30 พฤศจิกายน 2561
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า แกนนำกลุ่มนปช.นำโดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ธิดา ถาวรเศรษฐ และญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อติดตามความคืบหน้าจากกรณีที่มีบทความเผยแพร่ในสำนักข่าวแห่งหนึ่งว่ามีนายทหารยศนายพลคนหนึ่งมาพูดคุยกับอัยการสูงสุด ให้สั่งยุติสำนวนคดีผู้เสียชีวิต 99 ศพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในเดือนพฤษภาคม ปี 2553 ณัฐวุฒิให้ข้อมูลว่าหลังตัวเขาได้ทราบเรื่องดังกล่าวก็มีหนังสือเปิดผนึกถึงอัยการสูงสุดแต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมาจึงได้มาติดตามทวงถาม
9 ธันวาคม 2561
พะเยาว์ โพสต์ข้อความบน
เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าจากกรณีที่มีข่าวว่ามีทหารเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เธอจะไปแสดงเจตนารมณ์ทวงคืนความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ล้อมปราบในปี 2553 ในวันที่ 10 ธันวาคม 2561 ซึ่งวันที่ 10 ธันวาคม เป็นทั้งวันรัฐธรรมนูญไทยและเป็นวันสิทธิมนุษยชนสากล
10 ธันวาคม 2561
ประชาไทรายงานว่า เครือข่ายวิญญูชนผู้ยังได้รับผลกระทบจากเผด็จการ (หรือ ค.ว.ย.) นัดทำกิจกรรม ประกาศเจตนารมณ์ “แก้แค้น ไม่แก้ไข” หน้าร้านแมคโดนัลด์ ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน โดยมีพะเยาว์หรือแม่น้องเกด และพันธ์ศักดิ์ หรือพ่อน้องเฌอ ซึ่งเป็นญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม และมีผู้ร่วมกิจกรรมคนอื่นที่แต่งกายเป็นยมทูตร่วมกันปัดกวาดถนนหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นสัญลักษณ์ของการทวงถามความยุติธรรมจากเหตุสลายการชุมนุมปี 2553 ด้วย
พะเยาว์แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการแต่งหน้าเป็นผีและนำเสื้อกั้กพยาบาลตัวเดียวกับที่ลูกสาวของเธอสวมในวันที่ถูกยิงเสียชีวิตมาสวมใส่เพื่อแสดงสัญลักษณ์
ผู้ร่วมกิจกรรมยังมีการชูแผ่นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ด้านบนเขียนข้อความว่า "บัญชีหนังหมา" ถัดลงมามีรูป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ และภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่รางรถไฟฟ้าตรงข้ามวัดปทุมวนารามเมื่อ 19 พฤษภาคม 2553 ด้วย
ระหว่างที่กิจกรรมดำเนินไปเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน และเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครมีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณทางเท้าด้านร้านแม็คโดนัลด์ราชดำเนินด้วย
หลังจากผู้ร่วมกิจกรรมทำการปัดกวาดถนนฝั่งตรงข้ามอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้ราวห้านาที เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ทำกิจกรรมรวมสี่คนได้แก่พะเยาว์ พันธ์ศักดิ์ วรรณเกียรติ ชูสุวรรณ และกฤษณะโดยตำรวจระบุว่าจัดกิจกรรมโดยไม่แจ้งการชุมนุมล่วงหน้า
ผู้ร่วมกิจกรรมถูกนำตัวมาที่ สน. สำราญราษฎร์ในเวลา 18.20 น. ต่อมาในเวลา 20.45 น. เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯต่อพะเยาว์ซึ่งเธอให้การปฏิเสธ พะเยาว์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงดึกของวันเดียวกันโดยไม่ต้องวางหลักประกันเดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า เวลา 17.45 น. ตำรวจ สน.ชนะสงคราม จับกุมพะเยาว์และพันธุ์ศักดิ์ โดยแจ้งว่ามีพฤติการณ์จัดการชุมุนมโดยไม่แจ้งตำรวจท้องที่ 18.44 น. ทั้งสองถูกนำส่งตัวไปยัง สน.สำราญราษฎร์และ พะเยาว์ เป็นผู้จัดการชุมนุมโดยไม่แจ้งท้องที่ก่อน 24 ชั่วโมง พันธุ์ศักดิ์และประชาชนที่มาร่วม อยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานเพื่อจะแจ้งข้อหาต่อไป
21 ธันวาคม 2561
1. เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 บุตรสาวของเธอ คือ กมนเกดถูกยิงเสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามในเหตุการณ์ล้อมปราบประชาชนที่ออกมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นยุบสภา จากการไต่สวนการตายของศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ว่าสาเหตุการตายของผู้เสียชีวิตทั้งหกศพที่วัดปทุมวนารามเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายใต้การบังคับบัญชาและความรับผิดชอบของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับพวก
ต่อมา คดีถูกพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนเพื่อฟ้องผู้กระทำผิดเป็นคดีอาญา แต่เมื่อเกิดรัฐประหารในปี 2557 คดีก็ไม่มีความคืบหน้า ทั้งมีข่าวการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมโดยนายทหารระดับสูง ตัวเธอเคยร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชาของนายทหารผู้นั้นแล้ว แต่เรื่องไม่ได้คืบหน้าแต่อย่างใด หลังจากนั้นก็พยายามเรียกร้องต่อพนักงานสอบสวนและอัยการมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า เธอจึงรู้สึกเสียใจและสะเทือนใจต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้เป็นอย่างยิ่ง
2. เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญและเป็นวันสิทธิมนุษยชนสากล เธอตัดสินใจไปทำกิจกรรมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งปกติจะมีการทำกิจกรรมเนื่องในวันสำคัญทางสังคมและประวัติศาสตร์ อยู่แล้วทุกปี เพื่อให้สังคมตระหนักและไม่ลืมเหตุการณ์การล้อมปราบประชาชนในปี 2553 จึงได้ทำกิจกรรม “ละครใบ้” ซึ่งเธอได้รับบทเป็นบุตรสาว โดยได้สวมชุดที่เปื้อนเลือดของลูกสาวซึ่งได้เก็บรักษาไว้ เพื่อเตือนใจและเป็นกำลังใจในการต่อสู้ และมีเพื่อนของเธอรับบทเป็นยมทูตถือบัญชีหนังหมา
3. ในบรรดาวิธีเรียกร้องเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม เธอได้พยายามตามวิถีทางของผู้เป็นแม่ที่สูญเสียลูกแล้วทุกวิถีทางที่สามารถกระทำได้ การทำกิจกรรมละครใบ้เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะแสดงออกให้สังคมไม่หลงลืมเหตุการณ์การล้อมปราบฯ และร่วมกันนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ สร้างบรรทัดฐานในกระบวนการยุติธรรมในสังคมไทย กิจกรรมดังกล่าวเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย อันเป็นการแสดงออกในกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามสิทธิตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
เธอจึงเห็นว่าการกระทำของเธอไม่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ จึงขอให้พนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนี้
หลังเสร็จสิ้นกระบวนการพนักงานสอบสวนนัดส่งตัวพะเยาว์ให้อัยการในวันที่ 24 ธันวาคม 2561
24 ธันวาคม 2561
พนักงานสอบสวนแจ้งพะเยาว์ว่ายังสรุปสำนวนไม่แล้วเสร็จ และไม่ได้แจ้งวันนัดหมายใหม่
7 มกราคม 2562
พนักงานสอบสวนแจ้งพะเยาว์ว่าลายนิ้วเมือที่เคยพิมพ์ไว้ใช้ไม่ได้ ขอให้ไปพบเพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือใหม่ แต่ปรากฎว่าเมื่อพะเยาว์ไปพบพนักงานสอบสวนกลับแจ้งว่าจะพาตัวพะเยาว์ไปส่งอัยการเลยโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า อย่างไรก็ตามหลังการพุดคุยพนักงานสอบสวนก็เลื่อนนัดให้พะเยาว์ไปพบอัยการในวันที่ 8 มกราคม 2562 แทน
8 มกราคม 2562
อัยการแจ้งให้พะเยาว์ไปพบในวันที่ 10 มกราคม 2562 ที่ศาลแขวงดุสิตเพื่อฟังคำสั่งคดี
10 มกราคม 2562
นัดฟังคำสั่งคดี
เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลว่า อัยการมีคำสั่งฟ้องคดีนี้แล้ว ศาลแขวงดุสิตนัดพะเยาว์สอบคำให้การในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 และให้ปล่อยตัวพะเยาว์ระหว่างการพิจารณาโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกันตัว
18 กุมภาพันธ์ 2562
นัดสอบคำให้การ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ในนัดนี้พะเยาว์ให้การปฏิเสธคดีนี้ต่อศาล อัยการแถลงว่าติดใจจะสืบพยานบุคคลรวมแปดปาก ได้แก่ พยานผู้เห็นเหตุการณ์รวมสามปาก เจ้าหน้าที่สน.ชนะสงครามสามปาก และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สำราญราษฎร์อีกสองปาก ฝ่ายจำเลยแถลงว่าประสงค์จะสืบพยานเพียงปากเดียวคือตัวจำเลย ศาลแขวงดุสิตกำหนดนัดสืบพยานระหว่างวันที่ 16 – 17 พฤษภาคม 2562 โดยเริ่มสืบเวลา 9.00 น.
19 กรกฎาคม 2562
นัดฟังคำพิพากษา
ศาลแขวงดุสิตขึ้นบัลลังก์ในเวลาประมาณ 9.15 น. จากนั้นก็อ่านคำพิพากษาว่าพะเยาว์มีความผิดฐานไม่แจ้งการชุมนุม ตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ มาตรา 10 วรรค 1 ซึ่งกำหนดให้ผู้จัดการชุมนุมต้องแจ้งการชุมนุมต่อเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมงก่อนเวลาชุมนุมประกอบมาตรา 28 ซึ่งกำหนดให้ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
29 กรกฎาคม 2563
นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลว่า ในเวลา 9.47 น. ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นปรับพะเยาว์เป็นเงิน 1,000 บาท ในความผิดฐานไม่แจ้งการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