‘เฟรม’ ‘ลีโอ’ และ ‘เปิ้ล’ ย้อนเหตุการณ์บุกรวบรถเครือข่ายนนท์ฯ หน้าสตช. หลัง #ม็อบ10สิงหา

“เค้าบอกว่ากลุ่มของเราเป็นภัยความมั่นคงของชาติ เราไม่ได้ไปฆ่าคนตายหรือค้ายานะ ไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือทำให้บ้านเมืองแย่ 6 คนต่อเจ้าหน้าที่ 49 คน มันสมควรแล้วหรอคะที่พวกคุณทำกับเราขนาดนี้”
คำบอกเล่าของ ‘เฟรม’ ‘ลีโอ’ และ ‘เปิ้ล’ สมาชิกเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี จากเหตุการณ์บุกรวบรถน้ำเครือข่ายนนทบุรี เครือข่ายนนท์ฯ 6 คน หลังกลับจาก #ม็อบ10สิงหา คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นวันครบรอบหนึ่งปีของการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ในวันนั้น ขบวนคาร์ม็อบเคลื่อนที่ไปยังคิงพาวเวอร์ รางน้ำ ผ่านถนนอโศก-ดินแดง และเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมอิสระและตำรวจ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจึงประกาศยุติการชุมนุม รถน้ำของเครือข่ายนนท์จึงได้ขับผ่านบริเวณดินแดง เพื่อเอาน้ำไปช่วยเหลือผู้ชุมนุมในเหตุปะทะ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับผ่านเส้นราชประสงค์และเลี้ยวขวาไปทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ จึงได้เกิดเหตุการณ์บุกจับขึ้น

เหตุการณ์ตอนจับกุม เกิดอะไรขึ้น?

เฟรมเล่าว่า ประมาณ 18.30 น. อยู่ดีๆ มีรถเก๋งคันหนึ่งปาดหน้าและจอดรถ รถในบริเวณนั้นที่ล้อมรถน้ำอยู่ก็จอดรถและลงจากรถด้วย คนที่ลงมาใส่ชุดไปรเวท ไม่ใช่เครื่องแบบเจ้าหน้าที่ บอกให้ลงจากรถ ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาพยายามถ่ายวิดีโอที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการจับกุม “พอเจ้าหน้าที่เห็นว่ายืนขึ้นและอัดวิดีโอ ก็กระชากตัวลงจากรถ ได้รับบาดแผลตรงข้อมือเล็กน้อย และกดลงกับพื้นเพื่อแย่งโทรศัพท์” ผมเลยกอดมือถือไว้ และมีเจ้าหน้าที่ประมาณ10 คนมาล้อมเพื่อจะแย่งมือถือ ก็เลยบอกว่า “จะยึดทำไมนี่มันของผม สิทธิของผม พี่ยึดไปไม่ได้” จึงเกิดการยื้อแย่งกันและยึดมือถือได้สำเร็จ ไม่มีการโชว์บัตร หรือแสดงตัวว่าเป็นตำรวจ เป็นชุดนอกเครื่องแบบทั้งหมด 
พอแย่งมือถือไปได้สำเร็จก็นำตัวไปขึ้นรถคนละคันกับเพื่อนๆ แยกกัน เจ้าหน้าที่มีแต่ผู้ชาย แต่ในกลุ่มของเรามีผู้หญิงด้วย มีการแตะเนื้อต้องตัว มีการขัดขืนไม่ให้จับตัวแต่ตำรวจก็ลากขึ้นรถได้อยู่ดี พอขึ้นรถกันหมด ก็เลี้ยวเข้าสำนักงานตำรวจเเห่งชาติเลย เขาให้ผมรอในรถยนต์ส่วนตัวของตำรวจที่มาจับกุมพักหนึ่ง จากนั้นก็นำตัวมานั่งรวมกัน แล้วก็ให้ไปชี้รถและข้าวของเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ จากนั้นก็นั่งรอ 30 นาที ก็มีตำรวจ 1นายมาแจ้งว่าจะพาไปตชด. แล้วก็จับแยกกันเหมือนเดิม แต่คันที่ผมนั่งมี 2 คนคือผมกับพี่นาย โดยนั่งไปในรถยนต์ส่วนตัวของตำรวจเหมือนเดิม และขับรถออกไปขึ้นทางด่วน จากนั้นเหมือนมีหัวหน้าของเขาแจ้งเปลี่ยนที่หมายไปเป็นสโมสรตำรวจ 
ลีโอเล่าเพิ่มเติมว่า เฟรมเเละนายไปกันเป็นคู่ ส่วนคนอื่นๆ นั่งไปบนรถที่มีผู้ต้องหา 1 คน ตำรวจ คุม 4 คน แยกกันคนละคัน
เปิ้ล หนึ่งในผู้หญิงที่ถูกจับกุมวันนั้นเล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยถูกจับมาแล้ว ที่หน้าสภ.รัตนาธิเบศร์ เลยรู้ว่าไม่ต้องขัดขืน จึงบอกเขาไปว่า “พี่ไม่ต้องมาจับหนู” แต่เขาเดินมาจับเรา มาถูกตัวเรา เขาก็ไม่ยอมมาจับมือเราออกไป เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ชายในกลุ่มที่มาจับกุมไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเลย

เจ้าหน้าให้ความสะดวกหรือเเจ้งสิทธิในการติดต่อญาติหรือทนายไหม?

เฟรมเเละลีโอบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาถามถึงโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับผู้อื่น แต่ตำรวจไม่ให้คืน ปฏิเสธสิทธิการติดต่อครอบครัวและทนาย ตัดขาดทุกอย่าง แม้ลีโอจะแอบซ่อนมือถือไว้ในกางเกงได้แต่ก็ไม่ได้ใช้ติดต่อกับใครเพราะตำรวจจับตาดูตลอด

ช่วงเวลาที่รอเจ้าหน้าที่ทำสำนวนคดี เกิดอะไรขึ้นต่อ?

เฟรมเล่าว่า หลัจากรออยู่หลายชม. ตำรวจบอกว่าคดีจะยังไม่เริ่มทำจนกว่า ผู้ชุมนุมที่ถูกจับจากเหตุการณ์ชุมนุมในวันดังกล่าวทั้งหมดจะมาพร้อมกัน ได้เริ่มทำคดีช่วงหลังห้าทุ่ม ตอนนั้นไม่มีทนายความ ไม่มีใครมา เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทำสำนวนและเอามาให้อ่านเพื่อรับทราบ เมื่อฟังแล้วก็หารือกับเพื่อน เจ้าหน้าที่ทำไม่ถูกต้องเพราะตอนจับกุมไม่แจ้งข้อกล่าวหา ไม่สวมเครื่องแบบ พอทำสำนวนเสร็จก็มีทนายมา 2 คน และเริ่มกระบวนการกันตั้งแต่ห้าทุ่ม เสร็จประมาณตีหนึ่งครึ่ง และเอาตัวไปไว้ในห้องผู้ต้องขัง ส่วนผู้หญิงถูกแยกไปอีกห้องนึง

เจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกเรื่องความเป็นอยู่ไหม?

เฟรมเล่าว่า จนถึงเช้าหกโมงเช้า ก็มีคนขอกินข้าว จนกระทั่งแปดโมงก็ยังไม่ได้กิน จึงโมโหหิวและตะโกนเรียก แต่ก็ยังไม่ได้ ระหว่างรอช่วงเก้าโมงถึงสิบโมง ไม่มีอะไรทำ ตำรวจที่พิมพ์ลายนิ้วมือยังไม่ได้เก็บหมึกไป จึงเอาหมึกมาขีดเขียนบริเวณผนังผู้ต้องขัง เป็นคำว่า ‘ประยุทธ์ออกไป’ ‘รัฐล้มเหลว ประชาชนล้มตาย’ ‘วัคซีนอยู่ไหน?’ จนพี่นายขอคุยกับคนข้างนอกเพื่อให้ซื้อข้าวให้ เขาจึงออกไปคุยและกลับมา ได้กินข้าวประมาณ11โมงครึ่ง แต่ข้าวมีจำนวนไม่พอจึงขอเพิ่ม อีกหนึ่งชั่วโมงจึงได้ 
ลีโอเล่าเพิ่มเติมว่า ตำรวจบอกว่าไม่มีงบประมาณส่วนนี้ให้พวกเรา แต่กับคนที่โดนคดียา กัญชากลับมีให้ พวกผมขอข้าว เขาให้น้ำมา 3 แพ็ค (ได้ตอน 8 โมง) สำหรับ 20 กว่าคนในห้องขัง แต่ข้าวก็ยังไม่ได้ มาได้ตอน 11 โมงเกือบเที่ยง ส่วนบุหรี่ คือ ตำรวจขายให้ตัวละ 25 บาท

เเล้วกลุ่มโดนข้อหาอะไร?

หลังจากรอตำรวจกับทนายทำเรื่องประกันตัว พอถึงประมาณบ่ายสามโมงก็ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับศาล จึงคัดค้านการฝากขังและทำเรื่องประกันตัว คนที่โดนจับมาชุดหลังๆ ของวันที่ 10 เช่น แกร็บ วินมอเตอร์ไซค์ โดนข้อหาเดียวกัน รวมๆทั้งหมดโดนข้อหาเดียวกันหมด คือ ฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่รวมเยาวชน ค่าประกันตัวคนละ 20,000 บาท จนช่วงประมาณสี่โมงถึงห้าโมงก็ได้ออกจากห้องขัง และรอในสำนักงานที่ทำสำนวนคดี ได้ออกมาจริงๆ ก็หกโมงกว่า ระหว่างที่รอก็เจอป้าเป้าเดินสวนมา ป้าเป้า บอกว่า “พวกมึงมารอกูแล้วหรอ” 
ตอนไปถึงกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระหว่างที่รอก็มีตำรวจเรียกออกไปทีละสามคน ให้ชี้ของอุปกรณ์ต่างๆ และบันทึกวิดีโอ ถ่ายรูปว่าอันไหนของเราบ้าง ให้เอากระเป๋าออกมาและเอาของออกมาให้ดูว่ามีอะไรบ้าง พยายามจะระบุให้ได้ว่าเครื่องเสียงหน้ากากกันแก๊ส เสื้อเกราะสามตัวเป็นของใคร แต่ไม่ได้ทำการยืนยันว่าของใคร ชี้แค่กระเป๋าส่วนตัว