1447 1252 1614 1569 1946 1723 1861 1807 1932 1231 1272 1008 1523 1643 1510 1359 1974 1992 1907 1710 1001 1563 1699 1615 1508 1476 1006 1268 1968 1968 1759 1434 1940 1319 1988 1698 1460 1852 1630 1789 1312 1917 1749 1849 1096 1194 1143 1586 1053 1929 1934 1029 1887 1553 1347 1653 1606 1979 1755 1070 1643 1705 1893 1868 1196 1988 1422 1524 1898 1825 1418 1905 1047 1378 1709 1653 1713 1137 1650 1552 1802 1977 1556 1533 1577 1698 1836 1018 1485 1686 1845 1546 1697 1162 1689 1193 1253 1714 1670 สิรภพ "ไม่ได้หวังอะไรมาก" กับการเลือกตั้ง หลังใช้ชีวิตกว่า 4 ปีในเรือนจำ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

สิรภพ "ไม่ได้หวังอะไรมาก" กับการเลือกตั้ง หลังใช้ชีวิตกว่า 4 ปีในเรือนจำ

 

ใกล้ถึง #เลือกตั้ง62 ประชาชนแต่ละกลุ่มก็ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองกันได้ และส่งเสียงบอกนักการเมืองได้ว่า อยากเห็นอะไร แต่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ชีวิตและอนาคตของพวกเขาเกี่ยวพันกับความเป็นไปทางการเมืองมาก แต่พวกเขาไม่มีสิทธิได้เลือกตั้ง ไม่มีสิทธิบอกว่า พวกเขาต้องการเห็นอนาคตแบบไหน
 
เราลองมาฟังเสียงนักโทษทางการเมือง ที่ยังคงต้องอยู่ในเรือนจำจากเหตุความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามองการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความหวังบ้างหรือไม่
 
สิรภพ หรือ ตั้ม นักโทษคดีมาตรา 112 ที่ถูกจับกุมจากการเขียนบทความและเขียนกวีและถูกจองจำมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 เป็นเวลานานกว่า 4 ปี โดยศาลทหารไม่อนุญาตให้ประกันตัว เป็นคนหนึ่งที่มีเรื่องเล่าและความคิดเห็นมาแบ่งปันกับคนที่ยังอยู่ข้างนอก
 
สิรภพ มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเพียงพิธีการที่จำเป็นต้องทำ เนื่องจาก คสช. ถูกบีบทั้งจากข้างบนและข้างล่าง ทั้งจากในและนอกประเทศ แต่ คสช. มีเจตนาไม่สุจริต ไม่ได้อยากให้มีการเลือกตั้งจริงๆ จึงใช้วิธีการวางหมากกลให้เกิดความยุ่งยากและให้การเลือกตั้งจัดขึ้นในเวลากระชั้นชิดกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ยังมีกลเม็ดอีกหลายอย่าง เช่น การถ่วงเวลาเพื่อให้ กกต. รับรองผลการเลือกตั้งช้าและไปกระทบกับพระราชพิธี เพื่อกดการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิของประชาชนไว้ 
 
นอกจากนี้ คสช. ยังตั้งใจที่จะไม่เลิก "มาตรา 44" เพื่อควบคุมไม่ให้ประชาชนเคลื่อนไหว ในช่วงเวลานี้อีกด้วย
 
สิรภพ เชื่อว่า คนในประเทศก็เห็น ก็รู้ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะยังขาดผู้นำที่น่าเชื่อถือและมีความเสียสละ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้คนที่ออกมาต่อสู้ได้เห็นแล้วว่า พวกเขาถูกหลอกให้มาเจ็บมาตายโดยขาดการดูแล คนที่ถูกดำเนินคดีและต้องอยู่ในเรือนจำก็ไม่ได้รับการดูแล ถูกทอดทิ้ง เหมือนทหารผ่านศึกที่แขนขาดขาด้วนแล้วถูกทิ้งให้นอนแห้งตาย
 
จากประสบการณ์ใช้ชีวิตในเรือนจำมานานกว่าสี่ปี สิรภพเล่าว่า เขาได้มีโอกาสเจอเพื่อนนักโทษการเมืองที่เลือกเส้นทางการต่อสู้ แล้วถูกทิ้งอยู่ในเรือนจำ ซึ่งคนพวกนี้มีชีวิตที่ดีอยู่แล้วได้โดยที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่พวกเขามีความเชื่อบางอย่างจึงเข้ามาทำ เมื่อต้องมาเจอชีวิตแบบนี้ก็มีความรู้สึกโกรธแค้นแกนนำการเคลื่อนไหวที่พาพวกเขามาถึงตรงนี้
 
สิรภพ ไม่ได้หวังอะไรมากกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เขาเล่าว่า กลุ่มนักโทษการเมืองที่อยู่ในเรือนจำก็ได้แต่เฝ้ามองดู มองหากระแสว่า จะมีการนิรโทษกรรมหรือไม่ ซึ่งสิรภพคิดว่า หากฝ่าย คสช. ชนะการเลือกตั้งได้ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างมากก็จะยกเลิกการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร เพราะเรื่องนี้จะเป็นหนามทิ่มตำพวกเขาเองไปเรื่อยๆ แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งได้ จะต้องแก้ปัญหานักโทษการเมืองทั้งหมด เพราะตัวเองก็กลัวจะถูกเช็คบิลเหมือนกัน
 
สิรภพ เชื่อด้วยว่า หากหลังการเลือกตั้งในปี 2562 มีข้อเสนอเรื่องการนิโทษกรรม เงื่อนไขในการนิรโทษกรรมจะไม่เหมือนเดิม เพราะฝ่ายทหารทั้ง คสช. และ คมช. ก็มีเรื่องที่ทำไว้ติดตัว แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ หรือกลุ่ม กปปส. กลุ่มพันธมิตรฯ ก็มีคดีติดตัว จึงไม่มีใครคัดค้าน แต่ละกลุ่มอาจจะต้องต่อรองเพื่อหาทางรอดให้ตัวเอง
 
สำหรับบรรยากาศในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ สิรภพบอกว่า ช่องทางการรับรู้ข่าวสารจากภายนอกไม่มีเลย ผู้ต้องขังไม่ได้รับอนุญาตให้ดูข่าวเกี่ยวกับการเมือง แต่เมื่ออยู่ในเรือนจำมวลชนไม่ว่าฝ่ายไหนก็คุยกันได้หมด เพราะต่างก็รู้สึกว่า ถูกแกนนำหลอกมาเหมือนกัน เรื่องสีเสื้อ สีแดงหรือสีเหลืองจึงไม่มีแล้ว 
 
 
อ่านคดีของ สิรภพ เต็มๆ ได้ที่ https://freedom.ilaw.or.th/case/622