1790 1104 1854 1261 1659 1217 1857 1280 1197 1559 1302 1483 1867 1158 1632 1400 1556 1915 1749 1985 1091 1355 1499 1739 1842 1834 1215 1715 1801 1277 1547 1855 1182 1513 1944 1339 1700 1984 1329 1896 1019 1315 1044 1318 1903 1277 1273 1553 1901 1387 1564 1880 1420 1461 1586 1920 1085 1841 1264 1975 1754 1616 1384 1482 1235 1130 1595 1062 1874 1765 1881 1064 1919 1094 1063 1349 1321 1844 1134 1991 1195 1168 1131 1807 1755 1464 1255 1601 1433 1356 1765 1314 1670 1791 1484 1174 1903 1471 1574 สรุปข้อเท็จจริงกรณีทหารพิษณุโลกอ่อนไหวคำ “ปลดอาวุธคสช.” กดดันงานสัมมนานักศึกษา จนต้องยกเลิก | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

สรุปข้อเท็จจริงกรณีทหารพิษณุโลกอ่อนไหวคำ “ปลดอาวุธคสช.” กดดันงานสัมมนานักศึกษา จนต้องยกเลิก

 

24 พฤศจิกายน 2561 นักศึกษาสาขารัฐศาสตร์ เอกการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มีกำหนดจัดงานสัมมนา หัวข้อ “การเมืองไทย คนรุ่นใหม่ควรนิ่งไว้ หรือไปต่อ” ที่ห้องประชุมใหญ่ อาคารหอสมุดอิเล็กทรอนิกส์ โดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนวิชาสัมมนาการเมืองการปกครองไทย ที่นักศึกษาทุกคนต้องฝึกการจัดกิจกรรมสัมมนาเอง

ก่อนหน้าการจัดกิจกรรม นักศึกษาประสานงานกับวิทยากร คือ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จากโครงอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนให้มาร่วมพูดคุยในงานนี้ แต่เนื่องจากเป็นกิจกรรมในรายวิชาที่ไม่มีงบประมาณค่าวิทยากรรวมทั้งค่าเดินทาง วิทยากรและนักศึกษาจึงตกลงกันที่จะให้ iLaw ทำกิจกรรมเข้าชื่อเสนอร่างพ.ร.บ.เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งของ คสช. 35 ฉบับ หรือกิจกรรม “ปลดอาวุธ คสช.” ในงานนี้ด้วย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ iLaw ทำมาตั้งแต่ต้นปีต่อเนื่องกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้วิทยากรจะสามารถเบิกค่าเดินทางจากต้นสังกัดได้ 

ก่อนวันจัดกิจกรรมสองวัน ทาง iLaw จึงประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่จะจัดขึ้นทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไลน์ เพื่อให้คนภายนอกทราบข่าวและเดินทางมาร่วมกิจกรรมได้ รวมทั้งเตรียมบัตรประชาชนมาใช้สิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ 
 
 
 
989
 
 
เมื่อวิทยากรและทีมงานเดินทางมาถึงจังหวัดพิษณุโลกในช่วงเย็นของวันที่ 23 พฤจิกายน 2561 ก็ได้นับพบปะกับกลุ่มนักศึกษาที่จัดกิจกรรมเพื่อเตรียมนัดแนะประเด็นการพูดคุย แต่ในเวลาประมาณ 18.30 น. อาจารย์ผู้ดูแลรายวิชาก็ได้รับการติดต่อประสานงานจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยถึงความกังวลในกิจกรรมที่จะจัดขึ้น และได้ชวนวิทยากรพร้อมนักศึกษากลุ่มที่จัดงานเข้าพูดคุยด้วยกัน

เวลาประมาณ 19.20 ทางอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม คณบดีวิทยาลัยการจัดการและพัฒนาท้องถิ่น และผู้บริหาร กับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยอีกราว 10 ท่าน ได้เปิดห้องประชุมเพื่อพูดคุยกับนักศึกษาและวิทยากร โดยทางวิทยากรและทีมงานจาก iLaw แจ้งว่า หากมหาวิทยาลัยยังไม่สะดวกให้ทำกิจกรรมเข้าชื่อเสนอกฎหมายก็จะยังไม่ทำในครั้งนี้ และขอให้นักศึกษาจัดกิจกรรมสัมมนาไปได้ตามแผนเดิมก่อน โดยทีมวิทยากรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตัวเองเช่นเดิม 

ด้านอาจารย์เจ้าของวิชา แจ้งให้ทราบว่า ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดผู้รับผิดชอบห้องประชุม แจ้งมาแล้วว่า ให้ยกเลิกการใช้สถานที่จัดกิจกรรมตามที่วางแผนไว้เดิม ทำให้ต้องยกเลิกการจัดกิจกรรมไปก่อนและให้นักศึกษาเข้าคลาสเรียนตามปกติ ด้านอธิการบดีก็ขอให้ทาง iLaw ช่วยลบประชาสัมพันธ์ออกจากสื่อของ iLaw แต่วิทยากรแจ้งว่า ไม่สามารถลบได้ เนื่องจากเป็นการส่งทางไลน์ และอาจจะมีคนอื่นส่งข้อมูลต่อกันไปแล้ว ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงตกลงกันให้ทาง iLaw ส่งข่าวทางไลน์ ให้กับผู้ติดตามรับทราบว่า กิจกรรมยกเลิกแล้วในเวลาประมาณ 19.45

หลังจากนั้น เวลาประมาณ 20.10 ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 39 ได้เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อพูดคุยกับทุกฝ่าย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้แจ้งกับทหารว่า ได้ยกเลิกกิจกรรมในวันรุ่งขึ้นแล้ว ทางทหารก็ไม่ได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม เพียงบอกว่า เท่าที่ดูกำหนดการและสคริปของกิจกรรมแล้วไม่มีปัญหาอะไร หากจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ขอให้ขออนุญาตมาทาง คสช. ก่อน และกล่าวเพียงว่า ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งแล้วไม่อยากให้มีอะไรที่เป็นแรงกระเพื่อม จากนั้นก็เดินทางกลับไปในเวลาประมาณ 20.40 น.

แต่ในคืนวันเดียวกัน อาจารย์เจ้าของวิชายังได้รับโทรศัพท์จากทหารเรียกให้มาพูดคุยกันที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น เวลา 7.30 น. 

ซึ่งในวันรุ่งขึ้น อาจารย์เจ้าของวิชาและผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี ได้นัดพบกับผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 อีกครั้งที่มหาวิทยาลัย หลังจากได้ชี้แจงรายละเอียดกิจกรรมทั้งหมดแล้วทางทหารก็บอกว่า ไม่ได้จะห้ามการจัดกิจกรรม และไม่มีเจตนาขัดขวางประชาธิปไตย แต่อยากให้ทางมหาวิทยาลัยช่วยตรวจสอบประวัติของวิทยากรทุกครั้ง อย่าให้มีอคติมากเกินไป เพราะว่า นักศึกษายังเป็นผ้าขาว ถ้าหากได้ฟังคนที่มีอคติมากเกินไปก็อาจถูกชักจูงได้ง่าย การพูดคุยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงทหารก็เดินทางกลับ

หลังทหารเดินทางกลับไปแล้วยังมีชายสองคนไม่แต่งเครื่องแบบเดินทางไปที่ห้องประชุมที่เคยวางแผนว่า จะใช้จัดกิจกรรม โดยแจ้งกับอาจารย์เจ้าของวิชาว่า เป็นสันติบาล ได้รับมอบหมายให้มาตรวจสอบว่า ไม่มีการจัดกิจกรรมจริงๆ และมาถ่ายรูปอาจารย์ไปด้วย ส่วนอาจารย์และนักศึกษาก็เข้าเรียนกันที่ห้องเรียนตามปกติ โดยมีการพูดคุยถึงบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่อที่ห้องเรียน

