สุรชัย แซ่ด่าน (ปราศรัยที่เชียงใหม่)

อัปเดตล่าสุด: 14/01/2560

ผู้ต้องหา

สุรชัย แซ่ด่าน หรือ ด่านวัฒนานุสรณ์

สถานะคดี

ตัดสินแล้ว / คดีถึงที่สุด

คดีเริ่มในปี

2554

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

กรมสอบสวนคดีพิเศษ

สารบัญ

วันที่ 11 กันยายน 2553 นายสุรชัยพูดปราศรัย ณ สนามกีฬาเทศบาลตำบลดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ด้วยข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น  แสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี และ รัชทายาท ศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงเหลือ 2 ปี 6 เดือน ปัจจุบันนายสุรชัยต้องโทษคดีหมิ่นที่ตัดสินแล้วรวมทั้งสิ้นห้าคดี รวมโทษจำคุก 12 ปี 6 เดือน

ภูมิหลังผู้ต้องหา

สุรชัย แซ่ด่าน เป็นอดีตนักโทษการเมืองคดีคอมมิวนิสต์ เป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เคยเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่ จากการชักชวนของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ สุรชัยเริ่มปรากฎตัวในเวทีปราศรัย โดยปราศรัยครั้งแรกที่จังหวัดราชบุรีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2553 หลังจากนั้นเดินทางปราศรัยไปทั่วประเทศ เขามักปรากฏตัวด้วยแฟชั่น หมวกเขียวดาวแดง

นายสุรชัย เข้าร่วมการชุมนุมขับไล่ คมช. ที่ท้องสนามหลวง และต่อมาได้แยกตัวออกมาจัดตั้งกลุ่ม "แดงสยาม"

ชื่อของสุรชัย แซ่ด่าน ถูกจัดอยู่ในผังล้มเจ้าที่ศอฉ.จัดทำขึ้นด้วย

ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

วันที่ 11 กันยายน 2553 นายสุรชัยพูดปราศรัย ณ เวทีปราศรัยชั่วคราว  บริเวณสนามกีฬาเทศบาลตำบลดอยสระเก็ด ต.เชิงดอย  อ.ดอยสะเก็ด  จ.เชียงใหม่ ด้วยข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น  แสดงความอาฆาตมาดร้าย  ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา และคดีนี้เป็นคดีพิเศษที่ 19/54 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย

 

 

พฤติการณ์การจับกุม

22 กุมภาพันธ์ 2554 นายสุรชัยถูกจับกุมหลังจากปราศรัยบริเวณใกล้ท้องสนามหลวง ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 27/2554 ซึ่งเป็นอีกคดีที่ถูกสั่งฟ้อง

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 สำนักงานอัยการสูงสุด ฟ้องนายสุรชัย แซ่ด่าน หรือ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์  ฐานดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  โดยการพูดปราศรัยต่อสาธารณชน
 
เวลา 9.30 น. บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาราว 30-40 คน นายสุรชัย แซ่ด่าน ถูกนำตัวจากเรือนจำแดน 6 มายังห้องพิจารณาคดี ในชุดนักโทษแดน 6 มือทั้งสองข้างถูกคล้องกุญแจมือ แต่ไม่ถูกตรวนเท้า จนเวลา 9.40 น. นายชนาธิป  เหมือนพะวงศ์ ผู้พิพากษา นำองค์คณะขึ้นบัลลังก์ อ่านประวัติจำเลยจากนั้นอ่านคำพิพากษาทั้ง 3 คดี โดยไม่ทวนเนื้อหาที่โจทก์ฟ้อง
 
คดีที่ 1 หมายเลขคดีดำที่ อ. 360/2555 ศาลอาญาเป็นคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (คดีพิเศษที่ 76/54) ฟ้องนายสุรชัยฐานปราศรัยต่อผู้ร่วมชุมนุมที่วัดศรีบุญเรือง  หมู่บ้านดงมะกรูด  ต.หนองไฮ  อ.เมือง  จ.อุดรธานี ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงและสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2553  ศาลสั่งจำคุก 5 ปี แต่จำเลยรับสารภาพ เห็นสมควรลดโทษกึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 2 ปี 6 เดือน
 
คดีที่ 2 หมายเลขคดีดำ 3187/2554 ศาลอาญา เป็นคดีที่ฟ้องโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (คดีพิเศษที่ 19/54) ฟ้องนายสุรชัยฐานปราศรัยหมิ่นประมาท ดูหมิ่น  แสดงความอาฆาตมาดร้าย  ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ที่เวทีปราศรัยชั่วคราว บริเวณสนามกีฬาเทศบาลตำบลดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2553 ศาลสั่งจำคุก 5 ปี แต่จำเลยรับสารภาพ เห็นสมควรลดโทษกึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 2 ปี 6 เดือน
 
คดีที่ 3 หมายเลขคดีดำ อ.1620/2554 ศาลอาญา นายสุรชัยถูกฟ้องหลังฐานปราศรัยในเวที “เสวนาตาสว่างกว่าเดิม ครั้งที่ 2 โดย 4 ส.” ที่ห้างอิมพิเรียล ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 (ข้อมูลศาลอาญาระบุว่าปราศรัยวันที่ 18 ธ.ค.) อันเป็นการหมิ่นประมาท  ดูหมิ่น  และแสดงความอาฆาตมาตร้าย  พระมหากษัตริย์  พระราชินี  รัชทายาท ศาลสั่งจำคุก 5 ปี แต่จำเลยรับสารภาพ เห็นสมควรลดโทษกึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 2 ปี 6 เดือน
 
ศาลเห็นว่าแม้ว่าขณะกระทำความผิด จำเลยจะอายุ 68 ปี แต่จำเลยมีบทบาทความเคลื่อนไหวทางการเมืองมานาน จบปริญญาตรีรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งแสดงถึงวุฒิภาวะทางการเมือง การกระทำของจำเลยเกิดขึ้นขณะที่สังคมเกิดความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้สังคมมีความขัดแย้งมากขึ้น โดยกล่าวหาว่าพระมหากษัตริย์เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งดังกล่าว ทั้งๆ ที่พระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงมีพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน จำเลยได้กระทำการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และได้รับโทษจำคุกมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่หลาบจำ จึงไม่สมควรรอการลงโทษ

ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ เวลาประมาณ 10.00 น.

หมายเลขคดีดำ

อ.3187/2554

ศาล

ศาลอาญา

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

รวม 5 คดี โทษจำคุก 12 ปี 6 เดือน
นอกจาก 3 คดีที่ตัดสินแล้วนั้น นายสุรชัย แซ่ด่าน ยังมีคดีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดมาตรา 112 อีกทั้งสิ้น 2 คดี คดีหนึ่งคือ คดี ดำที่ อ.3444/2553 ของศาลอาญา รัชดาภิเษก เขาถูกกล่าวหาหลังปราศรัยบนเวทีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อเดือนธันวาคม 2551 อีกมีคดีหนึ่งเป็นคดีของสน.วังทองหลาง ถูกฟ้องหลังขึ้นปราศรัยที่วัดสามัคคีธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554

ศาลมีคำตัดสินในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ตามลำดับ แต่ละคดีมีคำตัดสินที่เหมือนกันคือ ให้ลงโทษจำคุกคดีละ 5 ปี และลดโทษกึ่งหนึ่งเนื่องจากจำเลยรับสารภาพคงเหลือคดีละ 2 ปี 6 เดือน

โดยสรุป นายสุรชัยซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 ตกเป็นจำเลยในคดีหมิ่นเบื้องสูงของศาลอาญา 5 คดี ทุกคดีรับสารภาพซึ่งศาลลงโทษคดีละ 2 ปี 6 เดือน รวมทั้งสิ้นนายสุรชัยต้องโทษฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ 12 ปี 6 เดือน

นายสุรชัยกับคดีผังล้มเจ้า
1 ธันวาคม 2554
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่ระบุ ชื่อ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐว่าด้วยการ ละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ (ล้มเจ้า) ว่า เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554 พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีล้มเจ้าซึ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นใหม่ ได้ทำหนังสือถึงหัวหน้าชุดปฏิบัติการคดีพิเศษซึ่งมีพนักงานสอบสวนจำนวน 9 ชุดที่รับผิดชอบคดีจำนวน 32 คดี ให้เข้าปากคำกับพนักงานสอบสวนชุดใหม่ จากข่าวระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสงสัยให้กับพนักงานสอบสวนชุดเดิม และถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกัน

พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า การทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนชุดเดิมนั้นเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวน ที่ดำเนินไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากการสืบสวนคดีที่เกี่ยวพันกับการหมิ่นสถาบัน โดยเฉพาะข้อกล่าวหาตามแผนผังล้มเจ้าของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีเพียงการอ้างถึงเครือข่าย แต่ผู้ร้องไม่ได้ระบุถึงข้อกล่าวหาว่าบุคคลตามผังล้มเจ้าได้ไปกระทำความผิด ในลักษณะใด ที่ใดบ้าง ทำให้พนักงานสอบสวนที่แบ่งออกเป็น 9 ชุดก่อนหน้านี้ ต้องไปสอบสวนข้อเท็จจริง โดยตนต้องการให้รายงานผลการทำงานเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเรียกเพื่อสอบสวนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ พนักงานสอบสวน  ซึ่งเบื้องต้นพนักงานสอบสวนชุดเดิมยังไม่สามารถชี้ถึงกรณีกระทำความผิดของคน กลุ่มนี้ได้

30 มีนาคม 2555 หนังสือพิมพ์มติชนเผยแพร่คำสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งกล่าวถึงคดีผังล้มเจ้าซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานครบหมดทุกปาก แล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำผิด ขั้นตอนต่อไปดีเอสไอจะเตรียมประชุมเพื่อสรุปปิดสำนวนคดีก่อนเทศกาลสงกรานต์ โดยทางดีเอสไอจะไม่สั่งฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดอย่างชัดเจนได้ อย่างไรก็ตาม คดีหมิ่นเบื้องสูงที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลทางพนักงานสอบสวนจะยังดำเนินการ สืบสวนต่อไปแต่ยอมรับว่าทำการสืบสวนได้ยากเนื่องจากตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ และในส่วนคดีหมิ่นเบื้องสูง ส่วนมากจะปรากฏตามเว็บไซต์ อินเทอร์เน็ต ทำให้การหาตัวผู้กระทำผิดได้ค่อนข้างลำบาก

คดีอื่นๆ ของนายสุรชัย แซ่ด่าน:

แหล่งอ้างอิง

ศอฉ. แจกแผนผังเครือข่ายล้มเจ้า, เว็บไซต์ Siam Intelligent Unit วันที่ 27 เมษายน 2553 (อ้างอิงเมื่อ 18 เมษายน 2555)

ดีเอสไอเปิดศึกขัดแย้งทำคดีหมิ่นฯป่วน, เว็บไซต์เดลินิวส์ วันที่ 1 ธันวาคม 2554 (อ้างอิงเมื่อ 18 เมษายน 2555)

เปิดบัญชีคดีพิเศษ"ดีเอสไอ" 33 คดีเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง, เว็บไซต์มติชน วันที่ 3 มกราคม 2555 (อ้างอิงเมื่อ 18 เมษายน 2555)

ดีเอสไอลั่นไม่สั่งฟ้องคดีแผนผังล้มเจ้า เหตุพยานหลักฐานไม่ชัดพอชี้ตัวผู้กระทำผิด, เว็บไซต์มติชน วันที่ 30 มีนาคม 2555 (อ้างอิงเมื่อ 18 เมษายน 2555)

22 กุมภาพันธ์ 2554
นายสุรชัยถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ จนปัจจุบัน

28 กุมภาพันธ์ 2555
หลังจากนายสุรชัย แซ่ด่าน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ จากการปล่าวปราศรัยในที่สาธารณะ นายสุรชัยตัดสินใจรับสารภาพในคดีหมิ่นทั้งสิ้น 3 คดี เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2555 ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาโดยรวมทั้ง 3 คดีซึ่งเหตุเกิดที่วัดศรีบุญเรือง จ.อุดรราชธานี, อ.ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดกระทงละ 5 ปี รวม 3กระทง รวมโทษจำคุก 15 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงเหลือโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ศาลเห็นว่าจำเลยมีบทบาทความเคลื่อนไหวทางการเมืองมานาน จบปริญญาตรีรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งแสดงถึงวุฒิภาวะทางการเมือง การกระทำของจำเลยเกิดขึ้นขณะที่สังคมเกิดความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้สังคมมีความขัดแย้งมากขึ้น โดยกล่าวหาว่าพระมหากษัตริย์เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งดังกล่าว ทั้งๆ ที่พระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงมีพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน จำเลยได้กระทำการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และได้รับโทษจำคุกมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่หลาบจำ จึงไม่สมควรรอการลงโทษ

นายสุรชัยถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.54 โดยถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวตลอดมา นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยานายสุรชัยเคยให้สัมภาษณ์ว่านายสุรชัยมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เป็นโรคประจำตัว ทั้งความดัน  เบาหวาน เส้นเลือดหัวใจอุดตัน และต่อมลูกหมากอักเสบ จึงตั้งใจจะรับสารภาพเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ (อ้างอิง ประชาไท)

3 ตุลาคม 2556
 
เฟซบุ้คของภรรยาสุรชัยกระจายข่าวว่า สุรชัยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว โดยนายสุรชัยจะได้รับการปล่อยตัวภายในเวลา15.00น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมีคนมาสังเกตการณ์และมารับตัวสุรชัยประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบถึงสองร้อยคน อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดไม่มีการปล่อยตัวสุรชัยเนื่องจากติดขัดเรื่องเอกสาร
 
4 ตุลาคม 2556
 
หลังจากมีการแก้ไขปัญหาเรื่องเอกสาร สุรชัยได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพในเวลา17.05น.

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา