“เสียงจากเรือนจำ”: ความคับข้องใจของเอกชัย หงส์กังวาน ถึงคำพิพากษาจำคุก คดีเล่าเรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ

ความไม่ชอบมาพากลของคดีนี้

แม้ศาลฎีกาจะพิพากษาให้จำคุก1ปี ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการนำเข้าข้อมูลลามกอนาจาร เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในเรือนจำ แต่คดีนี้มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง
1. คดีนี้ผมเล่าเรื่องราวเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ เป็นช่วงเวลาระหว่างที่ถูกคุมขังในคดี มาตรา112 คดีนี้จึงสืบเนื่องมาจากคดีการเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ ไม่ใช่ข้อหาร้ายแรง อีกทั้งผมไม่เคยมีพฤติกรรมหลบหนี และผมก็ให้ความร่วมมือกับศาลมาโดยตลอด ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลฎีกา กลับไม่อนุญาต โดยอ้างว่าเกรงว่าผมจะหลบหนี ทั้งที่เป็นข้อหาเล็กๆที่โทษจำคุกไม่สูง ในขณะที่คดีอื่นๆ ของผมซึ่งข้อหาร้ายแรงกว่า ศาลอนุญาตให้ประกันตัวทุกคดี ไม่มีเงื่อนไข ทำไมคดีนี้จึงไม่ให้ ผมต้องอยู่ในเรือนจำกว่า 5 เดือน
2. การใช้กฎหมายอาญามาตรา 54 ในการเพิ่มโทษหรือลดโทษ ผมได้เคยร้องเรียนการคำนวณเพิ่มโทษและลดโทษของศาลอุทธรณ์ ว่าไม่เป็นไปตามมาตรา54 ต่อศาลฎีกาและศาลฎีกาได้รับไว้แล้ว แต่ศาลฎีกายังคงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ทั้งที่รู้แล้วว่าการคำนวณนั้นไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเลือกใช้ส่วนที่เป็นโทษแทนที่จะใช้ในทางเป็นคุณแก่จำเลย
3. คดีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ผมจำคุก 1 ปี โดยระหว่างรอฎีกา จำเลยถูกคุมขังอยู่เป็นเวลา153 วัน เมื่อคำนวณตามโทษที่ถูกลงแล้ว 1 ปี 365 วัน ผมต้องเหลือโทษจำคุกอีก 212 วัน ผมเข้าคุกเมื่อ 6 กรกฎาคม 2566  เมื่อคำนวณ 212 วันแล้ว ผมจะต้องได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 แต่ราชทัณฑ์กลับแจ้งว่าวันพ้นโทษของผมคือ 4กุมภาพันธ์ 2567 เกินกว่าโทษจำคุกของผม ซึ่งเรื่องนี้ได้ร้องเรียนให้ราชทัณท์คำนวณใหม่และจะแจ้งกับผมใน 1 สัปดาห์
จะเห็นได้ว่า คดีนี้มีความไม่ชอบมาพากล ใช้ดุลยพินิจ ไม่ถูกต้องหลายเรื่อง มีการใช้ส่วนที่ไม่เป็นคุณต่อผม อันถือเป็นการขัดต่อหลักกฎหมายอาญา
ดูรายละเอียดคดีเล่าเรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ ที่นี่
เอกชัย หงส์กังวานคือหนึ่งในนักกิจกรรมทางสังคมที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างยาวนาน เอกชัยเคยประกอบอาชีพขายหวยบนดิน เริ่มออกมาทำกิจกรรมทางการเมืองหลังการรัฐประหารในปี 2549 เพราะได้รับผลกระทบจากการที่หวยบนดินถูกยกเลิก การเคลื่อนไหวทางการเมืองทำให้เอกชัยถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากกรณีที่เขานำเอกสารวิกิลีกส์และวิดีโอซีดีสารคดีเกี่ยวกับราชวงศ์ไทยไปขายใกล้พื้นที่การชุมนุมในปี 2554 การถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทำให้เอกชัยต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2556 จนถึง 15 พฤศจิกายน 2558 
หลังได้รับการปล่อยตัวเอกชัยยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่องทั้งไปร่วมชุมนุมและแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์จนถูกดำเนินคดีทั้งคดีชุมนุมฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 ในปี 2561 หรือคดีฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯจากการร่วมชุมนุมที่แยกดินแดง เอกชัยยังมาถูกดำเนินคดีความมั่นคงที่มีอัตราโทษสูง อย่างคดีประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 จากเหตุการณ์ขบวนเสด็จวิ่งผ่านม็อบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 อย่างไรก็ตามในคดีดังกล่าว ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง
ในเดือนกรกฎาคม 2566 เอกชัยก็ต้องมารับโทษจำคุกอีกครั้งในคดีตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯจากกรณีที่เขาเคยโพสต์เล่าเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ในเรือนจำเมื่อครั้งรับโทษคดีมาตรา 112
มูลเหตุแห่งคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 23 เมษายน 2560 เอกชัยโพสต์เล่าเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ในเรือนจำบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาโดยตั้งค่าเป็นสาธารณะ ล่วงมาถึงเดือนมกราคม 2561 ในระหว่างที่เอกชัยทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตรวจสอบการครอบครองนาฬากาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตำรวจพยายามจะจับเขาแต่ศาลไม่ออกหมายจับให้ เอกชัยถูกออกหมายเรียกและไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีนี้แทน และถูกดำเนินคดีมาอย่างช้าๆ คดีนี้ถูกฟ้องต่อศาลในเดือนเมษายน 2562 เอกชัยให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีว่า เขาเจตนาโพสต์เรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำเพื่อบอกเล่าประสบการณ์จริงในคุกของตัวเอง เพื่อให้คนภายนอกทราบถึงปัญหา และหวังให้มีการปรับปรุง
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เอกชัยถูกคุมขังมาช่วงหนึ่งก่อนได้รับประกันตัว จนกระทั่งศาลฎีกาพิพากษายืนอีกครั้ง
ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เอกชัยฝากข้อความจากเรือนจำผ่านทางทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเพื่อมาสื่อสารต่อสาธารณะพร้อมตั้งข้อสังเกตต่อความไม่ชอบมาพากลในคดีของเขาดังที่ระบุไว้ข้างต้น