‘สายน้ำ’ : แชร์โพสต์พล.อ.ประยุทธ์หนีคดีกบฏจากเพจKonthaiUK

อัปเดตล่าสุด: 11/05/2563

ผู้ต้องหา

‘สายน้ำ’

สถานะคดี

ชั้นศาลชั้นต้น

คดีเริ่มในปี

2561

โจทก์ / ผู้กล่าวหา

ไม่มีข้อมูล

สารบัญ

เฟซบุ๊กชื่อว่า KhonthaiUK โพสต์ภาพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความบรรยายประกอบภาพว่า “กูจะพาคนไม่กราบขอโทษมึงถึงที่ อย่าหลบแระกัน ๑๐ Downing ST. Westminster, London SW๑A ๒AA 20 มิ.ย. ลุงตูบไปอังกฤษพกเมียและลูกหลบภัย 22 มิ.ย. ศาลฎีการับฟ้องว่าลุงตูบเป็นกบฏ” และมีรูปภาพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กับข้อความว่า “กราบ กราบ กราบ ขออภัยท่านพี่ทั้งสองแระกัน เห็นข่าวที่บอกท่านพี่ บิ๊กตู่, ป้อม จะซื้อดาวเทียม 91,2000 ล้านมาเก็บไว้ซ่อม แดกส่วนต่างไม่ซื้อแล้ว ก็ไม่ว่าอะไร แค่นี้ต้องออกหมายจับด้วยเหรอ ถ้าไม่จริงจะร้อนตัวทำไม หรือรับไม่ได้กับเรื่องจริง” ซึ่งจำเลยทั้งสิบคนในคดีนี้ได้แชร์ภาพประกอบข้อความดังกล่าวไป
 
 
ต่อมาพ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายคสช.ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้สืบสวนหาเจ้าของเพจเฟซบุ๊กและผู้แชร์ข้อความดังกล่าว เนื่องจากเป็นข้อความที่เข้าข่ายการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนตามมาตรา 14(2),(5) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

 

ภูมิหลังผู้ต้องหา


ข้อหา / คำสั่ง

มาตรา 14 (2) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ

การกระทำที่ถูกกล่าวหา

ตามคำฟ้องระบุว่า วันที่ 13 มิถุนายน 2561 วัฒนา เอ็บเบจช์ ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อว่า KHONTHAIUKโพสต์ภาพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความบรรยายประกอบภาพว่า “กูจะพาคนไม่กราบขอโทษมึงถึงที่ อย่าหลบแระกัน ๑๐ Downing ST. Westminster, London SW๑A ๒AA 20 มิ.ย. ลุงตูบไปอังกฤษพกเมียและลูกหลบภัย 22 มิ.ย. ศาลฎีการับฟ้องว่าลุงตูบเป็นกบฏ” และมีรูปภาพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กับข้อความว่า “กราบ กราบ กราบ ขออภัยท่านพี่ทั้งสองแระกัน เห็นข่าวที่บอกท่านพี่ บิ๊กตู่, ป้อม จะซื้อดาวเทียม 91,2000 ล้านมาเก็บไว้ซ่อม แดกส่วนต่างไม่ซื้อแล้ว ก็ไม่ว่าอะไร แค่นี้ต้องออกหมายจับด้วยเหรอ ถ้าไม่จริงจะร้อนตัวทำไม หรือรับไม่ได้กับเรื่องจริง”
 
 
ซึ่งภาพและข้อความดังกล่าวปรากฏบนเฟซบุ๊กเพจ KhonthaiUKซึ่งผู้เข้าถึงโพสต์ดังกล่าวอ่านและเข้าใจได้ว่า ขณะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปราชการที่ประเทศอังกฤษจะใช้โอกาสดังกล่าวพาภรรยาและบุตรไปอาศัยที่ประเทศอังกฤษเพื่อหลบหนีคดีที่ศาลฎีกาจะนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 มิถุนายน 2561 คดีนี้เป็นคดีที่กลุ่มคัดค้านรัฐบาลยื่นฟ้องคสช.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าคสช.ในความผิดฐานกบฏ ซึ่งถือเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จเพราะความจริงแล้วระหว่างวันที่ 20-22 มิถุนายน 2561 พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ
 
 
อีกทั้งในวันที่ 22 มิถุนายน 2561 ที่ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษานั้นเป็นเพียงแค่การวินิจฉัยว่า จะให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ไว้พิจารณาหรือไม่เท่านั้น ยังไม่ใช้การตัดสินคดีว่า คสช.ได้กระทำความผิดข้อหากบฏตามฟ้องหรือไม่ ข้อมูลดังกล่าวเป็นการสร้างความสับสนเข้าใจผิดแก่ประชาชน จนอาจเป็นช่องว่างให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ และมีผู้เข้าใจผิดร่วมกันสร้างแนวร่วมต่อต้านรัฐบาล ทำให้เกิดความขัดแย้งอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศตลอดจนสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
 
 
โดยจำเลยทั้งสิบได้แชร์ข้อความดังกล่าวไปยังเฟซบุ๊กของจำเลยทั้งสิบอันเป็นการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยที่รู้อยู่แล้วว่า เป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนตามมาตรา 14(2),(5) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

 

พฤติการณ์การจับกุม

ไม่มีข้อมูล

บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล

ไม่มีข้อมูล

หมายเลขคดีดำ

ไม่มีข้อมูล

ศาล

ศาลอาญา

เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

ไม่มีข้อมูล

13 มิถุนายน 2561


เฟซบุ๊กชื่อว่า Khonthai UKโพสต์ภาพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความบรรยายประกอบภาพว่า “กูจะพาคนไม่กราบขอโทษมึงถึงที่ อย่าหลบแระกัน ๑๐ Downing ST. Westminster, London SW๑A ๒AA 20 มิ.ย. ลุงตูบไปอังกฤษพกเมียและลูกหลบภัย 22 มิ.ย. ศาลฎีการับฟ้องว่าลุงตูบเป็นกบฏ”

 

18 มิถุนายน 2561


คณะทำงานด้านกฎหมาย ส่วนงานรักษาความสงบเรียบร้อย สำนักเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีหนังสือเรื่อง มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่แจ้งความร้องทุกข์/กล่าวโทษ มอบอำนาจให้พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก มาเป็นผู้ร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับวัฒนา เอ็บเบจช์ ผู้ดูแลบัญชีแฟนเพจเฟซบุ๊ก KHONTHAIUK และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป


19 มิถุนายน 2561

เว็บไซต์กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรายงานข่าวพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ระบุว่า  ตามที่มีบุคคลนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยได้มีการโพสต์บทความบิดเบือนให้ร้ายรัฐบาลในเพจเฟซบุ๊ก “KonthaiUk” ทำให้ประชาชนที่ได้รับสื่อเกิดความตื่นตระหนก และหลงเชื่อได้ว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง


เจ้าของเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวคือ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Watana Ebbage” โดยสืบสวนทราบว่าคือ วัฒนา เอ็บเบจช์ อายุ 56 ปี อาศัยอยู่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าวในความผิดตามมาตรา 14(2)  ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และยังได้มีการดำเนินคดีกลุ่มบุคคลที่แชร์โพสต์ดังกล่าวไปแล้วสองรายและอยู่ระหว่างออกหมายเรียกแปดราย


23 กรกฎาคม 2561

สำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือเรื่อง มอบหมายหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีความซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรระบุว่า จากการพิจารณาเห็นว่า การกระทำของผู้ต้องหาในคดีนี้กับพวกเป็นความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยและได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทำการสอบสวน ให้พนักงานอัยการเป็นผู้ร่วมสอบสวนร่วมด้วย

 

เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบทำความเห็นส่งพร้อมสำนวนการสอบสวนให้แก่พนักงานอัยการในท้องที่ ซึ่งมีเขตอำนาจในการดำเนินคดีส่งไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาสั่งคดี

 

18 กันยายน 2561

สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทำหนังสือเรื่อง การตรวจสอบข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์แจ้งต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีระบุว่า ปัจจุบันยังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก KhonthaiUK ได้ เนื่องจากผู้บริหารของเฟซบุ๊กอยู่ต่างประเทศและไม่ปรากฏไอพีแอดเดรสหรืออีเมล์ที่ใช้สมัครแก่สาธารณะ

 


4 กุมภาพันธ์ 2563
นัดสืบพยานโจทก์

 

5 กุมภาพันธ์ 2563
นัดสืบพยานโจทก์

 

6 กุมภาพันธ์ 2563
นัดสืบพยานโจทก์

 

พยานโจทก์ปากที่หก พ.ต.อ.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา พนักงานสอบสวน


พ.ต.อ.กฤช เบิกความว่า รับราชการอยู่ที่กองกำกับการสาม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เกี่ยวข้องกับคดีนี้เนื่องจากเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ มีอำนาจในการสอบสวนคดีอาญา โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาคือ ร.ต.อ. หญิงพัชรี วงศ์บุญและร.ต.อ.เครือวงศ์ ขมิ้นเครือ

 

วันที่ 18 มิถุนายน 2561 พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ (ยศในขณะนั้น) รับมอบอำนาจจากคสช.ร้องทุข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยในคดีนี้ และทำการสอบสวนผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK จากการให้การของพ.อ.บุรินทร์ระบุว่า ข้อความที่ปรากฏในเฟซบุ๊กและเป็นเหตุในคดีนี้เป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จและเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ตามมาตรา 14(2),(5) ชองพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยก่อนหน้าที่พ.อ.บุรินทร์จะมาร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีนี้  มีการแจ้งความดำเนินคดีเพจดังกล่าวไว้แล้ว ทำให้พนักงานสอบสวนทราบว่า เจ้าของเพจ KhonthaiUK คือ วัฒนา เอ็บเบจช์

 

นอกจากการสอบปากคำพ.อ.บุรินทร์แล้วยังได้สอบปากคำประชาชนไว้ด้วย โดยได้ออกไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มาเที่ยวตลาดนัดโอทอปที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยสอบถามว่า อ่านข้อความตามฟ้องแล้วมีความตื่นตระหนกหรือไม่ จากการสำรวจความคิดเห็นและสอบปากคำทั้งหมดสามคนพบว่า อ่านข้อความแล้วรู้สึกตกใจ การโพสต์ข้อความแบบนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตได้ แต่ไม่มีประชาชนคนใดให้การว่า อ่านข้อความแล้วเกิดความตื่นตระหนก

 

รวมทั้งยังได้สอบปากคำ ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชไว้ด้วย โดยให้ความเห็นว่า การโพสต์ข้อความที่เป็นเหตุในคดีนี้จะสร้างความสับสนและความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนได้ เนื่องจากว่า ช่วงเวลาดังกล่าวมีความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาล หากมีดังกล่าวออกมาในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำประเทศไม่อยู่ในประเทศอาจมีผู้ไม่หวังดีก่อเหตุความวุ่นวายส่งผลต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ ศาลถามว่า ผศ.ทวีได้บอกเหตุที่จะเกิดหรือไม่ พ.ต.อ.กฤชบอกว่า ไม่ได้บอกเหตุที่จะเกิดและขณะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ

 

พ.ต.อ.กฤช เบิกความต่อว่า เขาได้สอบสวนพ.อ.เดชาวุธ คุ้มนัดดา ฝ่ายกฎหมายของกองอำนวยการความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับผิดชอบด้านการข่าวและข้อกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง พ.อ.เดชาวุธให้การว่า โพสต์ดังกล่าวจะก่อให้เกิดความไม่สงบได้ อ่านแล้วน่าจะก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย ประชาชนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงจะเข้าใจว่า ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปราชการในวันที่ 20-25 มิถุนายน 2561 ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาในความผิดฐานกบฏ เป็นโอกาสให้ผู้ไม่หวังดียุยงปลุกปั่นสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองได้

 

ศาลถามว่า วันที่ 22 มิถุนายน 2561 เป็นนัดฟังคำสั่งรับฟ้องหรือนัดฟังคำพิพากษา พ.ต.อ.กฤชตอบว่า นัดฟังคำสั่ง ไม่ใช่นัดตัดสินคดี จากการสอบสวนพบว่า มีผู้แชร์ข้อความดังกล่าว 11 คน แต่สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้เพียงสิบคน โดยผู้ตรวจสอบบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กคือ พ.ต.ท.พันธุ์ล้าน ปฐมพรวิวัฒน์ ฝ่ายสืบสวน กองกำกับการหนึ่ง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในส่วนของวัฒนา เอ็บเบจช์ ผู้โพสต์ พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับ

 

อย่างไรก็ตามคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ พ.ต.อ.กฤชได้ทำการสอบสวนและตรวจสอบบัญชีผู้ใช้กับสำนักปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพบว่า ผู้ใช้เพจดังกล่าวอยู่ในต่างประเทศ จึงได้ทำหนังสือขออนุญาตไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดในการสอบสวนคดีนี้ ต่อมาสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งอนุญาต โดยให้ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ

 

ต่อมาจึงได้ดำเนินคดีมาตรา 14(5) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในฐานะผู้เผยแพร่และส่งต่อข้อความ พ.ต.อ.กฤช.ได้ออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 11 คนมาพบพนักงานสอบสวน มีจำนวนสิบคนเข้าพบ เหลือเพียงหนึ่งคนไม่ยอมเข้าพบพนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายจับไว้ ในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาสิบคนที่เข้าพบนั้นแต่ละคนให้การแตกต่างกันไป จำเลยที่หนึ่ง ที่หกและที่เจ็ดให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่เหลือให้การรับสารภาพว่า มีการส่งต่อข้อความดังกล่าวจริง แต่คิดว่า ข้อความดังกล่าวไม่ได้มีความผิดตามข้อกล่าวหา

 

ทนายจำเลยถามค้าน
ทนายจำเลยที่สามและสี่ถามค้าน

ทนายจำเลยถามว่า ตามเอกสารปรากฏว่า การสอบปากคำจำเลยที่สามและสี่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 แต่การขออนุญาตสอบสวนจากสำนักงานอัยการสูงสุดเกิดขึ้นเมือวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ศาลแย้งว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการกระทำความผิดเกิดขึ้นภายในประเทศ และก่อนการขออนุญาตเพื่อสอบสวนคดีในต่างประเทศก็ต้องทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงประกอบไปก่อน พ.ต.อ.กฤช เสริมตอบว่า เป็นเช่นนั้น ซึ่งเมื่อขออนุญาตสอบสวนคดีจากสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุดอาจไม่เห็นด้วยก็เป็นได้

 

ทนายจำเลยถามว่า ในวันที่ 19 มิถุนายน 2561 เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาต่อจำเลยทั้งหมดเหตุการณ์ที่โพสต์ยังไม่เกิดขึ้นแล้วท่านทราบได้อย่างไรว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นจริงในอนาคต ทั้งยังไม่ได้มีการขอหมายกำหนดการไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ศาลบอกว่า ช่างเขา มันผิดตั้งแต่ลงแล้ว การเดินทางของพล.อ.ประยุทธ์หรือหมายกำหนดการเป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญที่ข้อความดังกล่าวเป็นการยุยงปลุกปั่นหรือไม่


ทนายจำเลยถามว่า พ.อ.เดชาวุธบอกว่า ข้อความตามฟ้องกระทบต่อความมั่นคง ท่านไม่ได้ถามว่า กระทบต่อความมั่นคงอย่างไรใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤชตอบว่า พ.อ.เดชาวุธใช้คำว่า น่าจะเกิด ศาลกล่าวว่า กฎหมายใช้คำว่า น่าจะเกิด หากมันไม่ปรากฏว่า เขาสอบก็ไม่ต้องถาม โจทก์มีหน้าที่ต้องสอบสวนพิสูจน์ ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนของโจทก์ก็ไม่จำเป็นถาม

 

ทนายจำเลยถามว่า ตอนที่ทำการสอบปากคำจำเลยที่สามและสี่ ทั้งสองคนไม่มีทนายความอยู่ด้วยใช่หรือไม่ ศาลบอกว่า ในเรื่องรับหรือไม่รับนั้นจดไปแล้วว่า จำเลยทั้งสองรับว่า เป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก แต่เข้าใจว่า ข้อความที่โพสต์ไม่ได้เป็นความผิด

 

ทนายจำเลยที่แปดถามค้าน

ทนายจำเลยถามว่า พ.อ.บุรินทร์ที่เป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้ยังเป็นผู้กล่าวหาในคดีอื่นๆอีกหลายคดีใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤชรับว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า และพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้องทุกคดี พ.ต.อ.กฤชตอบว่า หลายคดีไม่ใช่ทุกคดี ทนายจำเลยถามว่า คดีลักษณะนี้จะมีตำรวจท่องเที่ยวไปนำตัวจำเลยไปพบที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.กฤชตอบว่า “มีการออกหมายเรียก แต่การเดินทางของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการอำนวยความ1สะดวก ในส่วนของตำรวจ….” พ.ต.อ.กฤชยังกล่าวไม่ทันจบ ศาลตัดบทและตอบว่า กรณีเช่นนี้ถามไปพยานก็ไม่ยอมรับ

 

ทนายจำเลยถามต่อว่า คดีความผิดตามมตรา 14(5) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ส่วนใหญ่ข้อความจะมีความเกี่ยวข้องกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณและคสช. ซึ่งจะมีผู้รับมอบอำนาจจากคสช.มาร้องทุกข์ ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤชรับว่า ใช่

 

ทนายจำเลยที่เก้าถามค้าน

ทนายจำเลยถามว่า จากการสอบสวนจำเลยทั้งสิบคนไมได้รู้จักกับผู้โพสต์ วัฒนา เอ็บเบจช์ที่อยู่ที่ประเทศอังกฤษใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤชรับว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า ข้อความที่เป็นเหตุในคดีนี้ก็ตั้งค่าเป็นสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤชตอบว่า ใช่

 

ทนายจำเลยถามว่า จากการที่ทำสำนวนในพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ การวิจารณ์เรื่องการเมืองมีอยู่สม่ำเสมอ การรับข้อมูลก็แล้วแต่ความสนใจของประชาชนแต่ละคนใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤชตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า ข้อความที่ปรากฏในเพจ KhonthaiUK เป็นลักษณะการแซะรัฐบาลใช่หรือไม่ ศาลบอกว่า ผ่านๆคำถามนี้ ทนายจำเลยถามว่า ประชาชนให้ความเรื่องความเห็นว่า ตอนที่สอบถามความคิดเห็นรู้จักผศ.ทวีได้อย่างไร พ.ต.อ.กฤชตอบว่า “ผมมาทีหลัง เขามีคอนเนคชั่นกันอยู่แล้วกับปอท. ท่านสามารถสละเวลาและพร้อมที่จะมาศาล” ศาลถามว่า ผศ.ทวีพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของปอท. แต่ติดต่อกันมาอย่างไร ไม่ทราบ ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤชตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.อ.กฤชได้สอบถามแนวคิดของผศ.ทวีหรือไม่ พ.ต.อ.กฤชตอบว่า ไม่ได้สนใจ และไม่ทราบว่า เขาเคยขึ้นเวทีกปปส.ด้วย

 

ทนายจำเลยถามว่า จริงๆแล้วในคดีนี้พ.ต.อ.กฤช  มีความเห็นไม่ฟ้องใช่หรือไม่ ศาลแย้งว่า “ลองกล้าไม่ฟ้องสิ…ไม่งั้นจะสอบปากคำชาวบ้านทำไม” นอกจากนี้เมื่อทนายจำเลยจะถามคำถามเรื่องความแตกต่างทางการเมือง ศาลตอบว่า ความแตกต่างมีอยู่ การแสดงความเห็นสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ส่งข้อความที่มีความผิด

 

ทนายจำเลยถามว่า กรณีการฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 นั้น ศาลจะอ่านคำสั่งในวันที่ 22 มิถุนายน 2561 หลังการเรียกจำเลยมาสอบปากคำดังนั้นจะเหตุการณ์ตามฟ้องจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ไม่มีใครทราบ ล้วนเป็นการคาดการณ์อนาคต ศาลแย้งว่า จริงไม่จริงก็ไม่สิทธิลง ถ้ามันสร้างความตื่นตกใจ

