา โดยมีการยิงเป็นระลอกและมีตำรวจบางส่วนขึ้นไปบนสะพานทางด่วนดินแดง หลังจากนั้นตำรวจก็ยังยิงแก๊สน้ำตาต่อเนื่องเป็นระลอกๆ ผู้ได้รับผลกระทบมีทั้งฝั่งตู้คอนเทนเนอร์และคอนโดลุมพินี ต่อมาเวลา 15.47 น. ผบ.เหตุการณ์จึงประกาศให้ผู้ชุมนุมถอยข้างจากตู้คอนเทนเนอร์เพราะเป็นแนวยิง
 
 
หลังจากนั้นมีการประชิดแนวตำรวจ ปาสิ่งของ ยิงหนังสติ๊กและจุดพลุขึ้นฟ้า ด้านตำรวจก็ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเป็นระยะ ต่อมา เวลา 16.32 น. มีแก๊สน้ำตาหนึ่งลูกไปติดบนหลังคาตึกแถวข้างคอนโดลุมพินี ในการสั่งยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง แม้บางครั้งจะมีการประกาศสั่งจากผบ.เหตุการณ์ว่า ให้ยิงกี่นัดหรือต้องยิงเฉพาะบุคคลที่จะรุกล้ำแนวเข้ามา แต่ก็มีเสียงผบ.เหตุการณ์คอยสั่งหยุดยิงไม่น้อยกว่าสองครั้ง
 
 
หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา ผู้ชุมนุมมีอากาสแสบร้อนบนใบหน้า และแสบตาต้องล้างหน้าและตาด้วยน้ำเปล่าและน้ำเกลือ ได้ยินเสียงผู้ชุมนุมบอกกันว่า หากมีเสมหะให้บ้วนออกมาและมีน้ำมูกให้สั่งออกมา จะทำให้หายแสบได้ ทำให้ผู้ชุมนุมต้องถอดแมสก์และอุปกรณ์ป้องกันโควิด อีกทั้ง ในช่วงที่มีการปะทะก็พบผู้ชุมนุมบางคนต้องถูกหิ้วปีกออกมา เนื่องจากมีอาการหมดสติไม่น้อยกว่าสามคน ขณะที่ผู้ชุมนุมหน้าแนวไม่น้อยกว่า 300 คนต่างได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา เมื่อแสบก็วิ่งเข้ามาล้างหน้าล้างตาและวิ่งเข้าไปหน้าแนวใหม่ พร้อมกับอุปกรณ์เก็บแก๊สน้ำตาเช่น ถังน้ำและกรวยจราจร 
 
 
เวลา 17.22 น. ตำรวจตั้งแนวเดินเข้าหาผู้ชุมนุมทำให้ผู้ชุมนุมต้องถอยกลับไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อผู้สังเกตการณ์ถอยร่นมาถึงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เวลา 17.29 น. ผบ.เหตุการณ์ประกาศว่า การกระทำของท่าน [ผู้ชุมนุม]เกินกว่าสิทธิที่จะพึงกระทำได้แล้วเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้ท่านเผาบ้านเผาเมือง สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินราชการ จำเป็นต้องกระชับพื้นที่ [สลายการชุมนุม] ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้สังเกตการณ์อีกคนหนึ่งที่อยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิรายงานว่า มีเสียงดังปังหลายครั้งที่หน้าสถาบันโรคหัวใจ กรมการแพทย์ จากนั้นเวลา 17.31 น. ผู้สังเกตการณ์จึงรายงานคลิปวิดีโอผู้ชุมนุมขว้างปาสิ่งของใส่รถผู้ต้องขังและปรากฏควันขึ้นมาในเวลา 17.33 น.
 
 
เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้ชุมนุมประมาณห้าคนได้ทุบกระจกป้อมจราจรของตำรวจที่ฝั่งเกาะราชวิถี มีไฟลุกที่พื้นด้านในแต่ไม่ได้ลุกลามและค่อยๆมอดลงในเวลา 18.22 น. 
 
 
เวลา 18.36 น. ตำรวจขยับแนวยึดพื้นผิวจราจรบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้ชุมนุมบางส่วนถอยมาที่โรงพยาบาลราชวิถี ถนนราชวิถี ทิ้งระยะห่างจากแนวตำรวจประมาณ 100 เมตร มีการปาขวดพลาสติก ขวดแก้วและตะโกนด่าตำรวจปากเปล่าด้วยความคับแค้นถึงมาตรการจัดการโควิด และการใช้อุปกรณ์สลายการชุมนุมจากภาษีประชาชน ตำรวจประกาศด้วยเครื่องขยายเสียงว่า การกระทำของผู้ชุมนุมเป็นการรบกวนผู้ป่วย ทั้งนี้ มีชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นบอกทำนองว่า ตำรวจอย่าใช้กำลังเลย บริเวณนี้เป็นชุมชนมีทั้งคนแก่และคนป่วยด้วยโรคประจำตัว ทั้งยังมีผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลอีก ส่วนฝั่งผู้ชุมนุม เมื่อมีกลุ่มมอเตอร์ไซด์มาสมทบและบีบแตรประท้วงก็มีผู้ชุมนุมบางส่วนตะโกนว่า ห้ามบีบแตร จากนั้นเสียงแตรเงียบลง
 
 
การเผชิญหน้ายาวไปจนถึงเวลา 19.15 น. ตำรวจที่ตั้งแนวอยู่บริเวณตู้จราจรโรงพยาบาลราชวิถีถอยร่นไป ผู้ชุมนุมบอกกันว่า ตำรวจถอยแล้ว ขอให้ทุกคนกลับบ้าน วันหน้าเรามาใหม่ สถานการณ์เรียบร้อย  จากนั้นผู้สังเกตการณ์จึงเดินทางกลับผ่านทางถนนสวรรคโลก เวลา 19.30 น. ที่แยกสะพานอุภัยเจษฎุทิศและสะพานเสาวนีย์ตัดลงพระตำหนักจิตรลดารโหฐานยังปิดการจราจร มีการวางแนวกั้นและวางกำลังของเจ้าหน้าที่ตลอดแนว
 
 

อยู่หลังแนวตำรวจปลอดภัย แต่ไม่เห็นเหตุการณ์การปะทะ

 
ผู้สังเกตการณ์คนที่สี่เล่าว่า เวลา 12.25 น. เข้าพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจากสะพานปิ่นเกล้า มีการปิดจราจรฝั่งขาเข้าราชดำเนินกลาง แต่เปิดให้รถกองทัพบกที่มีข้อความ ‘ทหารพระราชา ช่วยเหลือประชาชน(สู้โควิด)’ เข้าไปในราชดำเนินกลางได้ ระหว่างทางมีตำรวจชุดคุมฝูงชนขับรถจักรยานยนต์ขอให้ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ หรือรถขายอาหารขยับขึ้นฟุตบาท หรือถ้ามีรถคันใดหลุดเข้าไปที่แยกคอกวัวก็จะไล่ให้ออกไป เนื่องจากแยกคอกวัวเริ่มปิดการจราจรและตำรวจชุดคุมฝูงชนเริ่มตั้งแนวแล้ว
 
 
เวลา 13.15 น. ขณะที่ตำรวจเลิกตั้งแนวและนั่งพักอยู่ในวงเวียนอนุสาวรีย์ ผู้ชุมนุมประมาณสองสามคน มีการชูสามนิ้วและตะโกนต่อว่าตำรวจ ผู้สังเกตการณ์ไม่เห็นว่า มีการปาสิ่งของเข้าไป ซึ่งก็จะถูกตำรวจชุดคุมฝูงชนตะโกนว่า ให้ออกไปจากแนวอยู่ตลอด จนกระทั่งมีคำสั่งจากตำรวจให้ตำรวจตั้งแนวและไล่ให้ออกไปจากแนวตำรวจแต่ผู้ชุมนุมกลุ่มดังกล่าวยังชูสามนิ้วอยู่ ผู้สังเกตการณ์เล่าว่า เห็นตำรวจนายหนึ่งชี้มาทางผู้ชุมนุมที่เดินออกไป จากนั้นตำรวจประกาศว่า “คฝ.จับเป้าหมาย ปฏิบัติ” และมีตำรวจวิ่งเข้าไปจับกุมผู้ชุมนุมอย่างน้อยสองคนกดไว้ที่พื้น พยายามกันทุกคนรวมถือสื่อมวลชนที่พยายามจะเข้าไปใกล้ออกด้วยโล่ และมีมวลชนหนึ่งนายถูกคุมตัวขึ้นรถผู้ต้องขัง   
 
 
เวลา 15.20 น. ผู้สังเกตการณ์ไปยังบริเวณราบหนึ่ง พบว่าสะพานลอยหน้าราบหนึ่ง และหน้ามหาวิทยาลัยหอการค้าปิด มีตำรวจประจำบนสะพานลอยละหนึ่งคน ที่สะพานลอยที่หน้าราบหนึ่งมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบโบกมือไม่ให้ผู้สังเกตการณ์ขึ้นไป เวลา 15.40 น. ผู้สังเกตการณ์ได้ประจำหลังแนวตำรวจ กลางแยกดินแดงบริเวณใกล้แยกไฟแดงฝั่งขาเข้าวิภาวดี รวมกับสื่อมวลชนอื่นๆ บางคนสวมปลอกแขนสีขาวมีตัวเลขซึ่งเป็นปลอกแขนที่ตำรวจออกให้จากการลงทะเบียนกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล
 
 
ตำรวจตั้งแนวหันหน้าไปทางถนนอโศก-ดินแดง ฝั่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าให้ผู้ชุมนุมแยกย้ายกันกลับ ผู้สังเกตการณ์ที่อยู่หลังแนวตำรวจได้ยินเสียงบีบแตรยาว ขณะที่ตำรวจชุดคุมฝูงชนกำลังตั้งแนวปิดถนนที่แยกดินแดง มีเสียงดังปังขึ้นอย่างน้อยหนึ่งครั้ง จากนั้นผบ.เหตุการณ์ประกาศจะใช้อุปกรณ์พิเศษจากเบาไปหาหนัก สื่อมวลชนและผู้สังเกตการณ์ถูกกันออกไปอยู่หลังแนวตำรวจ พอจะเข้าไปสังเกตการณ์ตำรวจก็มักจะแจ้งว่า ให้ถอยกลับหลังแนว ทำให้ไม่เห็นการปะทะกันทั้งสองฝั่งของถนนอโศก-ดินแดง(ฝั่งมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์) ตำรวจชุดคุมฝูงชนเข้ามาเสริมกำลังเรื่อยๆ โดยเดินมาจากทางราบหนึ่ง 
 
 
ในการปะทะกันที่แยกดินแดง ลมมักจะพัดมาทางทิศของแนวตำรวจที่แยกดินแดง ตำรวจหลายนายไม่มีอุปกรณ์กันแก๊สน้ำตา จนได้รับผลกระทบต้องล้างหน้าล้างตาและบ้วนน้ำลายกัน ซึ่งตอนหลังก็มีการนำน้ำมาแจกเพิ่ม นอกจากในบริเวณนั้นจะมีเจ้าหน้าที่บนพื้นถนนมากกว่าสองกองร้อยแล้ว ยังมีตำรวจบนทางด่วนด้านบนหลายสิบนาย ซึ่งมีอุปกรณ์เช่น ปืนยาวด้วย การปะทะกันที่แยกดินแดง ตำรวจมีการสลับผลัดเปลี่ยนกำลังกันกันบ่อยครั้งเนื่องจากได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา เท่าที่ผู้สังเกตการณ์เห็นมีตำรวจตระเวนชายแดนหนึ่งนายกลับมาปฐมพยาบาลบริเวณต้นขา ไม่เห็นว่า มีเลือดไหล  
 
