1870 1007 1010 1243 1766 1772 1202 1993 1798 1950 1059 1836 1900 1407 1035 1686 1265 1760 1539 1456 1245 1847 1634 1905 1711 1018 1873 1910 1331 1978 1439 1272 1357 1980 1033 1199 1663 1727 1886 1728 1486 1367 1601 1131 1594 1298 1772 1737 1602 1024 1152 1916 1270 1112 1273 1752 1587 1118 1396 1119 1359 1023 1989 1260 1477 1226 1509 1445 1783 1936 1399 1817 1807 1173 1185 1193 1711 1675 1977 1289 1220 1083 1657 1508 1086 1496 1130 1471 1247 1139 1938 1976 1549 1348 1586 1979 1153 1534 1591 การเดินทางในวันฟ้าปิดจากหมุดคณะราษฎร์สู่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

การเดินทางในวันฟ้าปิดจากหมุดคณะราษฎร์สู่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ

แม้ว่าวันที่ 24 มิถุนายน 2475 จะเป็นวันที่มีความสำคัญไม่น้อยต่อประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่วันนี้ก็ไม่เป็นที่จดจำและไม่ถูกนับเป็นวันสำคัญหรือวันหยุดบนปฏิทิน ไม่มีการจัดกิจกรรมโดยภาครัฐ อย่างมากก็มีเพียงการจัดเสวนาโดยนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างไรก็ตามในช่วงหลัง อย่างน้อยๆ ก็ตั้งแต่หลังการรัฐประหารในปี 2557 วันที่ 24 มิถุนากลับฟื้นชีวิตอีกครั้งเมื่อกลุ่มคนที่ไม่เห็นกับการรัฐประหารออกมาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ในวันนี้

24 มิถุนายน 2559, 84 ปี หลังวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลุ่มกิจกรรมต่างๆออกมาจัดกิจกรรมกันอย่างคึกคัก เริ่มตั้งแต่กลุ่มกวีมันสูญและนักกิจกรรมกลุ่มเล็กๆอีกกลุ่มหนึ่งนัดรวมตัวที่หมุดคณะราษฎรในช่วงเช้ามืด เพื่อทำความสะอาดและรำลึกถึงเหตุการณ์ในสถานที่จริง ขณะที่กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ก็นัดจัดกิจกรรมปัดฝุ่นประชาธิปไตยที่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ บริเวณวงเวียนหลักสี่ในช่วงสาย ส่วนช่วงเย็นกลุ่มพลเมืองโต้กลับก็นัดกันใส่แว่นดำยืนเฉยๆ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีที่มีการสั่งปิดศูนย์ปราบโกงและดำเนินคดีผู้ร่วมก็ตั้งในข้อหาคัดคำสั่งคสช.ซึ่งต้องขึ้นศาลทหาร 
 
586
 
ภาพประชาสัมพันธ์กิจกรรมปัดฝุ่นประชาธิปไตย ที่มีเฟซบุ๊กเพจกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์
 
แต่ด้วยสภาวะการณ์ที่คสช.ยังคงอยู่ในอำนาจและมีการบังคับใช้กฎหมายและประกาศคำสั่งจำกัดการแสดงออกและการรวมตัวของประชาชนอย่างเข้มงวด การจัดกิจกรรมช่วงเช้ามืดที่หมุดคณะราษฎรจึงถูกจับตาโดยเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายนายรวมทั้งมีความพยายามที่จะควบคุมตัว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์หรือ "นิว" ก่อนที่สุดท้ายเจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนใจปล่อยให้ทำกิจกรรมต่อโดยไม่มีการควบคุมตัวหรือตั้งข้อหา แต่กิจกรรมที่อนุสาวรย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญเหตุการณ์ชุนมุลขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเพราะเจ้าหน้าที่นำกำลังควบคุมตัวหกนักกิจกรรมที่เดินเท้าจากวัดพระศรีมหาธาตุไปที่สน.บางเขนพร้อมกับตั้งข้อหาฝ่าฝืนอำนาจคสช. สถานการณ์การเมืองไทยในวันนี้ ดูจะอึมครึมไม่ต่างจากท้องฟ้าฤดูฝนของเดือนมิถุนายน
 

ย่ำรุ่งที่หมุดคณะราษฎร์ ชุลมุนเล็กน้อยแต่จบลงด้วยดี


ช่วงหกโมงเช้า นักกิจกรรมกลุ่มกวีมันสูญ และ นักกิจกรรมกลุ่มเล็กอีกกลุ่มหนึ่ง ร่วมกันจัดกิจกรรม "ครบเจ็ดรอบคณะราษฎร 84 ปีอภิวัฒน์สยาม ประชาธิปไตยไทย" ที่บริเวณหมุดคณะราษฎร ลานพระบรมรูปทรงม้า
 
แม้กิจกรรมที่หมุดคณะราษฎร์จะเป็นกิจกรรมเล็กๆ และไม่ได้มีการแสดงออกในลักษณะที่เป็นการต่อต้านคสช. ผู้เข้าร่วมเพียงแต่วางดอกไม้และอ่านกวีเพื่อรำลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่ปรากฎว่าเมื่อสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือนิว ตัวแทนกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา เดินทางมาถึงบริเวณที่จัดกิจกรรม ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวขึ้นรถ สิรวิชญ์จึงพยายามขัดขืน ขณะที่ผู้มาร่วมกิจกรรมคนอื่นๆก็พยายามประท้วงการกระทำของเจ้าหน้าที่ รวี สิริอิสสระนันท์ หรือ 'วาด รวี' จากกลุ่มกวีมันสูญ พยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ให้สิริวิชญ์ได้เข้าร่วมกิจกรรม สุดท้ายเจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวสิริวิชญ์ให้เข้าร่วมกิจกรรมจนจบโดยไม่มีการจับกุมหรือตั้งข้อหา

หลังเหตุชุมมุลเล็กที่เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่พยายามคุมตัวสิรวิชญ์ขึ้นรถจบลง กิจกรรมก็ดำเนินต่อไป ต่อมามีชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีดำ พูดขึ้นมาว่าหมุดคณะราษฎรเป็นหมุดที่ทำลายประชาธิปไตยและเป็นมิจฉาทิฐิ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวออกไปและขณะที่เขาถูกควบคุมตัวออกไปก็ตะโกนขึ้นว่า นี่เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะพูดในสิ่งที่เขาเชื่อ ไม่มีใครมีสิทธิมาจับทั้งสิ้น มารายงานในภายหลังว่าชายคนดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่กันตัวไว้จนกิจกรรมเลิกแต่ไม่มีรายงานว่าเขาถูกดำเนินคดีหรือถูกควบคุมตัวไปสถานีตำรวจแต่อย่างใด (http://bit.ly/28S02FU)


การเดินเท้าที่ยากลำบาก จากวัดพระศรีมหาธาตุสู่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ


หลังกิจกรรมที่หมุดคณะราษฎร์จบลงด้วยดีแม้จะมีเหตุชุลมุนเล็กน้อย กิจกรรมในช่วงสายที่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ สิ่งก่อสร้างยุคคณะราษฎรที่สร้างในปี 2479 เพื่อเป็นที่ระลึกในคราวปราบกบฎบวรเดชก็เริ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าบนถนนพหลโยธินและทางรถไฟฟ้าส่วนหนึ่งก็จะพาดผ่านวงเวียนหลักสี่อันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญด้วย วงเวียนหลักสี่ในวันนี้จึงถูกล้อมด้วยผ้าใบไว้โดยรอบ ขณะที่ตัวอนุสาวรีย์ก็มีคนงานก่อสร้างปีนป่ายขึ้นไปเพื่อเตรียมการรื้อถอนเคลื่อนย้าย แม้จะมีช่องเล็กๆที่เปิดไว้เพื่อให้คนงานก่อสร้างเข้าไปทำงานในวงเวียนได้ ทว่าตั้งแต่ช่วงก่อน 9.00 น. ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบอย่างน้อยสิบนายยืนประจำการณ์พร้อมตั้งแผงเหล็กปิดทางเข้าออกไว้แล้ว
นักกิจกรรมหกคนรวมตัวกันที่วัดพระศรีมหาธาตุ สถานที่ที่อัฐฐิของผู้ก่อการคณะราษฎรบางส่วนถูกบรรจุไว้ประมาณในเวลาประมาณ 9.00 น. ซึ่งขณะนั้นก็มีทั้งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมารออยู่แล้วหลายนาย เมื่อ ชนกนันท์ รวมทรัพย์ หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรมเปิดประตูรถที่จอดอยู่ข้างเจดีย์ในวัดพระศรีมหาธาตุและนำเอกสาร "ก้าวข้าม" วารสารของกลุ่มกลุ่มประชาธิปไตยใหม่แจกจ่ายนักกิจกรรมที่จะมาร่วมเดินอีกหกคนเพื่อเตรียมแจกผู้ที่สัญจรเดินถนนไปมาระหว่างที่เดินไปอนุสาวรีย์ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหลายคนก็เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังถ่ายรูปทั้งหกคนไว้
 
พลันที่ทั้งหมดเดินมาถึงด้านหน้าเจดีย์เตรียมจะเดินออกหน้าวัด เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบก็มาเจรจาให้ยุติกิจกรรมแต่ก็ไม่เป็นผล โดยนักกิจกรรมยืนยันว่าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดกฎหมายและหากจะควบคุมตัวก็ต้องแจ้งข้อหา ทั้งหกเดินในลักษณะที่รวมกลุ่มกันเพื่อฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่มีการประสานให้รถตู้ตำรวจมาจอดเทียบและพยายามจะเชิญตัวทั้งหกขึ้นรถ นักกิจกรรมห้าคนสามารถฝ่าไปเกือบถึงประตูวัดแต่มีนักกิจกรรมคนหนึ่งที่ล้มลงใกล้ๆ รถตู้ตำรวจโดยไม่ทราบสาเหตุ ล้มลงได้ไม่นานเขาก็ถูกกันตัวไปที่รถตู้ตำรวจ ส่วนนักกิจกรรมคนอื่นๆก็ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาเจรจากันอยู่ที่หน้าประตูซึ่งในเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งก็พยายามเลื่อนประตูวัดมาปิดเพื่อไม่ให้นักกิจกรรมออกไป แต่อาจเป็นเพราะประตูฝืดหรือตกร่องประตูรั้วเหล็กของวัดก็ล้มลง เจ้าหน้าที่ต้องพยายามอยู่สองสามครั้งจึงจะกั้นประตูได้ฝั่งหนึ่ง
 
587
 
เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเจรจาให้นักกิจกรรมทั้งเจ็ดยุติการทำกิจกรรม
 
นักกิจกรรมห้าคนสามารถเดินออกมาด้านนอกวัดมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ได้สำเร็จขณะที่คนที่ถูกควบคุมตัวที่รถก็เดินตามมาได้ ตลอดทางเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาหว่านล้อม มีการยื้อยุดฉุดกระชากบ้าง ขณะที่รถตู้ที่จะใช้ควบคุมตัวก็ขับตีคู่มาโดยตลอดแต่ก็ยังไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะรู้จักกับนักกิจกรรมมาก่อน เดินมาพูดต่อว่าเจ้าหน้าที่ทำนองว่าพวกน้องๆกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ไปปล้นไปฆ่าใครทำไมต้องมาจับกันแบบนี้ เมื่อนักกิจกรรมหกคนเดินมาใกล้จะถึงหัวมุมถนนก่อนจะถึงวงเวียนหลักสี่ก็มีหญิงวัยประมาณ 30 ปี คนหนึ่งเดินผ่านมา หนึ่งในนักกิจกรรมยื่นวารสารก้าวข้ามให้ หญิงคนนั้นรับไป แต่ก็มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบวิ่งตามไปขอยึดเอกสารก่อนจะปล่อยให้เธอเดินต่อไป


ล้อมกรอบเจรจาก่อน"พา"ขึ้นรถ


ประมาณ 9.40 น. ขบวนของนักกิจกรรมทั้งหกก็เดินมาถึงบริเวณหัวมุมถนนที่จะข้ามไปฝั่งวงเวียนหลักสี่เจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจลหญิงหรือ "กองร้อยน้ำหวาน" เกือบสิบรายก็เดินมาและพยายามควบคุมตัวนักกิจกรรม ชนกนันท์จึงบอกให้เพื่อนักกิจกรรมคนอื่นนั่งลงเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่คุมตัวไปได้ แต่นักกิจกรรมนั่งได้ครู่เดียวเจ้าหน้าที่ก็มีการเสริมกำลังตำรวจชายในเครื่องแบบมากกว่า 20 คน เข้าล้อมเป็นกรอบนอก ขณะที่กองร้อยน้ำหวานล้อมอยู่ด้านในติดกับนักกิจกรรม ก่อนจะมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งเข้ามาเจรจาขอให้ไปที่สน.โดยดีเพราะทำผิดฐานชุมนุมทางการเมือง ด้านนักกิจกรรมโต้แย้งว่าแค่เดินมาเฉยๆ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้นทำนองว่า "พวกเธอก็รู้อยู่แล้วว่าทำอะไรอยู่"
 
588
 
ชนกนันท์ หนึ่งในนักกิจกรรมถูกเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลหญิงควบคุมตัวโดยการอุ้มขึ้นรถตู้ หลังควบคุมตัวนักกิจกรรมครบทุกคนรถตู้นำตัวทั้งหมดไปที่สน.บางเขน
 
ขณะที่บรรยากาศการเจรจาก็ดูอึดอัดอึมครึมเหมือนกับบรรยาศบนท้องฟ้าที่ครึ้มไปด้วยเมฆฝน เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนายหนึ่งจึงบอกให้เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบขยายวงล้อมออกมาไม่ให้ประชิดจนเกินไป ระว่างที่การเจรจากำลังดำเนินไปก็มีเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบนายหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์มาจอดและเดินมาดู เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนายหนึ่งถามว่ามาทำอะไร ทหารนายนั้นก็ตอบทำนองว่าพึ่งออกเวรและผ่านมาเห็นเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจึงขอให้ทหารนายนั้นออกจากพื้นที่ทันที
การเจรจาซึ่งกินเวลาเกือบ 20 นาที ดำเนินไปโดยไม่มีความคืบหน้าในเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเตรียมทำการควบคุมตัวขึ้นรถ ระหว่างนั้นมีนักศึกษาชายคนหนึ่งวิ่งเข้าไปกลางกลุ่มนักกิจกรรมหกคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ล้อมกรอบพร้อมตะโกนว่า "จับเพื่อนผมทำไม" เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนักศึกษาคนนั้นขึ้นรถตู้ไปด้วยพร้อมกับนักกิจกรรมอีกหกคนที่ถูกอุ้มตัวขึ้นรถไปก่อนหน้า หลังจากนั้นรถตู้ก็ขับตรงไปที่สน.บางเขนซึ่งอยู่ห้างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร


ตกเป็นผู้ต้องหาพร้อมคำถามว่า "ค่ำนี้นอนไหน?"


นักกิจกรรมเจ็ดคนถูกนำตัวไปที่ห้องสอบสวนตั้งแต่สิบนาฬิกาเศษ ทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมาถึงที่สน.บางเขนในเวลาก่อน 10.30 น. แต่ยังไม่สามารถเข้าห้องสอบสวนได้  โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าขณะนี้กำลังพูดคุยกับอาจารย์ของนักกิจกรรมที่เป็นนิสิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก่อน ในเวลาประมาณเกือบ 11.00 น. อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สามคนเดินออกมาจากห้องสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญทนายเข้าไปพบนักกิจกรรมทั้งเจ็ดคน ประมาณ 11.30 น. รถของชนกนันท์ถูกลากมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจค้นเอกสารที่นักกิจกรรมทั้งเจ็ดนำมาแจก ในการตรวจค้นนอกจากจะพบวารสาร ก้าวข้ามฉบับที่นำมาแจกแล้ว ยังมีวารสารฉบับเก่า ที่คั่นหนังสือรูปนักปรัชญาพร้อมคำคมด้วย ชนกนันท์บอกเจ้าหน้าที่ว่าเอกสารอื่นๆไม่ได้ถุกนำมาแจกในกิจกรรมวันนี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยึดเอกสารไปตรวจสอบทั้งหมด
 
ทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า นักกิจกรรมทั้งเจ็ดถูกตั้งข้อกล่าวหาสองข้อ ได้แก่ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้ัาคสช.ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 12 ซึ่งกำหนดห้ามชุมนุมทางการเมือง และข้อหาเป็นผู้จัดการชุมนุมแต่ไม่แจ้งการชุมนุมภายในเวลาที่กำหนดตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ ทนายอานนท์เปิดเผยด้วยว่าผู้ต้องหาทั้งหมดน่าจะต้องค้างคืนที่ส.น.บางเขหนึ่งคืนก่อนจะถูกส่งไปที่ศาลทหารช่วงเช้าวันเสาร์เพื่อขออำนาจฝากขัง ในเวลาประมาณ 11.45 น. มีเจ้าหน้าที่ทหารอย่างน้อยสามนายเดินเข้าไปในห้องสืบสวน สองนายสวมเครื่องแบบลายพรางส่วนอีกหนึ่งนายสวนชุดอ่อนสีเขียวขี้ม้า

หลังเจ้าหน้าที่ทหารมาถึงไม่นานทนายจากศูนย์ทนายความฯก็ให้ข้อมูลว่า มีการตรวจสอบพบเอกสารรณรงค์โหวตโนอยู่ในของกลางด้วย จะมีการเชิญตัวแทนจากกกต.มาตรวจสอบ หากพบว่าเข้าข่ายผิดตามพ.ร.บ.ประชามติอาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และเจ้าหน้าที่ก็เตรียมเลื่อนการฝากขังให้เร็วขึ้น หากตัวแทนกกต.ทำการตรวจสอบเอกสารเสร็จก็จะนำตัวนักกิจกรรมทั้งเจ็ดซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลทหารต่อไป

สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ พนักงานสอบสวนจะนำผู้ต้องหาทั้งหมดไปที่ศาลทหารกรุงเทพเพื่อฝากขัง ซึ่งตั้งแต่ช่วงบ่ายทนายอานนท์ นำภา ทนายอาสาจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับได้โพสต์เฟซบุ๊ก ขอระดมทุนเพื่อใช้ประกันตัวนักกิจกรรมทั้งเจ็ดและนักกิจกรรมสิบสามคนที่ถูกจับกุมเพราะแจกใบปลิวโหวตโนที่จังหวัดสมุทรปราการเมื่อคืนก่อนอีก 13 คน (ในจำนวนนี้บางคนแสดงเจตจำนงค์ว่าจะไม่ขอประกันตัว) สำหรับนักกิจกรรมทั้งเจ็ดหากศาลทหารไม่อนุญาตให้ฝากขังก็สามารถเดินออกจากศาลกลับบ้านไปหาคนที่พวกเขารักได้เลย หากศาลอนุญาตให้ฝากขังแต่ให้ประกันตัว พวกเขาก็จะต้องเข้าไปรอการปล่อยตัวที่เรือนจำในช่วงดึก แต่หากศาลอนุญาตให้ฝากขังและยกคำร้องขอประกันตัว ค่ำคืนนี้นักกิจกรรมทั้งเจ็ดก็จะต้องไปนอนในห้องหลังลูกกรงเย็นเฉียบในเรือนจำ

**หมายเหตุ เวลา 20.35 น. เจ็ดนักกิจกรรมที่ถูกจับเพราะเดิน-แจกใบปลิวจากวัดพระศรีมหาธาตุไปอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญได้รับการปล่อยตัว เนื่องศาลทหารไม่ให้ฝากขัง