- คดีชุมนุม, ฐานข้อมูลคดี
สิรวิชญ์ตั้งโต๊ะปิดสวิตซ์ ส.ว. ที่เชียงราย
อัปเดตล่าสุด: 10/07/2563
ผู้ต้องหา
สิรวิชญ์
สถานะคดี
ชั้นศาลชั้นต้น
คดีเริ่มในปี
2562
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
ไม่มีข้อมูล
สารบัญ
วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 กลุ่ม Startup People โดยสิรวิชญ์และธนวัฒน์ ได้เดินทางมาตั้งโต๊ะเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงชื่อและเขียนข้อความลงในจดหมายเพื่อส่งถึงสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ที่ถูกเลือกโดยคสช.เรียกร้องให้ไม่ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เคารพต่อเจตจำนงของประชาชน ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย จังหวัดเชียงราย
จากพฤติการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกผู้ชุมนุมทั้งหมดเจ็ดคนด้วยกัน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตชุมนุม ตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ อัยการสั่งฟ้องคดีต่อศาลแขวงเชียงรายในวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 จากนั้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 จำเลยทั้งเจ็ดคนให้การปฏิเสธต่อศาลและศาลนัดสืบพยานระหว่างวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2563
ภูมิหลังผู้ต้องหา
สิรวิชญ์ หรือ "นิว" ภูมิลำเนาเดิมมาจากจังหวัดนครราชสีมา จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยอยู่ชั้นปี 1-2 เคยทำงานอยู่ในสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนต่อมาเข้าร่วมกลุ่มสภาหน้าโดม เคยเป็นแกนนำเรียกร้องความเป็นธรรมเรื่องค่าอาหารของโรงอาหารกลางที่สูงเกินไป
หลังการรัฐประหาร 2557 สิรวิชญ์เข้าร่วมหรือเป็นผู้จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์คัดค้านการรัฐประหารหรือประท้วงคสช.หลายครั้งจนถูกดำเนินคดีชุมนุมฝ่าฝืนประกาศคสช.ฉบัที่ 7/2557 และ คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 จากการทำกิจกรรมเลือกตั้งที่(รัก)ลักที่หอศิลป์กรุงเทพและกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ นอกจากนี้ก็ถูก ดำเนินคดีในความผิดตามพ.ร.บ.ความสะอาดฯจากการจัดกิจกรรมโพสต์สิทธิ ปะโพสต์อิทที่สกายวอล์กบีทีเอสช่องนนทรีย์เพื่อเรียกร้องให้คสช. ปล่อยตัวประชาชนที่ถูกคสช.ควบคุมตัวในช่วงเดือนเมษายนปี 2559
ธนวัฒน์ เป็นชาวจังหวัดเชียงใหม่ ขณะเกิดเหตุศึกษาอยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ธนวัฒน์เคยเป็นประธานนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ได้ลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 เพื่อประท้วงกรณีที่กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบางคนไม่ยอมยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ
วิทยา อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีจังหวัดเชียงราย แกนนำกลุ่มคนเจียงฮายรักประชาธิปไตย
สราวุทธิ์ ปิดกิจการรับตัดแว่นและขายแว่นตาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเขาและภรรยามีลูก 2 คน คนโตอายุ 5 ปี และคนเล็กเพิ่งคลอดอายุ 3 เดือน สราวุทธิ์เคยเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงในช่วงปี 2553 หลังจากนั้นก็ติดตามการเมืองมาโดยตลอด แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้สังกัดกลุ่มใด ส่วนมากสราวุทธิ์มักใช้วิธีแสดงความคิดเห็นทางการเมืองบนโลกออนไลน์ ทำคลิปวีดีโอล้อเลียน เฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาจึงมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก
หลังการรัฐประหาร สราวุทธิ์ถูกทหารควบคุมตัวในค่ายเม็งรายมหาราชเป็นเวลา 7 วัน ก่อนถูกแจ้งข้อหากล่าวว่า ฝ่าฝืนประกาศ คสช.ที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง จากกรณีที่เขากับเพื่อนไปชูป้ายในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ทำกิจกรรมกินแมคโดนัลด์ต้านรัฐประหาร เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวเขาไปเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 คดีนี้ ศาลทหาร มทบ.37 จังหวัดเชียงราย พิพากษาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2557 ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท และคดีมีเหตุอันควรปราณีเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี ศาลจึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 1 ปี และให้จ่ายค่าปรับ 5,000 บาท