 
บริเวณแยกดินแดง มีพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติคอยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเรื่องการจัดการผู้ชุมนุมที่เป็นไปตามหลักสากล และกล่าวอ้างถึงกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มใช้ความรุนแรงก่อน แสดงลูกแก้วที่อ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเป็นคนยิงใส่แนวตำรวจให้กับสื่อมวลชนดู และคอยออกคำสั่งควบคุมไม่ให้สื่อมวลชนเข้าใกล้ หรือเข้าไปบริเวณแนวปะทะทั้งสองฝั่งได้
 
 
เวลา 17.09 น. มีเสียงดังปังสองครั้งมาจากหน้าแนวปะทะ ตำรวจประกาศตั้งแนวเตรียมจับ รถจับกุมสองคันหันท้ายรถเข้าให้ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อม ก่อนรถฉีดน้ำแรงดันสูงสองคันมาจากทางถนนวิภาวดีจะเข้ามาจอดข้างรถจับกุมและรถเครื่องเสียง หลังจากนั้น 17.11 น. ตำรวจด้านหน้ารถจับกุมเริ่มวิ่งเข้าหากลุ่มผู้ชุมนุมแต่หลังจากนั้นยังไม่เห็นภาพผู้ชุมนุมถูกคุมตัวมาขึ้นรถจับกุมที่เตรียมไว้ ยังมีการฉีดน้ำจากรถฉีดน้ำแรงดันสูงเป็นระยะๆ
 
 
เวลา 17.23 น. มีเสียงปัง ค่อนข้างดังมากสามครั้ง ผู้ชุมนุมมีการใช้ระเบิดเพลิงปาเข้าที่กลางถนนหน้าแนวตำรวจแต่ตำรวจก็ดับเพลิงในทันที ก่อนตำรวจตั้งแนวจะยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาไปทางฝั่งผู้ชุมุนม สื่อมวลชนถูกกันออกจากเกาะกลางมายังถนนวิภาวดีเยื้องจากแนวปะทะ ทำให้ไม่เห็นเหตุการณ์หลังจากนั้น ก่อนผู้สังเกตการณ์จะย้ายจากแยกดินแดงไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิตามขบวนผู้ชุมนุม ซึ่งระหว่างทางที่ไปมีการปิดถนนที่มุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เช่นถนนประชาสงค์เคราะห์และถนนวิภาวดี 
 
 
หลังยุติการชุมนุมเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้สังเกตการณ์ยืนอยู่ที่เชิงสกายวอล์คทางลงบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใกล้สถาบันโรคหัวใจ มีเสียงดังปังและแตรรถมาจากฝั่งถนนพญาไท จากนั้นตำรวจฉีดน้ำไปทางถนนพญาไท ไม่แน่ชัดว่า ใช้กระสุนยางหรือไม่ เวลานั้นผู้สังเกตการณ์ไม่ได้ยินเสียงประกาศว่า จะมีการฉีดน้ำหรือใช้กระสุนยางเลย
 
 
ต่อมามีเสียงดังปังอยู่หลายครั้ง เวลา 19.25 น. ตำรวจหลายสิบนายเดินจากเกาะราชวิถีถึงเชิงสกายวอล์คที่ผู้สังเกตการณ์ยืนอยู่ ซึ่งผู้ชุมนุมบนถนนพญาไทอยู่ห่างออกไปมาก จากนั้นตำรวจมีการตะโกนว่า “ยิงๆ” และเริ่มรัวยิงกระสุนยางไปทางฝั่งถนนพญาไท หลังจากนั้นมีตำรวจเริ่มใส่หน้ากากกันแก๊สและประกาศว่า ให้ประชาชนอยู่บนสกายวอล์คลงมาก่อน จากนั้นจึงขึ้นไปปิดสกายวอล์ค ทำให้มีประชาชนตกค้างไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ จนถึงเวลา 20.00 น. ยังมีประชาชนเหลืออยู่บริเวณป้ายรถเมล์เกาะราชวิถีประมาณห้าคน
Article type: