ศาลทหารขอนแก่นจำหน่าย 3 คดีรวด ! คดีขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. 3/2558 เหตุกฎหมายถูกยกเลิกแล้ว



วันนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2562) ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ หรือศาลทหารจังหวัดขอนแก่น นัดพิจารณาคดีเกี่ยวเนื่องเสรีภาพการแสดงออกสามคดีด้วยกัน ได้แก่ คดีไผ่ ดาวดิน ชูป้ายต้านรัฐประหารที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558, คดีไนซ์ ดาวดิน ชูป้ายต้านรัฐประหาร (กิจกรรมเดียวกับไผ่ ดาวดิน แต่อัยการฟ้องคดีแยกกันจึงทำให้แยกเป็นสองคดี) และอีกคดี คือ คดีพูดเพื่อเสรีภาพ ที่นักกิจกรรมจำนวนหนึ่งจัดเสวนาเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญในชื่องาน “พูดเพื่อเสรีภาพ ร่างรัฐธรรมนูญกับคนอีสาน” ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนการลงประชามติเมื่อสิงหาคม 2559

 

ทั้งสามคดีต่างถูกดำเนินข้อหา ขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คำสั่งหัวหน้า คสช.) ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 12 ที่กำหนดว่า ผู้ใดมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจํานวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับโดยรวมแล้วทั้งสามคดี มีจำเลยทั้งหมดเก้าคน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนสองคน ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ในงานเสวนา พูดเพื่อเสรีภาพฯ ด้วย


ตั้งแต่เวลา 9.00 น. จำเลยทยอยเดินทางมาที่ศาล ในวันนี้มีรังสิมันต์ โรม ที่ต้องเดินทางมาจากกรุงเทพฯ และจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ที่ต้องเดินทางมาจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ในวันนี้บรรยากาศบริเวณศาลทหารจังหวัดขอนแก่นเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ตั้งแต่ทางเข้าค่ายศรีพัชรินทร์ ไม่มีการแลกบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเข้าบริเวณค่ายทหาร ซึ่งก่อนหน้าหากมาสังเกตการณ์คดีต้องทำการแลกบัตรประจำตัวประชาชนที่หน้าค่ายทุกครั้ง รวมถึงบริเวณอาคารศาล เจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้มีท่าทีเข้มงวดกับประชาชนที่อยู่ในอาคารศาลเหมือนแต่ก่อน เพียงเน้นย้ำการปฏิบัติตามกฎพื้นฐาน เช่นห้ามถ่ายรูปในศาล และปิดมือถือก่อนเข้าห้องพิจารณาคดีเท่านั้น

 

นกระทั่งจำเลยทั้งเก้าคน มาศาลครบในเวลาประมาณ 10.10 น. และเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีในเวลา 10.20 น. ศาลเริ่มต้นพิจารณาคดีในเวลา 10.30 น. ใช้เวลาเพียงประมาณ 20 นาที ก็อ่านคำสั่งจำหน่ายคดีทั้งสามคดีแล้วเสร็จ โดยเริ่มจากคดีไนซ์ ดาวดิน ชูป้ายต้านรัฐประหาร ตามด้วยคดีไผ่ ดาวดินชูป้ายต้านรัฐประหาร และสุดท้ายคดีพูดเพื่อเสรีภาพฯ ซึ่งศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยให้เหตุผลเหมือนกันทั้งสามคดี ดังนี้

 

ศาลแจ้งให้คู่ความทราบว่า ตามที่มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 22/2561 เรื่องการให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ข้อที่ 1 ให้ยกเลิก คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 (7) ข้อที่ 12 ห้ามการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป จึงเป็นกรณีบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังให้การกระทำตามฟ้องไม่เป็นความผิดอีกต่อไป ดังนั้นจำเลยทั้งเก้าคน จึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 วรรคสอง และยังเป็นกรณีที่กฎหมายที่ออกใช้ภายหลังกระทำความผิดยกเลิกความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ทำให้สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (5) ประกอบ พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2495 มาตรา 45 จึงมีคำสั่งให้งดการสืบพยานและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
 

หลังจากพิจารณาคดีแล้วเสร็จจึงได้มีการถ่ายรูปรวมกันหน้าศาล และแยกย้ายกันกลับ ซึ่งนัดพิจารณาคดีนัดนี้ถือว่าเป็นนัดสุดท้ายที่จำเลยในคดีทุกคนจะได้มาที่ศาลทหารจังหวัดขอนแก่น ถือว่าเป็นการปิดตำนานการสู้คดีทางการเมืองกับการแสดงเสรีภาพทางการแสดงออก ที่ถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ในจังหวัดขอนแก่น ที่ใช้เวลายาวนานกว่าสองปี

 

หากนับทั้งสามคดีนี้ก็ถือว่ามีคดีทั้งหมดหกคดีแล้วที่ศาลสั่งจำหน่ายคดี / ยกฟ้อง หลังจากมีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2561 ออกมายกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อที่ 12

 

เหตุแห่งคดีของทั้งสามคดี

คดีของไผ่ และ ไนซ์ ดาวดิน ชูป้ายต้านรัฐประหาร

 

เกิดขึ้นเมื่อนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 7 คนในนามกลุ่มดาวดินซึ่งรวมกลุ่มชูป้ายต่อต้านรัฐประหารเมื่อวันที่22 พฤษภาคม 2558 ถูกจับกุม และ ดำเนินคดี ข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่3/2558 หลังได้รับการประกันตัว พวกเขาประกาศอารยะขัดขืนไม่ไปรายงานตัวตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จนกระทั่งไผ่ ดาวดินหนึ่งในผู้ต้องหา ถูกจับในตัวในคดี แจกใบปลิวโหวตโน ที่ภูเขียว ชัยภูมิ จึงถูกอายัดตัวต่อเพื่อมาดำเนินคดี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559

ในส่วนของไนซ์ ดาวดิน ถูกดำเนินคดี “พูดเพื่อเสรีภาพ” จึงถูกเข้ากระบวนการดำเนินคดีในชั้นศาล เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 โดยศาลให้แยกคดีออกจากคดีของไผ่ ดาวดิน เนื่องจากคดีของไผ่ ดาวดิน ได้สิบพยานไปก่อนหน้าแล้ว

 


คดี “พูดเพื่อเสรีภาพ รัฐธรรมนูญกับคนอีสาน”

 

วันที 31 กรกฎาคม 2559 กลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่ และขบวนการประชาธิปไตยใหม่ภาคอีสาน จัดงานเสวนา “พูดเพื่อเสรีภาพ ร่างรัฐธรรมนูญกับคนอีสาน” ที่อาคารจตุรมุข คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยก่อนหน้าวันจัดงานหนึ่งวันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพนักงานของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้ามาขอความร่วมมือให้ยุติการจัดกิจกรรมดังกล่าว แต่ผู้จัดยังคงยืนยันที่จะจัดกิจกรรมต่อไป

 

กระทั่งวันที่ 17 สิงหาคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ออกหมายเรียกข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง โดยผู้เกี่ยวข้องเป็นนักศึกษาได้แก่ จตุภัทร์,ฉัตรมงคล,และณรงฤทธิ์ ขณะเดียวกัน ณัฐพร นักกิจกรรมกลุ่มอิสานใหม่ก็ถูกข้อกล่าวหานี้ด้วย แม้กระทั่งผู้สังเกตการณ์จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างดวงทิพย์และนีรนุชก็ได้รับหมายเรียกและข้อกล่าวหาดังกล่าวนี้ด้วย ทั้ง 6 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองขอนแก่นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 และต่อมาตำรวจยังออกหมายเรียกเพิ่มอีก 5 คน รวมเป็น 11 คน และมีคนยอมเข้าสู่กระบวนการปรับทัศนคติ เพื่อให้คดียุติ 2 คน ทำให้เหลือจำเลยทั้งหมดในคดีนี้ 9 คน