สมสิน แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงแม่จัน
มะยูรี นักกิจกรรม
จิตต์ศจีฐ์ เปิดร้านทำผมอยู่ในอำเภอเมืองเชียงราย โดยยึดอาชีพทำผมและเสริมสวยมากว่า 20 ปีแล้ว จิตต์ศจีฐ์มีลูกสองคน ลูกสาวคนเล็กยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงราย เธอสนใจการเมืองมาตั้งแต่วัยรุ่น ช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เธอใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯแม้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่เนื่องจากที่พักไม่ไกลจากสนามหลวงมากนัก ทำให้เธอเห็นแสงไฟของปืนจากดาดฟ้าของตึกที่เธออยู่ นำไปสู่ความฝังตาฝังใจถึงความรุนแรงและความโหดร้ายที่นักศึกษาถูกกระทำและตั้งคำถามเรื่องความไม่ยุติธรรมในสังคม ทำให้เมื่อถึงวัยผู้ใหญ่ทำให้เธอเป็นคนสนใจการเมืองคนนึง และได้เป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรมเข้าร่วมการชุมนุมเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงตั้งแต่ในปี 2552 จิตต์ศจีฐ์เดินทางไปร่วมกิจกรรมหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องจากมาเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ช่วงวาเลนไทน์พอดี และได้เห็นข่าวกิจกรรมจากเพื่อนในเฟซบุ๊กจึงได้แวะเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มนักศึกษาและถูกดำเนินคดีในเวลาต่อมา
ข้อหา / คำสั่ง
พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนสรุปคำฟ้องของอัยการว่า ตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ นายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดวิธีการแจ้งการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและจำเลยทั้งเจ็ดได้ทราบแล้ว
ต่อมาในวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 จำเลยทั้งเจ็ดเป็นผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมและได้ร่วมกันจัดการชุมนุม เพื่อกระตุกมโนสำนึกของสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะต่อผู้รับแจ้งตามกฎหมาย ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
พฤติการณ์การจับกุม
ไม่มีการจับกุม
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
ไม่มีข้อมูล
หมายเลขคดีดำ
อ.680/2563
ศาล
ศาลแขวงเชียงราย
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูล
แหล่งอ้างอิง
ภาพ cover โดย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
16 พฤษภาคม 2562
กลุ่ม Startup People โดยสิรวิชญ์และธนวัฒน์ ได้เดินทางมาตั้งโต๊ะเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงชื่อและเขียนข้อความลงในจดหมายเพื่อส่งถึงสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ที่ถูกเลือกโดยคสช.เรียกร้องให้ไม่ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เคารพต่อเจตจำนงของประชาชน ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย จังหวัดเชียงราย
กลุ่ม Startup People โดยสิรวิชญ์และธนวัฒน์ ได้เดินทางมาตั้งโต๊ะเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงชื่อและเขียนข้อความลงในจดหมายเพื่อส่งถึงสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ที่ถูกเลือกโดยคสช.เรียกร้องให้ไม่ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เคารพต่อเจตจำนงของประชาชน ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย จังหวัดเชียงราย
เดือนมิถุนายน 2562
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ผู้ชุมนุมทั้งเจ็ดคน เรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 11 มิถุนายน 2562
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ผู้ชุมนุมทั้งเจ็ดคน เรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 11 มิถุนายน 2562
11 มิถุนายน 2562
ผู้ถูกออกหมายเรียกหลายรายติดภารกิจในวันนี้ จึงมอบหมายให้ทนายความทำหนังสือขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาออกไปในวันที่ 19 มิถุนายน 2562
ผู้ถูกออกหมายเรียกหลายรายติดภารกิจในวันนี้ จึงมอบหมายให้ทนายความทำหนังสือขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาออกไปในวันที่ 19 มิถุนายน 2562
19 มิถุนายน 2562
ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า สิรวิชญ์ ธนวัฒน์ และชาวจังหวัดเชียงรายอีกห้าคน เข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.เมืองเชียงราย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ
15 กรกฎาคม 2562
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งเจ็ดคนต่ออัยการคดีศาลแขวงเชียงราย ในวันนี้ผู้ต้องหาหกคนเข้ารายงานตัวตามนัดส่วนสิรวิชญ์ ผู้ต้องหาอีกคนหนึ่งไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวได้เนื่องจากต้องไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย หลังเสร็จสิ้นกระบวนการอัยการนัดผู้ต้องหาเข้าพบในวันที่ 19 กรกฎาคม 2562 เพื่อฟังคำสั่งคดี
19 กรกฎาคม 2562
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า อัยการคดีศาลแขวงเชียงรายมีคำสั่งเลื่อนการสั่งคดีออกไปเพราะอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง จึงเลื่อนไปสั่งคดีในวันที่ 20 สิงหาคม 2562
20 กันยายน 2562
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า อัยการคดีศาลแขวงเชียงรายมีคำสั่งเลื่อนการสั่งคดีออกไปโดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนคาดว่าอัยการน่าจะเลื่อนการสั่งคดีออกไปเพราะได้สั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าผู้ต้องหาคนใดบ้างที่เป็นผู้จัดการชุมนุมเพราะข้อกล่าวหาที่ใช้ฟ้องเป็นความผิดของผู้จัดการชุมนุมไม่รวมถึงผู้ร่วมการชุมนุม โดยให้เลื่อนไปฟังคำสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 29 ตุลาคม 2562
29 ตุลาคม 2562
อัยการมีคำสั่งเลื่อการสั่งคดีออกไปอีกหนึ่งนัด จากนั้นอัยการก็นัดผู้ต้องหามารายงานตัวเป็นระยะประมาณเดือนและหนึ่งครั้งแต่ก็เลื่อนออกไปจนกระทั่่งมาสั่งฟ้องในเดือนพฤษภาคม 2563
5 พฤษภาคม 2563
นัดฟังคำสั่งอัยการ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า อัยการคดีศาลแขวงเชียงรายนัดผู้ต้องหาทั้งเจ็ดเข้าพบที่ศาลแขวงเชียงรายเพื่อฟังคำสั่งคดี เนื่องจากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งเจ็ดในวันนี้พวกเขาจึงถูกควบคุมตัวในห้องควบคุมตัวของศาลระหว่างที่อัยการดำเนินขั้นตอนฟ้องคดี
ระหว่างที่อัยการดำเนินการฟ้องคดีทนายจำเลยก็ร้องขอให้ศาลปล่อยตัวจำเลยทั้งเจ็ดโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์โดยให้เหตุผลว่าคดีนี้มีเพียงโทษปรับและจำเลยทั้งเจ็ดเป็นเพียงบุคคลธรรมดาที่ไม่อาจยุ่งเยิงกับพยานหลักฐานได้
หลังศาลรับฟ้องอัยการได้ถามคำให้การจำเลยทั้งเจ็ดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จำเลยทั้งเจ็ดให้การปฏิเสธ จากนั้นศาลให้จำเลยทั้งเจ็ดสาบานตนและปล่อยตัวโดยไม่ต้องวางเงินประกันตัว จากนั้นศาลกำหนดวันนัดคุ้มครองสิทธิเสรีภาพเป็นวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 และนัดวันสอบคำให้การวันที่ 1 มิถุนายน 2563
ศูนย์ทนายความระบุด้วยว่าผู้ต้องหาทั้งเจ็ดต้องเดินทางมาพบอัยการเพียงเพื่อเซ็นรับทราบคำสั่งเลื่อนนัดจนกระทั่งอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องในวันนี้รวมสิบครั้งซึ่งเป็นภาระกับจำเลยพอสมควรโดยเฉพาะจำเลยที่ต้องเดินทางมาจากจังหวัดอื่น
ศูนย์ทนายความระบุด้วยว่าผู้ต้องหาทั้งเจ็ดต้องเดินทางมาพบอัยการเพียงเพื่อเซ็นรับทราบคำสั่งเลื่อนนัดจนกระทั่งอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องในวันนี้รวมสิบครั้งซึ่งเป็นภาระกับจำเลยพอสมควรโดยเฉพาะจำเลยที่ต้องเดินทางมาจากจังหวัดอื่น
1 มิถุนายน 2563
นัดสอบคำให้การ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า จำเลยทั้งเจ็ดร้องขอให้ศาลยกเลิกนัดคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเนื่องจากจำเลยทั้งเจ็ดให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดี ศาลอนุญาต จากนั้นศาลสอบคำให้การ
จำเลยทั้งเจ็ดให้การปฏิเสธ โดยประเด็นหลักที่จำเลยจะต่อสู้คดีได้แก่ ลักษณะของกิจกรรมไม่ถือเป็นการชุมนุมสาธารณะ และจำเลยหลายคนในคดีก็ไม่ใช่ผู็จัดการชุมนุม
อัยการแถลงต่อศาลว่าจะนำพยานเข้าสืบรวม แปดปาก ได้แก่ ผู้พบเห็นการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ในองค์กรส่วนท้องถิ่นซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบถามเกี่ยวกับการชุมนุมเป็นต้นทนายจำเลยแถลงว่าจะนำพยานเข้าสืบรวมเก้าปาก ได้แก่จำเลยทั้งเจ็ดและพยานผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ
ศาลนัดสืบพยานระหว่างวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2563
คำพิพากษา
ไม่มีข้อมูล