ตำรวจส่งฟ้องคดีนิสิตปัดฝุ่นประชาธิปไตย ฐานชุมนุมทางการเมือง



2 ตุลาคม 2561 ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเขน (สน.บางเขน) นัดส่งสำนวนฟ้องต่ออัยการศาลทหารกรุงเทพคดีขัดคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 3/2588 และพ.ร.บ.ชุมนุมฯ ของชนกนันท์, อรัญญิกา, เกษมชาติ, สุทธิดา, กานต์, อุทัย และคุณภัทร นักกิจกรรมและนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในนามกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ จำนวน 7 คนจากการจัดกิจกรรมปัดฝุ่นประชาธิปไตย รำลึกครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559 ที่อนุสาวรีย์ปราบกบฏ วงเวียงหลักสี่ เพื่อรำลึกถึงคณะราษฎรและเหตุการณ์การปราบปรามกบฏบวรเดชอันเป็นที่มาของอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ(อนุสาวรีย์ปราบกบฏ หรืออนุสาวรีย์หลักสี่) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559
 
ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนสน.บางเขน ได้นัดผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คนที่สน.บางเขน ต่อมาเปลี่ยนแปลงให้มาพบที่ศาลทหารกรุงเทพในวันนี้แทน เวลา 9.45 น. อรัญญิกา, เกษมชาติ, สุทธิดา, กานต์, อุทัย และคุณภัทร ยกเว้นชนกนันท์ ซึ่งลี้ภัยทางการเมือง เดินทางมาถึงศาลทหารกรุงเทพ โดยมีอาจารย์และประชาชนมาร่วมให้กำลังใจจำนวนประมาณ 20 คน หลังจากนั้นตัวแทนกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ได้อ่านแถลงการณ์ยุติการดำเนินคดีต่อ “7นศ. คดีปัดฝุ่นประชาธิปไตย” ที่ใช้สิทธิในการจัดกิจกรรมอย่างสงบ(อ่านเพิ่มเติมด้านล่าง)
 
คุ้มเกล้า คงสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า “ขั้นตอนวันนี้คือ พนักงานสอบสวนนำสำนวนในคดีนี้มาส่งให้กับอัยการศาลทหารกรุงเทพ โดยคดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหามารายงานตัว 6 คน ส่วนชนกนันท์ ทางตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้ว อย่างไรก็ดีอัยการศาลทหารเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องไปวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 โดยหากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดี ทนายความก็จะยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้งหนึ่ง”
 

ผู้ต้องหาทั้งหกเข้ารายงานตัวที่ศาลทหาร กรุงเทพ 2 ตุลาคม 2561
 
ขณะที่ชลิตา บัณฑุวงศ์อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงท่าทีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หลังจากคดีนี้เกิดขึ้น ว่า “ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มาสนใจ ถามไถ่หรือว่าให้ความช่วยเหลืออะไร แต่ในวันที่ 24 มิถุนายน 2559 หรือวันเกิดเหตุในตอนที่ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้ง 7 คนมาไว้ที่สน.บางเขน ไม่ให้ทนายความเข้าไปด้วย ตำรวจได้ประสานกับทางมหาวิทยาลัยให้อาจารย์ 3 คนมาพบนิสิต แต่พอไปถึงสน.บางเขนก็มาช่วยตำรวจค้นกระเป๋าทั้ง 7 คนและกล่าวในทำนองที่ว่า ให้ทั้ง 7 เข้ากระบวนการปรับทัศนคติเพื่อให้คดีความยุติ แต่ทั้งหมดไม่ยอมเพราะเชื่อว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด อาจารย์ก็กลับไปด้วยความโกรธ
 
หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวและกลับมาเรียนปกติ ทางผู้บริหารมองว่า นิสิตทำผิด ทราบว่า มีความพยายามที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยนิสิต แต่ด้วยกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของมหาวิทยาลัย ทำให้เรื่องก็เงียบลง แต่มีความพยายามอื่นๆ เช่น คณบดีของนิสิตบางคนโทรไปเรียกพ่อแม่ของนิสิตให้มาพูดคุย พ่อแม่ก็ต้องเดินทางจากต่างจังหวัดมาพูดคุยกัน ในการพูดคุยก็พูดจาดี ทำนองว่า เป็นห่วง จะดูแล เดี๋ยวจะให้มาช่วยงานจะได้ไม่ไปยุ่งการเมือง แต่จริงๆ ถ้าเรามองจริงมันคือการข่มขู่
 
ที่ผ่านมาไม่เคยมีกระบวนการมาช่วยเหลือด้านกฎหมาย ณ ตอนนี้คือ ทำเหมือนกับว่า ไม่รับรู้เรื่องนี้ นิสิตถ้าจะมาศาล ก็จะลาอาจารย์ผู้สอนเอง ทุกคช่วยเหลือตัวเอง มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้สนใจในการปกป้องสิทธิ เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อนิสิตพอสมควร มันเป็นการสร้างความหวาดกลัวส่งผลต่อจิตใจ นิสิตบางคนเกิดความเครียด
 
นอกจากนี้กระบวนการปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกยังมีมาโดยตลอด ปี 2560 มีการจัดเสวนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชาที่เรียน แต่ปรากฏว่า ตำรวจทหารหลายสิบคนมาปิดตึก ไม่ให้แม้กระทั่งนิสิตที่เรียนวิชาอื่นๆ ขึ้นไปเรียน”
 
แถลงการณ์ยุติการดำเนินคดีต่อ “7นศ. คดีปัดฝุ่นประชาธิปไตย” ที่ใช้สิทธิในการจัดกิจกรรมอย่างสงบ
.
จากการที่กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ได้จัดกิจกรรมรำลึกครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559 ที่อนุสาวรีย์ปราบกบฏ วงเวียงหลักสี่ เพื่อรำลึกถึงคณะราษฎรและเหตุการณ์การปราบปรามกบฏบวรเดชอันเป็นที่มาของอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ(อนุสาวรีย์ปราบกบฏ หรืออนุสาวรีย์หลักสี่) ซึ่งเป็นเพียงการรำลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยในวันที่ 24 มิถุนายนของทุกๆ ปี โดยตามกำหนดการของกิจกรรม ณ ขณะนั้น เป็นเพียงแค่การทำความสะอาดอนุสาวรีย์ฯ การกล่าวถึงคุณูปการของคณะราษฎรและเหตุการณ์การปราบปรามกบฏบวรเดช และการแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกันเท่านั้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ นักศึกษา 7 คนซึ่งเป็นผู้จัดกิจกรรมถูกควบคุมตัวตั้งแต่ที่อยู่ในวัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน และถูกนำตัวขึ้นรถไปด้วยความไม่ยินยอม และไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการเริ่มกิจกรรมใดๆตามกำหนดการก็ตาม ดังภาพข่าวที่ปรากฎเมื่อ 2 ปีก่อน เหตุการณ์ในครั้งนั้นจบลง หลังจากศาลทหารกรุงเทพไม่รับฝากขัง 7 นักศึกษาตามคำร้องของตำรวจ สน.บางเขน ในคืนวันที่ 24 มิ.ย. 2559
 
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเขนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาในคดีขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ที่ห้ามการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และความผิดฐานชุมนุมโดยไม่แจ้งการชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ
 
ดำเนินการชองคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อพวกเราในครั้งนี้ถือเป็นการใช้กฎหมายข่มขู่ คุกคาม และปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวขึ้นในสังคมที่ คสช.ดำเนินมาตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีของการอยู่ในอำนาจ
 
กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ขอยืนยันถึงสิทธิและเสรีภาพในการจัดกิจกรรมรำลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมของคนไทยทุกคน ทั้งนี้ เราขอขอบคุณศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ช่วยเหลือด้านการสู้คดี รวมทั้งขอขอบคุณประชาชนทั้งประเทศที่ช่วยกันระดมเงินทุนประกันตัวผู้ต้องหาคดีทางการเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาตั้งแต่ในช่วงก่อนหน้า โดยในวันนี้เงินกองทุนดังกล่าวจะได้ถูกนำมาใช้ประกันตัวนิสิตนักศึกษาด้วย เนื่องจากหลักทรัพย์ในการประกันตัวที่ผู้มีอำนาจกำหนดไว้มีอัตราสูงเกินกว่าที่นักศึกษาคนหนึ่งจะมีได้
 
ดังนั้น กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ จึงขอเรียกร้องให้ถอนการแจ้งความดำเนินคดีกับ 7 นักศึกษา ในคดี “ปัดฝุ่นประชาธิปไตย” ในทันที และคืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชน โดยการยกเลิกกฎหมายและคำสั่งที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบต่างๆ ทั้งนี้ ไม่ควรมีใครก็ตามควรที่จะถูกกล่าวหาว่ามีความผิดหรือจับกุมตัวเพียงเพราะใช้สิทธิและเสรีภาพของตน อย่างที่เกิดขึ้นในกรณีนี้และกรณีอื่นๆ ที่ผ่านมา เพราะเราเชื่อในความคิดที่ว่า สิทธิและเสรีภาพของประชาชน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการการปกครองระบอบประชาธิปไตย และควรได้รับการปกป้องอย่างถึงที่สุด
 
ติดตามความเคลื่อนไหวคดีได้ที่นี่