พล.ต.อ.ศรีวราห์ vs ทนายเบญจรัตน์

อัปเดตล่าสุด: 16/10/2561

ผู้ต้องหา

เบญจรัตน์

สถานะคดี

ชั้นสืบสวนสอบสวน

คดีเริ่มในปี

2561

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ขณะเกิดคดีนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นผู้เกี่ยวข้องในการจับกุมประชาชนและดำเนินคดีการเมืองมากมาย เช่น คดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง คดีแปดแอดมินเพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ ฯลฯ

สารบัญ

เบญจรัตน์ เป็นทนายความของ อัมพร จำเลยในคดีระเบิดที่ถูกจับกุมดำเนินคดีแต่ภายหลังศาลยกฟ้อง เบญจรัตน์พูดคุยกับอัมพรและตกลงว่าจะฟ้องกลับตำรวจที่ดำเนินคดีต่ออัมพรว่า กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นต้องรับผิดในคดีอาญา เบญจรัตน์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเรื่องการเตรียมจะฟ้องกลับเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ หนึ่งในตำรวจที่ถูกฟ้องกลับ แจ้งความเอาผิดต่อเบญจรัตน์ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

ภูมิหลังผู้ต้องหา

เบญจรัตน์ มีเทียน เป็นทนายความเอกชนที่รับว่าความช่วยเหลือคดีความทางการเมืองจำนวนมาก
 
ก่อนหน้าคดีนี้ เบญจรัตน์ เคยช่วยเหลือคดีของธนกฤต ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีตามมาตรา 112 และออกมาเปิดโปงว่า ขณะถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิด ธนกฤตถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จึงฟ้องกลับตำรวจ และพล.ต.วิจารณ์ จดแตง ฝ่ายกฎหมายของ คสช. ว่า กลั่นแกล้งลูกความของเธอให้ถูกดำเนินคดี และก็ถูกพล.ต.วิจารณ์ แจ้งความฐานหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งต่อมามีการเจรจาถอนฟ้องกันทั้งคดีที่เบญจรัตน์ฟ้องกลับ และคดีที่เบญจรัตน์ถูกฟ้อง 
 
 

ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 326 / 328 ประมวลกฎหมายอาญา

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ไม่มีข้อมูล

พฤติการณ์การจับกุม

คดีนี้ไม่มีการจับกุม ผู้ต้องหาเดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนเอง
 

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

ไม่มีข้อมูล

ศาล

ไม่มีข้อมูล

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล
17 พฤศจิกายน 2559
 
ไทยพีบีเอสรายงานว่า ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง อัมพร ใจก้อน หรือครูแขก ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ในปี 2553 เนื่องจากพยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ 
 
คดีดังกล่าวโจทก์ยื่นฟ้องอัมพร ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนฯ ในการพิจาณาคดีสีพยานฝ่ายโจทก์ 5 ปาก ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้วพิพากษายกฟ้องนางอัมพร เนื่องจากคำให้การของพยานฝ่ายโจทก์ ที่ยืนยันว่า อัมพรเข้าเช่าห้องพักที่สมานเมตตาแมนชั่น แต่การตรวจสอบห้องพักไม่พบว่ามีทรัพย์สินหรือหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า อัมพร พักอาศัย รวมถึงพยานหลักฐานอื่นๆ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า อัมพร มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น
 
อีกทั้งอัมพรให้การว่ารู้จักสมัย วงศ์สุวรรณและกษิดิฐ ธนรัตน์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ในคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นจริงเนื่องจากทำธุรกิจใบไม้สีทองด้วยกันแต่ปฏิเสธไม่รู้เห็นในการประกอบระเบิด
 
 
24 พฤษภาคม 2561
 
เบญจรัตน์ ทนายความของอัมพร ใจก้อน หรือ "ครูแขก" ให้สัมภาษณ์กับประชาไทว่า ในวันที่  28 พฤษภาคม เวลา 13.00 น. ตนและลูกความจะฟ้องกลับ ผู้สั่งการในคดี คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กับพวก ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ข้อหา 157, 172, 173, 174, 175, 200 , 83, 90 และ 91  
 
"ในเมื่อคุณใช้กฎหมายกับเรา ทั้งๆ ที่เราไม่มีความผิด แล้วตัวคุณเป็นฝ่ายผิดเสียเอง เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องรับผลของการกระทำของคุณ" เบญจรัตน์ กล่าว พร้อมระบุว่า คุณกลั่นแกล้งเขา เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องรับผลของการกลั่นแกล้ง ในเรื่องที่คุณไม่ชอบ ซึ่ง 2 คดีที่ตนดูอยู่นั้น ศาลมีคำพิพากษาแล้วว่าจำเลยที่ถูกจับนั้นบริสุทธิ์
 
"ถ้าเราไม่ใช้สิทธิตามกฎหมาย แล้วคนที่มีอำนาจแล้วทำไม่ถูกมันก็ได้ใจ ถูกไหม กฎหมายมันต้องเท่าเทียมกันกับทุกๆ คน เพราะฉะนั้นคุณจะมียศมีตำแหน่งอย่างไรก็ตามแต่คุณต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ต้องการบังคับใช้กฎหมายให้มันสำหรับคนที่ทำความผิด อันนี้ถือว่าเขาผิดแล้วที่เขามาใส่ร้ายป้ายสีประชาชน" ทนายเบญจรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
 
 
28 พฤษภาคม 2561
 
อัมพร ใจก้อน หรือ "ครูแขก" เดินทางมาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นฟ้องคณะตำรวจดังกล่าวในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และข้อหาอื่นเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งศาลรับเอกสารคำฟ้องไว้สารบบคดีหมายเลขดำ อท.121/2561 เพื่อตรวจคำฟ้องว่าถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่
 
 
2 กรกฎาคม 2561
 
พนักงานสอบสวน สน.ปากคลองสาน ออกหมายเรียกให้เบญจรัตน์ ไปรับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยในหมายกเรียกระบุว่า ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล โดยพล จงเกียรติกุล เป็นผู้รับมอบอำนาจมาดำเนินคดีนี้ 
 
เบญจรัตน์ ให้สัมภาษณ์กับประชาไทยืนยันว่า ถ้อยคำที่แถลงข่าวนั้นเป็นการถ่ายทอดจากลูกความว่า เขาจะดำเนินคดีกับตำรวจและมีการฟ้องคดีจริงและลูกความเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งศาลอาญา ศาลอุทธรณ์ และศาลจังหวัดมีนบุรี ได้พิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าลูกความไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกตำรวจกล่าวหา เป็นการยืนยันข้อเท็จริงโดยมีคำพิพากษาเป็นหลักฐานรองรับ ลูกความเชื่อเช่นนั้นซึ่งก่อนหน้านี้ลูกความเคยแถลงข่าวไว้แล้วว่าตนเองไม่ผิด และยืนยันจะฟ้องกลับอยู่แล้ว 
 
เบญจรัตน์ กล่าวว่า การที่ รอง.ผบ.ตร ฟ้องคดีกับตน ซึ่งเป็นทนายความ เห็นว่าไม่เป็นธรรม กับทนายความซึ่งทำหน้าที่ทนายความเพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับลูกความ ความหมายของคำว่า รับผลของการกระทำนั้นคือ การถูกดำเนินคดีกับตำรวจ มิใช่ความหมายอย่างอื่น และมีการฟ้องจริงตามที่เป็นข่าว ทนายแถลงข่าวไปตามข้อเท็จริงที่เกิดขึ้น และเป็นไปตามฟ้องทุกประการ
 
 
9 กรกฎาคม 2561
 
เวลาประมาณ 13.00 เบญจรัตน์ เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สน.ปากคลองสาน ตามที่นัดหมายกับพนักงานสอบสวนไว้ โดยมีทนายวันชัย บุนนาค และทนายอาคม รัตนพจนารถ มาเป็นทนายความให้ในชั้นนี้ พร้อมเพื่อนฝูงที่มาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง โดยหลังการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว เบญจรัตน์ในการปฏิเสธ และยังไม่ให้การในรายละเอียดวันนี้ แต่นัดหมายว่าจะให้การในรายละเอียดเป็นเอกสาร พร้อมกับนำพยานหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวนในภายหลัง ซึ่งนัดหมายกันในวันที่ 2 สิงหาคม 2561
 
การสอบสวนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เบญจรัตน์ถูกพาตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อบันทึกประวัติผู้ต้องหา และพนักงานสอบสวนให้ปล่อยตัวกลับบ้านโดยไม่ต้องยื่นประกันตัว

 

 

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา