- เว็บไซต์ไอลอว์
- ศูนย์ข้อมูลฯ
จาก 112 - 110 ชีวิตติดเลขท้ายของเอกชัย หงส์กังวาน
เรื่องโดย อานนท์ ชวาลาวัณย์ (iLaw)
ภาพโดย Banrasdr Photo
หากจะพูดถึงอดีตนักโทษ 112 ที่ถูกดำเนินคดีในช่วงทศวรรษที่ 2550 แล้วยังคงโลดแล่นอยู่
ด้วยการเคลื่
แม้จะเผชิญกับข้อหาหนักกว่
"บ้านรกหน่อยนะ"
เก้าโมงเช้าของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ผมนัดกับพี่ช่างภาพจาก Banrasdr Photo ไปพบกับเอกชัย หรือที่ผมมักจะเรียกเขาติดปากว่า "พี่เอก" ที่บ้านของเขาย่านลาดพร้าว ที่ต้องนัดเช้าเช่นนี้เพราะเอกชัยบอกว่า ช่วงบ่ายเขาตั้งใจจะไปให้กำลังใจผู้ต้องหาคดีการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ที่มีกำหนดเข้ารายงานตัวกับอัยการในวันนั้น ก่อนเวลานัดเล็กน้อยผมกับช่างภาพไปถึงหน้าบ้านพักเอกชัย พวกเราตัดสินใจว่าจะยังไม่รบกวน "เจ้าบ้าน" ก่อนเวลานัด ตลอดเวลาที่เรายืนรออยู่หน้าบ้านตึกแถวของพี่เอก หญิงชราที่อยู่ข้างบ้านมองพวกเราด้วยสายตาแปลกๆจนผมรู้สึกอึดอัดจนต้องวานให้ช่างภาพขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อกาแฟที่ปากซอยเพื่อหลบเลี่ยงสายตาที่ชวนอึดอัดคู่นั้น ผมเองไม่แปลกใจในสายตาคู่นั้นเพราะที่ผ่านมาคนแปลกหน้าไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ไปจนถึงฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองต่างแวะเวียนมาบ้านพี่เอกเป็นระยะบางครั้งแค่ขับผ่านมาเพื่อถ่ายรูป บางครั้งมาดักรอยามแกประกาศว่า จะไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ "อ่อนไหว" หรือบางครั้งก็มาด้วยความประสงค์ร้ายถึงขั้นเผารถยนต์ของพี่เอกจนเสียหายถึงสองครั้ง
"ใช้คำว่าหนุ่มๆเลยเหรอ" พี่เอกกึ่งอุทานกึ่งโวยเมื่อผมถามถึงภาพถ่ายเก่าๆที่แขวนอยู่ใกล้ๆ ในภาพมีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดครุยยืนอยู่ตรงกลางโดยมีชายหญิงสูงอายุคู่หนึ่งยืนขนาบข้าง เขาหันมาแซวผมเสร็จก็พับจอคอม แล้วเดินไปหยิบน้ำอัดลมมาให้ผมกับพี่ช่างภาพคนละแก้ว จากนั้นบทสนทนาของเราก็เริ่มขึ้น
+++ความทรงจำในวัยเยาว์ จากดินแดงถึงลาดพร้าว+++
+++ชีวิตมหาลัยและการงานที่ใฝ่ฝัน+++
"เมื่อก่อนหาคนงานหายากเพราะธุรกิจของป๊าเป็นรับเหมารายย่อย มีคนงานไม่กี่คนแล้วก็ไม่ได้จ้างคนงานประจำ แต่จ้างเป็นจ๊อบๆไป คนงานก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอด บางทีไปรับงานมาคนงานไม่พอก็กูเนี่ยแหละต้องไปทำ เพียงแต่ไม่ได้ทำอะไรหนักถึงขั้นต้องไปแบกปูนผสมปูนแค่ตัดกระเบื้องหรือทำอะไรนิดๆ หน่อยๆแต่แค่นั้นก็รู้แล้วว่าเราไม่ชอบ"
+++หวยเปลี่ยนชีวิต+++
เวลาป๊าซื้อหวยถ้าเป็นช่วงมีเงินแกเล่นเป็นหมื่นก็มี พอไม่มีเงินแกก็ลดลงมาเล่นหลักพันหลักร้อย
แกเล่นหนักถึงขนาดที่ช่วงปี 39 แกถูกรางวัลที่หนึ่งได้มาหกล้านแกยังบอกเลยว่ายังได้ไม่คุ้มกับที่แกเคยลงไปแต่ก็ถือว่าโชคดีเพราะมาถูกรางวัลที่หนึ่งตอนปี 39 แล้วพอปี 40 ก็ต้มยำกุ้ง"

จากนั้นพี่เอกทิ้งผมกับพี่ช่างภาพไว้ที่ชั้นสองแล้วหายขึ้นไปบนชั้นสามครู่หนึ่งก่อนจะกลับลงมาพร้อมกล่องไอติมกล่อง เมื่อเปิดออกมาด้านในกล่องอัดแน่นด้วยแผ่นสลิปหวยบนดินที่ผมพอจะคุ้นตาอยู่บ้างเพราะสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็เคยซื้อแบบใบละ 20 บาท เสี่ยงโชคอยู่สองสามครั้ง
+++จากแผงหวยหน้าปากซอยสู่การเมืองบนท้องถนน+++
+++112 และความโชคดีในความโชคร้าย+++
พอพี่ถูกจับก็ถูกขังระหว่างรอประกันแปดวันแล้วก็ได้ประกันตัวออกมา ตอนสู้คดีได้อานนท์ นำภามาว่าความให้ ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้หรอกอานนท์ นำภาเป็นใคร ระหว่างที่ถูกขังแปดวันแรกมีนักข่าวประชาไทมาถามว่าอยากได้ทนายอานนท์มั้ยตอนนั้นก็บอกเขาไปว่าเอาใครก็ได้เพราะเราก็ไม่รู้จักทนาย"
พี่เอกเล่าว่า เมื่อปรึกษาแนวทางการดำเนินคดี ทนายอานนท์บอกว่า มีสองทางเลือกคือรับสารภาพไปเลยหรือปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ แต่เขาก็ปฏิเสธไปทั้งสองแนวทาง ให้เหตุผลอย่างตรงไปตรงมาว่า
"กูก็ขายอยู่อย่างงั้น คนก็เห็นกันหมดจะไปตอแหลได้ไง แล้วมันมาค้นที่บ้านเจออีกร้อยกว่าแผ่น คือหลักฐานชัดขนาดนี้จะบอกว่าไม่ได้ทำคือมันฟังไม่ขึ้นสู้แบบนั้นเผลอๆลงเต็ม 5 ปี อ่ะ จะสู้คดีมันก็ไม่ใช่หลับหูหลับตา คือถ้ามันไม่มีภาพถ่าย หลักฐานไม่ชัด จะสู้แบบนั้นก็พอได้ แต่นี่ไม่ใช่ ตำรวจมันยังบอกเลยมีซีดีเป็นร้อยแผ่น ดีแค่ไหนแล้วที่ดำเนินคดีแค่แผ่นเดียว"
+++จาก 112 ถึง 110 และชะตาชีวิตที่เหมือนถูกลิขิตแล้ว+++
"พี่จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นทำอะไรอยู่ รู้แต่วันนั้นไม่ได้ดูข่าวเลย พอคุณโทรมาพี่ก็เอ้า กูโดนหมายเหรอ ชิบหายแล้วข้อหาอะไรเนี่ย 110 ไม่เคยได้ยิน รู้จักแต่ 112 และพอมารู้ว่าเป็นข้อหาประทุษร้ายพระราชินีก็แบบโอ้โห ยังกะผู้ก่อการร้ายทั้งๆที่จริงๆแล้ววันนั้นไม่มีอะไรเลย ตั้งกูแต่ละข้อหา 112 116 ไปถึง 110...ก็อย่างที่บอกเหมือนชะตาชีวิตมันลิขิตไว้แล้วว่าพี่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ มันคงไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมแล้ว"
"เท่าที่พี่เห็นด้วยตาตัวเองวันนั้นไม่ได้มีใครปาอะไรหรือตะโกนอะไรนะ พี่เดาว่าเขา (ตำรวจ) คงใช้วิธีเอารูปที่ถ่ายไว้ไปดูว่าสามารถระบุตัวใครที่อยู่แถวนั้นได้บ้างแล้วก็ซิวมา"
หลังจบการสัมภาษณ์ในวันนี้ผมกับพี่เอกและพี่ช่างภาพจะต้องเดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้พี่เอกเซ็นเอกสารกับทนายความ หลังจากนั้นจึงจะพาพี่เอกไปถ่ายรูปที่อาคารรัฐสภา
+++งานอดิเรกใหม่+++

"สมัยเด็กๆพี่ก็เคยสะสมแบงค์นะแต่เก็บแบบสะเปะสะปะ ทีนี้พอม๊าเสียพี่ก็ไปเก็บของที่บ้านของม๊าแล้วก็เจอแบงค์เก่าๆ ก็เลยคิดว่าอยากจะสะสมแบงค์แบบจริงจัง จากนั้นพี่ก็ใช้วิธีไปเข้ากลุ่มที่เขาปล่อยของแล้วก็หาซื้ออันที่เรายังขาด จริงๆพี่ก็กลับมาสะสมแบงค์แบบจริงจังไม่นานนี้เองประมาณช่วงเดือนมกราที่ผ่านมา (มกราคม 2564)"
เชื่อว่านี่คงเป็นอีกมุมหนึ่งของพี่เอกที่หลายๆคนน่าจะยังไม่เคยรู้จัก
+++นับถอยหลังสู่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564+++