สหพันธรัฐไทคดีที่ 2: ชุมนุมใส่เสื้อดำที่สกายวอล์ค ปทุมวัน

อัปเดตล่าสุด: 09/07/2563

ผู้ต้องหา

‘ณัฐ’

สถานะคดี

ชั้นศาลชั้นต้น

คดีเริ่มในปี

2561

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

พนักงานอัยการศาลอาญากรุงเทพใต้

สารบัญ

หนึ่งในชุดคดีของกลุ่มสพันธรัฐไท จำเลยหกคนถูกกล่าวหาตามมาตรา 116 และ 209 ของประมวลกฎหมายอาญาจากการชุมนุมบริเวณสกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 5  ธันวาคม 2562 เพื่อสื่อสารแนวคิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทยให้เป็นระบบสหพันธรัฐและการแชร์เหตุการณ์วันเกิดเหตุบนเฟซบุ๊ก จำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 200,000 บาท

 

ภูมิหลังผู้ต้องหา


ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 14 (2) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ, มาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา, อื่นๆ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558
มาตรา 209 ของประมวลกฎหมายอาญา

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ตามคำฟ้องระบุว่า จำเลยทั้งหกได้ร่วมกันกระทำความผิดตามกฎหมายหลายกรรมดังนี้
 
หนึ่ง ระหว่างวันที่ 4-5 ธันวาคม 2561 จำเลยทั้งหกได้ร่วมกันเป็นอั้งยี่ด้วยการเป็นสมาชิกของกลุ่มสหพันธรัฐไท มีวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ(โกตี๋), ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ (ลุงสนามหลวง), สยาม ธีรวุฒิ, วัฒน์ วรรลยางกูรและกฤษณะ ทัพไทยเป็นหัวหัวหน้าของกลุ่มดังกล่าว ทั้งหมดหลบหนียังไม่ถูกนำตัวมาดำเนินคดี
 
 
กลุ่มดังกล่าวมีความมุ่งหมายในการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านรัฐบาลและต่อต้านคสช.เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไทยจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นระบอบสหพันธรัฐที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข และเพื่อให้ประชาชนเข้าร่วมกับกลุ่มสหพันธรัฐไทเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
 
 
สอง วันที่ 5 ธันวาคม 2561 จำเลยทั้งหกและพวกที่ยังหลบหนีไม่ได้นำตัวมาฟ้องได้จัดการชุมนุมสาธารณะที่สกายวอล์คปทุมวันอยู่ในรัศมี 150 เมตรจากวังสระปทุมอันเป็นวังที่ประทับของพระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป และไม่ได้แจ้งการชุมนุมก่อนการชุมนุมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
 
 
โดยในการรวมตัวดังกล่าวจำเลยทั้งหกได้ร่วมกันปลุกระดมสมาชิกกลุ่มผ่านสื่อสังคมออนไลน์และการแจกเอกสารใบปลิว ชักชวนสมาชิกกลุ่มและประชาชนทั่วไปให้ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านรัฐบาลและต่อต้าน คสช. ซึ่งไม่ได้อยู่ในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นการยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา
สาม เวลากลางคืนของวันที่ 5 ธันวาคม 2561 จำเลยที่หกได้ใช้เฟซบุ๊กที่ตั้งค่าเป็นสาธารณะนำเข้าภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกเหตุการณ์การรวมตัวของกลุ่มสหพันธรัฐไท ซึ่งเป็นการเผยแพร่โดยรู้อยู่แล้วว่า เนื้อหาดังกล่าวเป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร  ซึ่งไม่ได้อยู่ในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นการยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา
 
 
ในชั้นสอบสวนจำเลยที่หนึ่งถึงห้าให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จำเลยที่หกให้การรับสารภาพ

 

พฤติการณ์การจับกุม

จำเลยที่หนึ่งถึงห้าถูกควบคุมตัวในที่เกิดเหตุ ส่วนจำเลยที่หกถูกควบคุมตัวในเดือนธันวาคม 2561

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

อ.248/2562

ศาล

ศาลอาญากรุงเทพใต้

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง


5 ธันวาคม 2561
 
ตามบันทึกการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปทุมวันระบุว่า กลุ่มสหพันธรัฐไทได้นัดหมายให้มีการชุมนุมในเวลาประมาณ 12.00-14.00 น. ที่บริเวณสกายวอล์คปทุมวัน ต่อมาเวลา 13.00 น. ตำรวจได้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวพบว่า มีกลุ่มคนสวมเสื้อสีดำและติดเครื่องหมายแถบสีขาวแดงขาวอยู่บริเวณดังกล่าว แต่ไม่ได้รวมตัวกันและไม่พบการกระทำความผิด ตำรวจได้สอบปากคำผู้ต้องหาที่หกและหญิงอีกหนึ่งราย ทั้งสองให้ความร่วมมือ แต่ไม่สามารถสืบทราบได้ว่า หลังจากนั้นตำรวจได้ปล่อยตัวหรือควบคุมตัวทั้งสองหรือไม่ อย่างไร
 
 
ต่อมาเวลา 17.00 น. มีกลุ่มคนประมาณ 20 คนยืนรวมตัวกันใส่เสื้อสีดำ กางธงสีขาวแดงขาว ตรงกลางธงเขียนว่า THAI FEDERATION แล้วมีการเดินรอบสกายวอล์คปทุมวันสองรอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปทุมวันได้เข้าไปแสดงตัวและควบคุมตัวผู้ต้องหาที่หนึ่งถึงห้า โดยได้นำตัวผู้ต้องหาที่หนึ่งไปสอบสวนที่มณฑลทหารบกที่ 11
 
 
6 ธันวาคม 2561
 
เวลา 19.00 น. ตำรวจอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 และ 13/2559 เข้าค้นที่พักของหญิงรายหนึ่ง ตรวจค้นจนกระทั่งเวลา 19.30 น. ไม่พบสิ่งต้องสงสัยหรือผิดกฎหมายแต่อย่างใด
 
 
11 ธันวาคม 2561
 
เจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวผู้ต้องหาที่หนึ่งไปส่งมอบให้แก่พนักงานสอบสวนเพื่อควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่หนึ่งว่า ร่วมกันชุมนุมทางการเมืองฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558, ร่วมกันชุมนุมสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันชุมนุมสาธารณะในระยะไม่เกิน 150 เมตรจากวังสระปทุม ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ชุมนุมฯและเป็นความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
 
 
พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาที่หนึ่งยื่นขอฝากขังผลัดที่หนึ่งต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยเอกสารขอฝากขังลงวันที่ 7 ธันวาคม 2561
 
 
26 ธันวาคม 2561
 
ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาที่หกที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อซักถาม
 
 
1 มกราคม 2561
 
เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารนำตัวผู้ต้องหาที่หกจากมณฑลทหารบกที่ 11 มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้
 
 
21 มกราคม 2562
 
พนักงานอัยการได้มีหนังสือสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาหก เรื่องให้สอบสวนเพิ่มเติม โดยให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาว่า การกระทำของผู้ต้องหาทั้งห้าเป็นความผิดฐานอั้งยี่ตามมาตรา 209 ของประมวลกฎหมายอาญา
 
 
24 มกราคม 2562
 
พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดี ตามคำฟ้องระบุว่า จำเลยทั้งหกได้ร่วมกันกระทำความผิดตามกฎหมายหลายกรรมดังนี้
 
หนึ่ง ระหว่างวันที่ 4-5 ธันวาคม 2561 จำเลยทั้งหกได้ร่วมกันเป็นอั้งยี่ด้วยการเป็นสมาชิกของกลุ่มสหพันธรัฐไท มีวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ(โกตี๋), ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ (ลุงสนามหลวง), สยาม ธีรวุฒิ, วัฒน์ วรรลยางกูรและกฤษณะ ทัพไทยเป็นหัวหัวหน้าของกลุ่มดังกล่าว ทั้งหมดหลบหนียังไม่ถูกนำตัวมาดำเนินคดี
 
กลุ่มดังกล่าวมีความมุ่งหมายในการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านรัฐบาลและต่อต้านคสช.เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไทยจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นระบอบสหพันธรัฐที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข และเพื่อให้ประชาชนเข้าร่วมกับกลุ่มสหพันธรัฐไทเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
 
สอง วันที่ 5 ธันวาคม 2561 จำเลยทั้งหกและพวกที่ยังหลบหนีไม่ได้นำตัวมาฟ้องได้จัดการชุมนุมสาธารณะที่สกายวอล์คปทุมวันอยู่ในรัศมี 150 เมตรจากวังสระปทุมอันเป็นวังที่ประทับของพระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป และไม่ได้แจ้งการชุมนุมก่อนการชุมนุมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
 
โดยในการรวมตัวดังกล่าวจำเลยทั้งหกได้ร่วมกันปลุกระดมสมาชิกกลุ่มผ่านสื่อสังคมออนไลน์และการแจกเอกสารใบปลิว ชักชวนสมาชิกกลุ่มและประชาชนทั่วไปให้ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านรัฐบาลและต่อต้าน คสช. ซึ่งไม่ได้อยู่ในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นการยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา
 
สาม เวลากลางคืนของวันที่ 5 ธันวาคม 2561 จำเลยที่หกได้ใช้เฟซบุ๊กที่ตั้งค่าเป็นสาธารณะนำเข้าภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกเหตุการณ์การรวมตัวของกลุ่มสหพันธรัฐไท ซึ่งเป็นการเผยแพร่โดยรู้อยู่แล้วว่า เนื้อหาดังกล่าวเป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร  ซึ่งไม่ได้อยู่ในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นการยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา
 
ในชั้นสอบสวนจำเลยที่หนึ่งถึงห้าให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จำเลยที่หกให้การรับสารภาพ
 
 
22 เมษายน 2562
นัดตรวจพยานหลักฐาน
 
เวลา 14.00 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี สอบคำให้การจำเลย ตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์และจำเลย ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยทั้งหกฟังและสอบถามว่า จำเลยได้กระทำความผิดจริงหรือไม่ จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ทนายจำเลยที่สองและห้ายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี เนื่องจากติดว่าความที่ศาลอื่นที่นัดไว้ก่อนแล้ว สอบถามแล้วคู่ความไม่ค้านเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยานไปวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เวลา 9.00 น.
 
 
1 กรกฎาคม 2562
นัดตรวจพยานหลักฐาน
 
ทนายจำเลยทั้งหกมาพร้อมที่ศาล โจทก์แถลงว่า จะนำพยานเข้าสืบจำนวน 14 ปาก จำเลยทั้งหกแถลงร่วมกันว่า จำเลยทั้งหกจะอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานและนำเข้าพยานอื่นเข้าสืบอีก 3 ปาก รวมพยานจำเลยทั้งหมด 9 ปาก แนวทางการต่อสู้ของจำเลยทั้งหก คือ จำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14-16 กรกฎาคม 2563 และสืบพยานจำเลยวันที่ 17,21-22 กรกฎาคม 2563
 
 
14-16 กรกฎาคม 2563
นัดสืบพยานโจทก์

 
17,21-22 กรกฎาคม 2563
นัดสืบพยานจำเลย

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา