สุรีรัตน์ (เจี๊ยบ แม่ลาว) และชายชาวเชียงราย 2 คน : ฝ่าฝืนประกาศ คสช. ห้ามชุมนุม

อัปเดตล่าสุด: 02/12/2559

ผู้ต้องหา

สุรีรัตน์ (เจี๊ยบ แม่ลาว) และชายชาวเชียงราย 2 คน

สถานะคดี

ตัดสินแล้ว / คดีถึงที่สุด

คดีเริ่มในปี

2557

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

ไม่มีข้อมูล

สารบัญ

สุรีรัตน์และชายชาวเชียงรายอีก 2 คน ร่วมชุมนุม "กินแม็คต้านรัฐประหาร" ที่หน้าแม็คโดนัลด์ สาขาเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงราย ภายหลังถูกควบคุมตัว 7 วัน เขาถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช. ฉบับที่ 7/2557

ภูมิหลังผู้ต้องหา

'เจี๊ยบ แม่ลาว'
เป็นแกนนำกลุ่มแม่ลาวรักประชาธิปไตย เคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.ทั้งในจังหวัดเชียงรายและการชุมนุมในกรุงเทพฯ กิจกรรมที่ทำร่วมกับกลุ่มนปช.ส่วนใหญ่คือการจัดเวทีปราศรัย และจะออกค่าใช้จ่ายเอง นอกจากนี้หากมีการชุมนุม สุรีรัตน์จะเป็นผู้ดูแลการ์ดนปช.และดูแลเสบียง ก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร มีโครงการว่าจะทำวิทยุชุมชนกู้ภัยร่วมกับโกตี๋ 
 
'ชายชาวเชียงราย 1'
เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแม่ลาวรักประชาธิปไตย กลุ่มกิจกรรมในจังหวัดเชียงราย โดยเคยทำกิจกรรมแสดงออกทางการเมือง เช่น การจุดเทียนเขียนสันติภาพ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2557 ที่เวทีห้าแยกเม็งราย จ.เชียงราย, การออกแถลงการณ์ร่วมกับกลุ่มแม่ลาวรักประชาธิปไตยต่อต้านการชุมนุมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกลุ่ม กปปส. เป็นต้น
 
'ชายชาวเชียงราย 2'
เป็นพ่อของสุรีรัตน์ หรือ เจี๊ยบ แม่ลาว แกนนำกลุ่มแม่ลาวรักประชาธิปไตย จากคำบอกเล่าไม่เคยทำกิจกรรมแสดงออกทางการเมืองใดๆ มาก่อน

ข้อหา / คำสั่ง

กฎอัยการศึก, ฝ่าฝืนประกาศคสช. 7/2557

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

'สุรีรัตน์'

จัดกิจกรรมกินแมคฯต้านรัฐประหารที่เซนทรัลจังหวัดเชียงราย ซึ่งนัดแนะกับกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดเชียงรายด้วยกัน ในวันที่ 25 พฤษภาคม โดยสุรีรัตน์ได้ชูป้ายที่มีข้อความเขียนด้วยปากกาเคมีไว้ว่า “No Coup”

ที่มา: ประชาไท  

 

'ชายชาวเชียงราย 1'
วันที่ 25 พฤษภาคม 2557 เวลาประมาณ 18.00 น. เขากับภรรยาผู้เป็นแกนนำกลุ่มแม่ลาวรักประชาธิปไตย ได้ออกไปร่วมทำกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารที่ร้านแม็คโดนัลด์ สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า จ.เชียงราย และได้ร่วมรับประทานไก่ทอดและเบอร์เกอร์แม็คโดนัลด์ และร่วมชูป้ายที่มีข้อความ “No Coup” นอกจากนั้นยังใส่หน้ากากที่ปิดทับด้วยเทปสีดำเป็นรูปกากบาทอีกด้วย 

 

'ชายชาวเชียงราย 2'
เวลาประมาณ 18.00 น. ประชาชนกลุ่มหนึ่งได้ออกไปร่วมทำกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารที่ร้านแม็คโดนัลด์ สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า จ.เชียงราย เช่นการร่วมกันทานไก่ทอดและเบอร์เกอร์ แม็คโดนัลด์ ชูป้ายที่มีข้อความต่อต้านรัฐประหาร ในวันนั้น เขาได้ตามลูกสาว (เจี๊ยบ แม่ลาว) ไปร่วมทานอาหารที่ร้านแม็คโดนัลด์ด้วย แต่ไม่ได้ชูป้ายข้อความใดๆ 

พฤติการณ์การจับกุม

'สุรีรัตน์'

ทหารนอกเครื่องแบบและหน่วยข่าวกรองที่สังเกตการณ์การทำกิจกรรมในบรเวณนั้นเข้ารวบตัวสุรีรัตน์ โดยเจตนาจะรวบตัวสุรีรัตน์เพียงคนเดียว ทันทีที่ถูกรวบตัว สุรีรัตน์ได้มีท่าทีขัดขืนและส่งเสียงกรีดร้อง ยึดสมาร์ทโฟน และถูกพาตัวไปยังรถควบคุมตัว

 

'ชายชาวเชียงราย 1'
วันที่ 25 พฤษภาคม 2557 ภายหลัง ช.1 เริ่มดำเนินกิจกรรมกับประชาชนคนอื่นๆ ที่มาร่วมแสดงออกในการต่อต้านรัฐประหาร ได้มีทหารซึ่งปลอมตัวเป็นพนักงานประจำร้านแม็คโดนัลด์ ชี้เป้าให้ทหารนอกเครื่องแบบคนอื่นๆ เข้ามาจับกุมภรรยาของ ช.1 เขาจึงพยายามเข้าไปช่วยกันภรรยาออกมา ด้วยการต่อยที่หน้าของนายทหารคนหนึ่ง (จากนั้น ทหาร จึงเข้ามาต่อยเขาคืน) จึงทำให้ ช.1 ถูกทหารนำตัวมาสอบสวนและควบคุม 

 

'ชายชาวเชียงราย 2'

ขณะที่ทหารนอกเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งพยายามจะจับตัวเจี๊ยบ แม่ลาว ซึ่งเป็นลูกสาวของเขาไปควบคุมตัว เขาได้ออกมากอดลูกสาวไว้ และกันไม่ให้ทหารพาตัวเธอไป จึงได้โดนรวบตัวมาควบคุมตัวที่ค่ายเม็งรายมหาราชด้วย 

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

คดีนางสุรีรัตน์ บุญบัวทอง และพวก รวม 3 คน : ข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช. ห้ามชุมนุมทางการเมือง
คดีหมายเลขดำที่ 2ก./2557 ศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย
ผู้พิพากษาศาลทหารเจ้าของสำนวน พันโท ประเสริฐ แดงไผ่
 
 
25 สิงหาคม 2557 
ศาลทหารนัดสอบถามคำให้การ และฟังคำพิพากษา
เวลา 9.10 น. จำเลยทั้งสามและทนายจำเลยเดินทางมาศาล อัยการศาลทหารฝ่ายโจทก์มาศาล โดยบริเวณโถงด้านล่างศาลมีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารจำนวน 3 นายมาตรวจตราเดินไปมาดูแลความเรียบร้อย พร้อมแจ้งผู้เข้ามาในบริเวณศาลว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพทั้งด้านในและนอกศาล และผู้ที่จะขึ้นฟังการพิจารณานำบัตรประชาชนมาให้เจ้าหน้าที่จดชื่อ รวมทั้งให้ฝากเครื่องมือสื่อสารไว้ก่อนขึ้นไปห้องพิจารณา 
 
เวลา 9.20 น. เจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติของ ICJ (คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล) เดินทางมาศาล เจ้าหน้าที่ทหารจะไม่อนุญาตให้เข้าในบริเวณศาล เนื่องจากบริเวณค่ายทหารเป็นพื้นที่ความมั่นคง และเกี่ยวข้องกับความลับราชการ สารวัตรทหารได้สอบถามประวัติ ถ่ายพาสปอร์ต และถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ ICJ  ต่อมา อัยการได้เดินทางไปกับสารวัตรทหาร เพื่อไปหารือกับรองเสธฯ กรณีชาวต่างชาติ จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่เดินทางมายังศาล (ภายหลังทราบว่าจะมีการดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่บริเวณหน้าประตูค่ายเม็งรายมหาราช ที่ปล่อยให้มีชาวต่างชาติเข้ามาในค่าย)
 
เวลา 10.25 น. ได้มีการขอให้เจ้าหน้าที่ ICJ ทำหนังสือขอเข้าฟังการพิจารณาอย่างเป็นทางการมา ขณะเดียวกันอัยการศาลทหารได้แจ้งกับทนายจำเลย ว่าศาลจะขอเลื่อนการพิจารณาเป็นเวลา 14.00 น. เพื่อพิจารณาเอกสารคำร้องและเขียนคำพิพากษาให้เรียบร้อย
 
เวลา 14.05 น. จ่าศาลได้แจ้งผู้เข้าฟังการพิจารณา ว่าขอความร่วมมือไม่ให้จดบันทึกระหว่างการพิจารณา เนื่องจากเป็นระเบียบศาล และครั้งที่แล้ว มีการลงข่าวผิดเนื้อหาด้วย จากนั้นจึงให้ขึ้นสู่ห้องพิจารณาคดีในชั้นบน โดยมีสารวัตรทหารมาตรวจค้นตัวของผู้สังเกตการณ์ทีละคน
 
เมื่อศาลนั่งบัลลังก์ และมีตุลาการพระธรรมนูญจากมณฑลทหารบกที่ 33 มานั่งร่วมพิจารณา รวมทั้งมีสารวัตรทหารหนึ่งนายมานั่งบริเวณประตูทางเข้าศาล ผู้สังเกตการณ์ได้สอบถามเรื่องการจดบันทึก ศาลได้กล่าวว่าการจดบันทึกเองจะมีปัญหาเรื่องความคลาดเคลื่อนของเนื้อหาที่จดไป จึงขอให้ใช้วิธีการเขียนคำร้องขอคัดถ่ายเอกสารต่างๆ จากในสำนวนคดีแทน
 
จากนั้นศาลได้อ่านคำฟ้องให้จำเลยทั้งสามฟัง สอบถามคำให้การของจำเลย โดยจำเลยทั้งสามยินยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหา และอัยการทหารไม่คัดค้านคำร้องของฝ่ายจำเลยที่ขอให้ลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษ ศาลจึงอ่านกระบวนพิจารณา และอ่านคำพิพากษา
 
ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 7/2557 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 พิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสาม 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษคนละกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท และตามที่จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุก พร้อมแนบหนังสือรับรองความประพฤติของจำเลยทั้งสามคนจากผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งรับรองว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่แน่นอน ประกอบอาชีพสุจริต มีความประพฤติดี ไม่เคยต้องโทษในคดีอาญามาก่อน และมีบุคคลที่จำต้องอุปการะเลี้ยงดู คดีจึงมีเหตุอันควรปรานีเพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสามประพฤติตัวกลับตนเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ มีกำหนดคนละ 1 ปี
 
ทั้งนี้ จำเลยทั้งสามได้ถูกคุมขังเป็นเวลา 2 วัน จึงทำการเปรียบเทียบปรับ ให้คืนเงินคนละ 400 บาท จึงเหลือชำระค่าปรับต่อศาลทั้งสิ้น 4,600 บาท
 
ต่อมา เมื่อทนายจำเลยได้ยื่นขอคัดถ่ายคำพิพากษา คำให้การ และรายงานกระบวนพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ศาล ศาลได้อนุญาตให้คัดเฉพาะเอกสารคำพิพากษา แต่เอกสารรายงานการพิจารณา ศาลเห็นว่าเป็นคดีในเวลาไม่ปกติ ห้ามอุทธรณ์หรือฎีกา จึงไม่เป็นเหตุสมควรที่จะอนุญาตเพื่อประโยชน์ทางคดีของจำเลย

หมายเลขคดีดำ

ไม่มีข้อมูล

ศาล

ไม่มีข้อมูล

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล
25 พฤษภาคม 2557
สุรีรัตน์นัดแนะกับพรรคพวกบนเฟซบุ๊กเพื่อร่วมกิจกรรมกินแมคฯ ต้านรัฐประหาร ที่ร้านแมคโดนัลด์ สาขาเซ็นทรัลเชียงราย และถูกรวบตัว เพื่อเดินทางไปยังค่ายเม็งรายมหาราช เปลี่ยนชุด ถ่ายภาพทำประวัติเพื่อสอบสวนและทำสำนวนสั่งฟ้อง จากนั้น
พวกเขาถูกพาตัวไปพักยังเรือนรับรอง 
 
 
31 พฤษภาคม 2557
พวกเขายื่นประกันตัวเองด้วยวงเงินประกัน 20,000 บาท แต่พนักงานสอบสวนยังทำสำนวนไม่เสร็จ จึงถูกพาตัวไปขออำนาจศาลฝากขังเป็นเวลา 12 วัน 
 
1 มิถุนายน 2557  
ถูกคุมตัวไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงรายเป็นเวลาหนึ่งวันกว่าๆ แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังทำสำนวนไม่เสร็จ จึงถูกนำตัวไปขออำนาจศาลในการฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน 
 
2 มิถุนายน 2557  
ถูกคุมตัวไปที่ศาลจังหวัดทหารเชียงราย เพื่อฝากขัง หลังศาลมีคำสั่งฝากขังจึงถูกนำตัวไปไว้ที่เรือนจำ จ.เชียงราย ราวครึ่งวัน ต่อมาทนายความยื่นขอประกันตัว และศาลอนุญาตให้ประกันด้วยด้วยหลักทรัพย์ 20,000 บาท 
 
10 มิถุนายน 2557
เวลาประมาณ 09.20 น. พวกเขาได้เข้าไปรายงานตัว ณ ศาลจังหวัดทหารบกจังหวัดเชียงราย ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และจะต้องมารายงานตัวเพื่อฝากขังผลัด 2 อีกครั้ง ในวันที่ 13 มิถุนายน 2557
 
25 สิงหาคม 2557
ศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย พิพากษาจำคุกจำเลยเป็นเวลา 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท และจำเลยยื่นคำร้องขอให้ลงโทษสถานเบา พร้อมหนังสือรับรองความประพฤติจากผู้ใหญ่บ้าน ศาลเห็นควรให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
 

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา