พีมูฟ: บทเรียนชุมนุมที่ใช่ว่า ทำตามกฎหมายแล้วจะได้ใช้สิทธิ

 
 
 
หลังรัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ 2558 (พ.ร.บ.ชุมนุมฯ) ส่งผลให้ประชาชนที่ต้องการ ใช้สิทธิชุมนุมต้องแจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยมีบางครั้งเจ้าหน้าที่สั่งให้แก้ไขการชุมนุม อ้างเหตุไม่ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด เช่น พื้นที่ชุมนุมเป็นสถานที่ราชการหรือทางสาธารณะ  และหลายครั้งหลังจากพวกเขายื่นหนังสือแจ้งการชุมนุมตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่กลับไม่ได้สั่งให้แก้ไขการชุมนุมหรือห้ามไม่ให้ใช้สิทธิในการชุมนุม ดังในกรณีการชุมนุมของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมหรือพีมูฟ ในเดือนพฤษภาคม 2561
 
 
ทั้งนี้เป้าหมายของการชุมนุมของพวกเขามีเพื่อให้การติดตามการแก้ปัญหาของประชาชนกลุ่มพีมูฟเป็นไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว ยิ่งเฉพาะพีมูฟที่เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่มีองค์กรจำนวนมากสังกัดอยู่ทั่วประเทศเช่น เครือข่ายที่ได้รับผลกระทบเรื่องที่ดินและที่อยู่อาศัย  บางเครือข่ายต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อเข้าร่วมชุมนุม แต่แม้ว่า จะไม่มีข้อกฎหมายที่ขัดต่อการเข้าร่วมชุมนุม กลับปรากฏว่า วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ผู้ร่วมชุมนุมจากสมาพันธ์เกษตรกรภาคเหนือกลับถูกสกัดไม่ให้เดินทางมาร่วมชุมนุม ฟังดิเรก แกนนำสมาพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
 
 
ช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนการชุมนุมถูกสกัดกั้นให้ฟังหน่อย?
 
 
วันที่ถูกสกัดคือ ช่วงเย็นของวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 วันนั้นเดินทางออกจากบ้านประมาณ 17.00 น. เราก็คิดว่า คงไม่มีปัญหาการสกัด เพราะช่วงเช้าที่บ้านมีหน่วยความมั่นคง สันติบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ฝ่ายปกครอง กอ.รมน. เวียนกันไปเยี่ยมที่บ้าน ไม่ได้ยกกันไปทีเดียว ทยอยกันมา ชุดแรกคือ ประมาณ 8.00 น. หน่วยงานความมั่นคงนอกเครื่องแบบมาถามว่า พี่น้องเราจะเดินทางไปกี่คน ไปทำไม เราก็อธิบายว่า ที่เราจะมาชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพราะว่า ที่ผ่านมาปัญหาของชาวบ้านถูกแก้ไขในระดับเบื้องต้นแล้ว แต่มันยังไปไม่สุด เรื่องที่ไปไม่สุดเราจะตามในประเด็นนั้นๆกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
 
 
ก่อนหน้านี้เราได้ยื่นหนังสือต่อสำนักนายกฯแล้ว มีเวลาที่สำนักนายกรัฐมนตรี 30 วัน แต่พอครบระยะเวลาที่กำหนด ไม่มีการเรียกประชุมสักกระทรวง เราจำเป็นต้องมาตามที่เราวางแผนไว้ เราเตรียมทำความเข้าใจต่อพี่น้องถึงสาเหตุและมีการเตรียมพร้อมอุปกรณ์ยังชีพ ทุนการกินการอยู่ก็ระดมกับชาวบ้านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
 
จากนั้นหน่วยงานความมั่นคงก็มาถามเราว่า ถ้าเราไม่ไปจะได้ไหม เราก็ตอบว่า ขนาดเราไปยื่นหนังสือแล้วยังไม่ได้รับการแก้ไข เราจึงต้องไปตามเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาที่มันติดปัญหาที่มันไม่เคลื่อนไม่ขยับ มันก็ไม่มีอะไร จนถึงเที่ยง ผมก็กินข้าว ชวนเจ้าหน้าที่มากินข้าวบ้าง เขาก็บอกว่า ไม่กิน แล้วเดินไปเดินมา ทั้งวันนั้นนับเจ้าหน้าที่ได้ประมาณ 30 คน หน่วยงานที่ไปถามสุดท้ายว่า จะไปกันกี่โมง ผมบอกว่า นัดรถที่เครือข่ายเราประสานกันไว้ประมาณ 16.00 น.  เราจะเคลื่อนออกจากหมู่บ้านอย่างช้าที่สุด 17.00 น.
 
แล้วเหตุการณ์ตอนรวมตัวกันขึ้นรถทัวร์ออกเดินทางเป็นอย่างไร?
 
 
ตอนนั้นเวลาสักประมาณ 16.00 น. ที่จุดนัดพบมีทหาร ตำรวจยืนเต็มไปหมด พอขึ้นรถเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มีท่าทีขัดขวางไม่ให้พี่น้องไป ประมาณ 17.20 น. เดินทางมาได้ 17 กิโลเมตร จากหมู่บ้านมาแถวมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีป้อมยามตำรวจ ทหารดักอยู่ ตำรวจก็เรียกให้จอด ขึ้นมาตรวจและถ่ายรูปบัตรประชาชนของชาวบ้านทุกคนบนรถ รวม 44 คน เมื่อถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยเขาก็บอกว่า ขอเชิญโชเฟอร์ไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ โชเฟอร์ก็นั่งรถตำรวจไป มีทหารนอกเครื่องแบบนั่งไปด้วย ชาวบ้านก็นั่งรอบนรถ ประตูก็เปิดไว้ ก่อนจะไปโชเฟอร์ถามว่า ปิดประตูล็อคไหม ตำรวจบอกว่า ไม่ต้องปิดหรอก เปิดไว้อย่างนั้นแหละ
 
 
ชั่วโมงก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว จนประมาณสองทุ่มกว่า  ผมมีเบอร์ของโชเฟอร์อยู่ โทรไปไม่ได้รับการตอบรับ อีกสักชั่วโมงนึง องค์กรที่ปรึกษาบอกว่า โทรหาโชเฟอร์ติดแล้ว แต่โชเฟอร์ตอบว่า ตอนนี้อยู่ไหนไม่รู้ ผมไม่รู้สถานที่ว่า มันเป็นที่ไหน ไม่มีป้าย ไม่มีสัญญาณ ไม่มีสัญลักษณ์อะไรเลย แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาพาที่ไหน โชเฟอร์ตอบว่า ผมคิดว่า เป็นค่ายทหาร แล้วตอนนี้อยู่กับใคร เขาตอบว่า อยู่กันสองคน ซึ่งก็คงจะเป็นโชเฟอร์อีกคนหนึ่งที่ถูกคุมตัวที่ด่านตรวจยาเสพติด แม่ทา จังหวัดลำพูน ที่จะพาผู้ชุมนุมไปกรุงเทพฯเช่นกัน ผมก็ติดต่อกันเป็นช่วงๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ผมจึงประสานกับกอ.รมน จังหวัด เขาบอกว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ
 
 
ตั้งแต่เราถูกสกัดกั้นมีเจ้าหน้าที่อยู่ป้อมยามคนนึงและหน่วยกู้ภัยสี่ห้าคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ทหารในเครื่องแบบคนนึงอยู่กับรถแต่ไม่ได้ขึ้นรถมาคุม ผมก็พยายามติดต่ออีกเพราะฝนตกมาก จากนั้นผมก็โทรหาโชเฟอร์ว่า อยู่ที่ไหน เขาตอบเหมือนตอบองค์กรที่ปรึกษาว่า ไม่รู้ที่ไหน ผมถามเขาว่า ช่วงที่ไปมันสว่างอยู่ นั่งรถไปรู้สึกว่า มีสะพานข้ามแม่น้ำไหม ถ้าข้ามแสดงว่า ค่ายทหารเขตอำเภอแม่ริมหรืออำเภอเมือง เขาตอบว่า ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมถามต่อว่า เราติดต่อใครได้ไหม โชเฟอร์ตอบว่า เขาไม่ให้ติดต่อใคร ผมถามต่อว่า เขาทำอะไรบ้างไหม โชเฟอร์ก็ตอบว่า ผมไม่รู้นะ  ผมเลยถามอีกว่า ถูกขู่คุกคามไหม เขาบอกไม่มี ได้กินข้าว หลังจากคุยจบก็ปิดเครื่องไปเลย ผมก็รู้ล่ะว่า เราถูกบล็อคแน่
 
 
ผมติดต่อกับกอ.รมน. เขาก็พูดเหมือนไม่รู้เรื่อง เขาพูดว่า ที่ทำไปเนี่ย ผมก็ไม่ทราบว่า มันเป็นหน่วยไหน ผมพยายามจะติดต่อดู สุดท้ายตอนดึกผมก็ติดต่อไปอีก เขาไม่รับสายผมสองครั้ง ตอนนั้นผมก็วุ่นกับพี่น้องด้วย พี่น้องก็โวยวายกันแล้ว หลังจากนั้น กอ.รมน.ก็ติดต่อกลับมาว่า ไม่มีความคืบหน้า ผมไม่รู้ว่า เป็นคำสั่งจากหน่วยไหน ผมก็ตอบว่า นี่แสดงว่า มีการบล็อคชาวบ้านแล้ว ผมเข้าใจ คงไม่ใช่หน่วยความมั่นคงระดับล่างสั่งหรอก เบื้องบนสั่งมา ท่านถึงไม่มีข้อมูลให้กับผม ผมไม่โทษท่านหรอก หลังจากนั้นชาวบ้านก็นอนอยู่บนรถทั้งคืน
 
 
หลังจากนั้นตอนเช้าทำอย่างไรต่อ?
 
 
ตอนเช้าผมโทรหาเขา[กอ.รมน.]อีกครั้งหนึ่งก็บอกว่า ยังอยู่ที่เดิม หลังจากนั้นตำรวจที่อยู่ป้อมยาม วิ่งเอาโทรศัพท์มาให้ผมบอกว่า ทหารอยากคุยด้วย คำแรกเขาบอกว่า เป็นไง ลุงเรก ถามแบบนี้แสดงว่า เขารู้จักผม คนในโทรศัพท์ก็ตอบว่า จะไปไหนไม่บอกกัน โกหกกัน ผมตอบว่า ผมบอกหมดแล้วกับหน่วยที่ไปสืบ ผมไม่มีอะไรปิดบัง ผมสู้อย่างเปิดเผย ผมเปิดหน้าสู้เลยนะ ถ้าคิดว่า สู้ได้ผมก็สู้ ถ้าไม่ได้ผมก็ยอมแพ้ แต่นี่เจ้าหน้าที่ทำแบบนี้ เล่นเกมส์นี้เป็นเกมส์ที่หลอกลวง ไม่เปิดเผย ทหารในสายบอกว่า โหย มันเกมส์ใครเกมส์มัน พอเป็นเกมส์ของพวกคุณ คุณก็โกหกผมมาตลอด ผมเลยตอบกลับว่า ผมไม่ได้โกหก ผมออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องแก้ไขปัญหา ผมไม่เคยโกหก ที่เรียกร้องมามีแต่ความจริง เขาตอบว่า ไม่จริง หลอกกันมาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว
 
 
ทหารถามว่า อยากได้โชเฟอร์ เดี๋ยวผมเอาโชเฟอร์ไปคืน งั้นก็แสดงว่า โชเฟอร์ของผมอยู่ในค่ายใช่ไหม เขาก็ตอบว่า ใช่ ผมเลยว่า สักกี่โมงถึงจะส่งตัวโชเฟอร์คืนมา ทหารตอบว่า ผมจะปล่อย ให้คนของผมนำโชเฟอร์ไปขับเอารถมา พี่น้องบนรถมากินข้าวที่นี่ มีอาหารเตรียมไว้พร้อม น้ำเต้าหู้ ของว่างต้อนรับมาเลย เรายินดีต้อนรับ ผมบอกว่า ผมไปแน่ คุณเอาโชเฟอร์ผมไปสองคน แต่ปล่อยมาคนเดียว ผมก็รู้ว่า คุณต้องการให้ผมเข้าไปที่ค่ายทหาร ผมไม่กลัว
 
 
จากนั้นมีคนพาโชเฟอร์มาส่งและเคลื่อนตัวพาชาวบ้านทั้งหมดไปที่ค่ายกาวิละ มีรถตำรวจภูธรนำหน้า เปิดไซเรนนำไป พอไปถึงในค่ายเกือบเก้าโมงแล้ว กินน้ำเต้าหู้ กินข้าวกัน จากนั้น ผู้บัญชาการค่ายกาวิละก็นั่งในโต๊ะประชุม มีผู้บัญชาการคนเดียวในห้องนั้นกับชาวบ้าน เขาถามถึงปัญหาว่า พี่น้องจะเดินทางไปกรุงเทพฯด้วยสาเหตุอะไร ผมก็บอกว่า หน่วยข่าวกรอง หน่วยความมั่นคงเขาก็มาถามแล้ว ผมก็ให้ข้อมูลไปทั้งหมดแล้ว
 
 
ผมจึงถามว่า สุดท้ายพี่น้องถูกสกัดมันด้วยสาเหตุอะไร เขาก็ถามต่ออีกว่า เรื่องที่คุณจะไปมันเป็นปัญหาอะไร ผมก็บอกว่า มันเป็นปัญหาเรื่องของที่ดินเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผมก็เผชิญเรื่องนี้ และเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องธนาคารที่ดิน ผมจำเป็นต้องไปเพราะที่ผ่านมาทหารแก้ไขปัญหาที่ดินขับเคลื่อนยังไม่ตรงเป้าหมายตามสิ่งที่เราคาดหวัง เราเดินเท้า ธรรมยาตรา ขี่มอเตอร์ไซด์ เดินก้าวแรก ก้าวสอง มันก็ไม่มีความคืบหน้าจนสุดท้ายเราได้ยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ว่า ภายใน 30 วันแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องเรียกประชุมคณะอนุกรรมการ หากว่า ไม่มีการประชุม เรากลุ่มพีมูฟจะตามทุกกระทรวงในการแก้ไขปัญหา
 
 
เมื่อเรารู้ว่า ไม่มีประชุม เราจึงเตรียมการเอาแผนการตรวจราชการทุกองค์กรที่เกี่ยวข้อง แต่ทหารรถชาวบ้านจากลำพูนและเชียงใหม่โดนสกัดหมด รถของผมตอนออกเดินทางมี 44 ต้องไปรับคนเพิ่มที่ดอยแม่ติอีก 10 คน แต่ก็ไม่ได้ไปรับ สุดท้ายชาวบ้านที่นั่นต้องไปสมทบที่ด่านตรวจยาเสพติดแม่ทา จังหวัดลำพูน
 
 
ผมอธิบายปัญหาไปแล้วเขาก็เหมือนว่า ถ่วงเวลา จะสอบถามพี่น้องแต่ละคนเลยว่า จุดประสงค์ของการเดินทางคืออะไร สิ่งที่ต้องการคืออะไร ทุกคนก็ตอบเหมือนกันว่า ต้องการที่ดิน อยากมีน้ำ อยากมีไฟ อยากมีถนน เพื่อการผลิต ผมพยายามสรุปเพราะมันจะเที่ยงแล้ว แล้วพูดว่า เรามาคุยที่ค้างกันก่อนดีกว่า ทหารก็บอกว่า เวลาพวกคุณอธิบาย ผมก็ฟังไม่ได้ตัด แต่ตอนนี้ผมอยากทราบแต่ละคน  ทางองค์กรที่ปรึกษาก็บอกว่า อย่าไปคุยเลย ออกมาเลย แต่เราออกไม่ได้ รถก็อยู่ในค่าย เราจะไปบังคับโชเฟอร์มา โชเฟอร์ก็อยู่ในค่าย ตอนที่สัมภาษณ์ มีการเก็บภาพของสื่อมวลชน
 
 
จนครบจำนวนคน ก็มีการสรุปบอกว่า ปัญหามันแก้ยาก มันต้องแก้กันทีละปมๆ แต่ถ้าแก้แบบพีมูฟขอร้อง มันไม่มีใครแก้ให้หรอก ที่คุณบอกว่า เก้านายก 16 คณะรัฐมนตรีก็นี่แหละปัญหามันไม่ได้แก้ นายกฯคนนี้เขาจะแก้แต่พวกคุณใจร้อน ผมบอกว่า ไม่ได้ใจร้อนแต่มันสี่ปีแล้ว ตั้งเรามาทำไม อนุกรรมการก็ตั้ง กรรมการก็ตั้ง แต่กระทรวงไม่ทำงาน สรุปแล้วมันก็ยังไม่ได้เท่าที่ควร
 
 
คุยเสร็จแล้วได้ข้อสรุปว่าอย่างไร?
 
เขาก็บอกว่า ให้กลับไปที่บ้านและรอการแก้ไขปัญหา ผมบอกว่า ไม่ได้ เราต้องเดินทางต่อ ต้องให้ไปส่งผมที่แม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อผมจะได้ไปหารือกับพี่น้องเครือข่าย เขาบอกว่า ไม่ได้ ต้องขึ้นรถอย่างเดียวและกลับบ้าน ผมบอกว่า อ้าวแล้วที่ให้ผมขึ้นรถกลับบ้านแล้วที่มีการว่าจ้างเหมารถไปส่งที่กรุงเทพฯ สองหมื่นกว่าบาท ผมไปไม่ถึงเป้าหมาย ผมจะทำยังไง เขาก็หารือ ผมบอกว่า ต้องชดใช้นะ ทหารบอกว่า เอ้าไม่เป็นไร เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง จากนั้นก็ปิดการประชุม ก่อนเที่ยงนิดหน่อยเราก็ออกมา เดินเป็นแถวเหมือนคนอพยพ ทหารขึ้นไปนั่งด้วยประมาณสองคน นับจำนวนชาวบ้านว่า ครบไหม พอไปถึงบ้านก็ลงรถ มีหน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ทหาร อยู่เต็มไปหมด
 
 
พอผมกลับไปบ้านมีตำรวจอีกแล้ว ตรวจสอบว่า ผมถึงบ้านดีไหม ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มไหม แต่ความเป็นจริงคือ ชาวบ้านแตกกระจายกันไปหมดแล้ว ชาวบ้านบางคนไม่อยากไปอยู่แล้ว อยากจะให้แก้ไขปัญหาในพื้นที่ แต่ประเด็นมันใหญ่มันต้องแก้ที่หัว พอลงรถคนกลุ่มนี้ก็กลับบ้านกันหมด ผมเลยตัดสินใจส่วนตัวว่า ผมจะเดินทางเย็นนี้คนเดียว
 
 
พอผมตัดสินใจ มีน้องโทรมาบอกว่า ลุงนงค์(สุแก้ว ฟุงฟู สมาชิกสกน.)ถูกล็อค อุ้มไปเนื่องจากขัดคำสั่งไม่ย้ายที่ชุมนุม ซึ่งเป็นด่านตรวจยาเสพติด เขาว่า อาจมีอันตรายต่อพี่น้อง แต่ลุงนงค์เขาบอกเจ้าหน้าที่ว่า ไม่รู้จะไปไหนเพราะว่า คุณยึดโชเฟอร์และปิดล็อครถ ผมไปไหนไม่ได้ ทรัพย์สินก็อยู่บนรถ ตอนนั้นก็มีความระส่ำระสายกัน ลุงนงค์เลยพูดว่า ถ้าใครที่เชื่อตำรวจก็ไปกับตำรวจเลย แต่ถ้าเชื่อผมอยู่ตรงนี้ มันก็เกิดการต่อต้าน ลุงนงค์เขาก็ยืนยันว่า ต้องเอาผู้ว่าฯมาคุย หลังจากนั้นมีการจับกุมตัวลุงนงค์, ประยงค์และรังสรรค์ไปที่ว่าการอำเภอแม่ทา
 
 
สุดท้ายตอนที่ไปคุยกันที่ว่าการอำเภอได้ความว่าอย่างไรบ้าง?
 
เท่าที่รู้เมื่อไปพูดคุยกันที่ว่าการอำเภอแม่ทา เจ้าหน้าที่ก็พูดทำนองว่า ให้กลับอย่างเดียวไม่ให้ไป ไม่มีการเซ็นข้อตกลงถ้าไป ไปไม่ถึงกรุงเทพฯหรอก จะต้องถูกสกัดแต่ละพื้นที่ กว่าจะพ้นภาคเหนืออย่างน้อยก็สี่ห้าคืน ผมพยายามชี้แจงว่า เรื่องการชุมนุมทางการเมืองไม่เกี่ยวกับชาวบ้าน ชาวบ้านจะช่วยแก้ไขปัญหา เขาก็ไม่ฟัง 
 
 
ตอนหลังมีเจ้าหน้าที่มาบอกผมว่า ลุงเลิกตั้งใจที่จะไปเถอะ ลุงต้องการให้ใครมาแก้ไขปัญหาเป็นตัวกลาง ผมบอกว่า ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือ นายกฯต้องแก้ไขปัญหานี้ เขาก็ตอบว่า นายกฯเขามาไม่ได้ เขาภารกิจเยอะ ผมบอกว่า ก็ต้องมอบหมายมา ถ้าท่านประวิตรมา ผมเห็นด้วย เขาบอกว่า ไม่ต้องไปคุยเรื่องที่อื่น เอาของลุงเรกให้รอดก่อน เอาธนาคารที่ดินก่อน จบเลยเอาไหม ผมตอบว่า ผมรับไม่ได้เพราะปัญหาอื่นไม่ได้แก้ไปพร้อมกัน เขาแย้งผมว่า ลุงเรก ลุงเรกต้องแยกปัญหาสิ ถ้าลุงเรกจะแก้ไขปัญหาบนโต๊ะทั้งหมด งั้นพีมูฟจะเป็นรัฐบาลไหม ผมบอกว่า ท่านอย่าพูดแบบนั้น เราอยากจะแก้ไขปัญหา
 
 
ถ้าท่านจะให้ผมแก้ไขปัญหาธนาคารที่ดินที่เชียงใหม่ ผมต้องยอมตัดหู ยอมตัดแขนแล้วเพื่อจะลอดช่องที่ท่านวางไว้ แต่คนอื่นที่เขาไม่ยอมเขาลอดผ่านไปไม่ได้ ปัญหาของเขาก็ไม่ได้แก้ อย่างนั้นผมก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัวสิ ในอุดมการณ์ผมมันต้องแก้ทั้งขบวน หกเครือข่าย มันมีประเด็นมากมาย ถึงต้องมีกลไกการแก้ไขปัญหาตั้งแต่กระทรวงลงมา ผมไม่คิดจะทิ้งใครไว้ข้างหลัง เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวก็ถอนหายใจบอกว่า พูดไม่รู้จักฟัง ผมตอบว่า ผมฟัง ผมเชื่อว่า ท่านเจตนาดี แต่ผมปฏิบัติไม่ได้ ผมนับถือท่าน เขาบอกว่า ก็เข้าใจ มีอะไรขาดเหลือก็บอกนะ หลายคนถามว่า เหตุการณ์นี้ ทำให้รู้สึกอย่างไรกับทหาร ผมขอตอบว่า ผมหมดศรัทธาที่ใช้กลไกแบบนี้มาใช้กับชาวบ้าน