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ประมาณ 8. 20 ก็มีโทรศัพท์จากคนที่แจ้งว่า เป็นสันติบาลติดต่อไปยังยิ่งชีพ และถามว่า ขณะนี้อยู่ที่ไหน กำลังจะไปที่ไหน และอยู่กับใคร โดยถามว่า อยู่กับอ.อรุณี (อาจารย์ภาควิชาเดียวกัน ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย) หรือไม่ และบอกว่า “เค้า” มารอพบที่โรงแรมที่พักอยู่เมื่อคืนนี้ ทั้งที่ยิ่งชีพไม่เคยแจ้งกับหน่วยงานความมั่นคงมาก่อนว่า พักอยู่ที่โรงแรมใด เมื่อกลับไปที่โรงแรม และพบว่า ไม่มีใครอยู่ จึงติดต่อประสานกลับไปยังผู้ที่แจ้งว่าเป็นสันติบาล

หลังจากนั้นไม่นาน มีชายสองคนอายุราวสี่สิบกว่าไม่แต่งเครื่องแบบขี่รถมอเตอร์ไซค์มาที่โรงแรม คนแรกแจ้งว่า มาจาก “ป้องกันจังหวัด” มาตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด อีกคนหนึ่งแจ้งว่าชื่อ “นนท์” เป็นทหารจากมณฑลทหารบกที่ 39 เมื่อยิ่งชีพแจ้งว่า วันนี้ไม่ได้ไปจัดกิจกรรมแล้วเพราะมหาวิทยาลัยยกเลิกการจัดกิจกรรม ทั้งสองคนก็ไม่ได้แจ้งอะไรต่อ แต่มีการพูดคุยกันว่า ตัวงานสัมมนาไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ทหารเห็นคำว่า “ปลดอาวุธ คสช.” แล้วไม่เข้าใจว่า หมายความว่าอย่างไร เมื่อเห็นคำว่า “คสช.” ก็รู้สึกว่า เป็นคำที่ล่อแหลม 

ทหารทั้งสองยังเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายในการประสานงานครั้งนี้เริ่มจากมีเจ้าหน้าที่ส่วนกลางแจ้งกับผู้ว่าราชการจังหวัดว่า มีการจัดกิจกรรมนี้ และผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ทราบว่า เป็นกิจกรรมใด จึงประสานต่อไปทั้งทางตำรวจ ทหาร และมหาวิทยาลัย เพื่อสอบถามข้อมูล เมื่อมีการประสานงานหลายทางจึงเกิดความสับสน และที่จังหวัดพิษณุโลกไม่เคยมีกิจกรรมทำนองนี้มาก่อน จึงมีความกังวล 

ทางยิ่งชีพ จาก iLaw ก็แจ้งให้ทราบว่า ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมนี้ก็พูดคุยกับทหารตำรวจมาตลอด หากมีความกังวลใดก็ขอให้ติดต่อมาโดยตรง ไม่จำเป็นต้องติดต่อไปหาผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้เป็นเรื่องใหญ่ ทางทหารก็ยอมรับว่า หากได้มีโอกาสพูดคุยกับวิทยากรก่อนก็จะไม่มีปัญหา และได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ หากมีกิจกรรมที่พิษณุโลกอีกก็จะขอติดต่อกันโดยตรงจะได้ไม่ต้องผ่านผู้บริหาร 

จากนั้นทหารก็ยังสอบถามเรื่องทั่วๆ ไป เช่น จะเดินทางกลับเมื่อใด จะกลับกรุงเทพฯ ใช่หรือไม่ หรือจะพักที่ไหน จะทานข้าวที่ไหน โดยทหารยังขออนุญาตแนะนำว่า ในการทำกิจกรรมหากตั้งชื่อให้ดูเบา ไม่ใช้ชื่อที่มีคำว่า คสช. ก็จะไม่มีปัญหา หลังเสร็จการพูดคุยทหารก็ขอถ่ายรูปวิทยากรบอกว่า เพื่อเอาไปรายงานต่อว่า ได้มาพูดคุยแล้ว แต่เมื่อวิทยากรขอถ่ายรูปกับทหารที่มาพูดคุยด้วย ทหารบอกว่า ไม่สะดวกที่จะถ่ายด้วย เกรงว่า จะถูกนำรูปไปโพสต์แล้วคนจะเข้าใจผิดว่า มาทำกิจกรรมด้วยกัน
 
988