- เว็บไซต์ไอลอว์
- ศูนย์ข้อมูลฯ
ฐานข้อมูลคดี
ชื่อคดี
ผู้ต้องหา
เว็บไซต์ประชาไท
สถานะคดี
คำอธิบายสถานะคดี ภาษาไทย
ชั้นศาลอุทธรณ์
สถานะผู้ต้องหา
อื่นๆ(เว็บไซต์กลับมาเปิดทำการปกติแล้ว)
ข้อหา / คำสั่ง
พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
เนื้อหาคดีโดยย่อ
7 เมษายน 2553 ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอฉ.) ใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งปิดเว็บไซต์ 36 แห่ง หนึ่งในนั้นคือเว็บไซต์ประชาไท และประชาไทตัดสินใจยื่นฟ้องให้เพิกถอนคำสั่งปิดเว็บครั้งนี้ต่อศาลแพ่ง และเรียกค่าเสียหาย 350,000 บาท
วันเดียวกับที่ยื่นฟ้องศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟัง โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์และต่อมาศาลอุทธรณ์สั่งให้รับฟ้อง จำเลยยังสู้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาว่าไม่ควรรับฟ้องและยื่นคัดค้านว่าคดีนี้ศาลแพ่งไม่มีเขตอำนาจ ทำให้คดียืดเยื้อมากว่า 6 ปี จึงได้เริ่มพิจารณาครั้งแรก
คดีนี้ประชาไทฟ้องโดยให้เหตุผลว่า เนื้อหาบนเว็บไซต์ไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ขณะที่จำเลยมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าเนื้อหาใดเป็นเหตุของการปิดเว็บไซต์และกระทบต่อความมั่นคงของรัฐอย่างไร ศาลในคดีนี้จะต้องวางแนวการตีความคำว่า "ความมั่นคงของรัฐ" และคดีนี้ยังเป็นคดีตัวอย่างที่หาได้ยากที่รัฐตกเป็นจำเลยจากการละเมิดเสรีภาพการแสดงออกด้วย
ภูมิหลังผู้ต้องหา
“ประชาไท” คือหนังสือพิมพ์อิสระบนเว็บ ที่คณะผู้ก่อตั้งมีแนวคิดที่จะจัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวม โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ประชาชนและชุมชนต่าง ๆ ได้มีโอกาสรับรู้และรู้ทันสถานการณ์ของสังคมไทยในด้านต่างๆ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ทางด้านการพัฒนาสุขภาวะ วิถีชีวิต และคุณภาพชีวิตของประชาชน การพัฒนาครอบครัวและชุมชน ตลอดจนการขยายโอกาสการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศตามเจตนาของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกคำสั่งในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตั้งขึ้นตามอำนาจของพระราชกำหนดการบริหารราชการณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ข้อกล่าวหา
กระทบต่อความมั่นคง
-
รูปแบบการจำกัดเสรีภาพ
บล็อค / แบน
-
ประเภทสื่อ
เว็บไซต์ / บล็อก
-
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
7 เมษายน 2553 ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอฉ.) ออกหนังสือที่ กห.0417.45/1 เรื่องการปิดกั้นเว็บไซต์ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยอ้างอำนาจตามาตรา 9 (2) ของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ให้อำนาจห้ามการเสนอข่าว การจําหน่าย หรือทําให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทําให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทําให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือทั่วราชอาณาจักร คำสั่งฉบับดังกล่าว ลงนามโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้อำนวยการศอฉ.
นัดฟังคำพิพากษา
บทวิเคราะห์คำพิพากษาศาลแพ่ง คดีปิดเว็บประชาไท โดยสงกรานต์ ป้องบุญจันทร์ สมาชิกเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (HRLA)
ประชาไทแถลง ศอฉ. ปิดเว็บ เสียหาย 5 ล้าน กระทบเสรีภาพสื่อและประชาชน, เว็บไซต์ประชาไท วันที่ 22 ธันวาคม 2553 (อ้างอิงเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2555)