- เว็บไซต์ไอลอว์
- ศูนย์ข้อมูลฯ
ฐานข้อมูลคดี
Stared

ชื่อคดี
ผู้ต้องหา
สมบัติ บุญงามอนงค์
สถานะคดี
คำอธิบายสถานะคดี ภาษาไทย
ตัดสินแล้ว / คดีถึงที่สุด
สถานะผู้ต้องหา
รอลงอาญา
เนื้อหาคดีโดยย่อ
สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือหนูหริ่ง หรือ บ.ก.ลายจุด ถูกดำเนินคดีที่ศาลแขวงดุสิต เนื่องจากไม่มารายงานตัวตามคำสั่งเรียกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ต่อมาศาลพิพากษาว่าประกาศคสช. เป็นกฎหมายที่มีผลย้อนหลังและมีผลกับเฉพาะบุคคล ใช้บังคับไม่ได้ จึงลงโทษในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ให้ปรับ 500 บาท
ศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าสมบัติไม่มีความผิดตามประกาศคสช.ฉบับที่ 29/2557 แต่นอกจากนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คงจำคุกสมบัติเป็นเวลาสองเดือน ปรับเป็นเงิน 3000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้หนึ่งปี
ภูมิหลังผู้ต้องหา
อัยการศาลแขวงดุสิต
ข้อกล่าวหา
อื่นๆ (ไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง)
-
รูปแบบการจำกัดเสรีภาพ
การดำเนินคดี
-
ประเภทสื่อ
อื่นๆ
-
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
-
ศาล
ศาลแขวงดุสิต
-
หมายเลขคดีดำ
เลขคดีดำคือเลขที่ศาลออกเมื่อประทับรับฟ้องคดี
No: 1515/2557 วันที่: 2014-07-20
หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 สมบัติ ถูกประกาศเรียกให้มารายงานตัวตามคำสั่งคสช. ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ต่อมามีประกาศ คสช. ฉบับที่ 25/2557 และ 29/2557 กำหนดให้คนที่ไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง มีความผิด กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท
สมบัติ ไม่ได้มารายงานตัวที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศน์ ตามวันเวลาที่กำหนดในคำสั่งและประกาศ โดยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้อง จึงถูกดำเนินคดี
ช่วงกลางคืนวันที่ 5 มิถุนายน 2557 สมบัติถูก ผบก.ปอท. ร่วมกับ ร.21 เข้าจับกุมตัวที่บ้านพักที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี หลังจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติตรวจสอบหมายเลขไอพีที่ใช้โพสต์ข้อความผ่านอินเทอร์เน็ต จากนั้นจึงนำตัวไปสอบสวนที่ค่ายกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ จ.ชลบุรี (ร.21 รอ.) ก่อนนำตัวขึ้นศาลทหารเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ภายหลังถูกจับกุมตัวสมบัติได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ผมโดนจับแล้ว" จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวสมบัติไปสอบสวนต่อที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง
21 กันยายน 2558
นัดฟังคำพิพากษา
30 มิถุนายน 2559
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้สมบัติมีความผิดฐานไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. จำคุก 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
21 กันยายน 2558
คำพิพากษาศาลชั้นต้น
สรุปคำพิพากษาศาลฎีกา
จำเลยได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังนี้
ในทางพิจารณาไม่เห็นว่ามีการต่อต้านจากประชาชนจนผู้ยึดอำนาจบริหารประเทศไม่ได้ และที่จำเลยอ้างว่าการยึดอำนาจยังไม่สำเร็จเพราะยังไม่มีพระบรมราชโองการรับรองจากพระมหากษัตริย์ก็เป็นเพียงความเข้าใจของจำเลยเองไม่ได้กฎเกณฑ์ดังกล่าว
โจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับ 3/2557 แต่ฟ้องตามประกาศคสช. (เฉพาะ) ที่ 25/2557 จากการที่จำเลยไม่ได้เข้ารายงานตัวในวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 กรณีจึงไม่ถือเป็นการกำหนดโทษย้อนหลังตามที่จำเลยกล่าวอ้าง
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อเท็จจริงเรื่องการยึดอำนาจและการเรียกบุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช.กับจำเลยแล้ว ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า "ผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายบัญญัติให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร ต้องระวางโทษ..." ดังนั้นแม้พนักงานสอบสวนจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 วรรคหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาดังกล่าว