 

ทนายจำเลยที่สิบถามค้าน

 

ทนายจำเลยให้พ.ต.อ.กฤชดูเอกสารเนื้อหาข่าวที่บรรยายทำนองว่า พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษ ไม่ได้มีการอ้างอิงแหล่งข่าว พ.ต.อ.กฤชตอบว่า ตนเป็นตำรวจไม่ได้เป็นคนออกข่าวนี้ ทนายจำเลยถามว่า หมายกำหนดการยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤชรับว่า ใช่ เนื่องจากเกรงว่า หากมีกำหนดการที่ชัดเจนจะมีคนคัดค้านรัฐบาลเดินทางไปชุมนุมประท้วง

 

ตลอดการถามค้านของทนายจำเลย ศาลแย้งคำถามของทนายจำเลยอยู่ตลอดและกล่าวทำนองว่า คำถามบางคำถามศาลได้ถามในตอนที่อัยการถามพ.ต.อ.กฤชไปแล้ว การจดลักษณะดังกล่าวจะทำให้ง่ายต่อการชั่งน้ำหนักและเรียบเรียงข้อเท็จจริงมากกว่า ทั้งการพิสูจน์ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์การกระทำความผิดของจำเลยให้ได้ ถ้าหากไม่ปรากฏตามเอกสารหรือคำเบิกความว่า โจทก์และพยานโจทก์ทำการสอบสวนนั่นหมายความโจทก์ไม่ได้สอบสวนในประเด็นดังกล่าว ซึ่งไม่จำเป็นต้องกวนให้มันขุ่นขึ้นมา

 

อัยการไม่ถามติง

เสร็จสิ้นการสืบพยานในปากนี้ โจทก์และจำเลยแถลงรับพยานปากร.ต.อ.หญิงพัชรี วงศ์บุญและร.ต.อ.เครือวงศ์ ขมิ้นเครือจึงเลื่อนไปสืบพยานจำเลยต่อในวันพรุ่งนี้

 

7 กุมภาพันธ์ 2563
นัดสืบพยานจำเลย

เวลา 9.15 น. โจทก์, ทนายจำเลยและจำเลยทั้งสิบคนมาพร้อมกันที่ศาล ต่อมาเวลา 9.50 น. ศาลขึ้นนั่งบัลลังก์ ก่อนจะสอบถามว่า วันนี้ทนายจำเลยทั้งสิบคนได้ทำคำเบิกความล่วงหน้ามายื่นต่อศาลแล้วใช่หรือไม่ ทนายจำเลยทั้งสิบรับว่า ใช่ เจ้าหน้าที่หน้าบัลลงก์นำไฟล์คำเบิกความพิมพ์ออกมาให้แก่ศาลอ่าน จากนั้นศาลจึงเรียกจำเลยที่หนึ่งขึ้นเบิกความ

 

พยานจำเลยปากที่หนึ่ง ‘สายน้ำ’ จำเลยที่หนึ่งอ้างตัวเองเป็นพยาน

‘สายน้ำ’ เบิกความว่า จบการศึกษาชั้นประถามศึกษาปีที่หก ปกติเล่นเฟซบุ๊กวันละสามสี่ครั้ง ถ้าเจอข้อความหรือโพสต์ที่ถูกใจจะคัดลอกข้อความและเผยแพร่ต่อ วันที่ 13 มิถุนายน 2561 ขณะที่เล่นเฟซบุ๊กอยู่ มีโพสต์ข้อความว่า “๒๐ มิ.ย. ศาลฎีการับฟ้องว่าลุงตูบเป็นกบฏ” และมีรูปภาพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กับข้อความว่า “กราบ กราบ กราบ ขออภัยท่านพี่ทั้งสองแระกัน เห็นข่าวที่บอกท่านพี่ บิ๊กตู่,ป้อม จะซื้อดาวเทียม 91,2000 ล้านมาเก็บไว้ซ่อม แดกส่วนต่างไม่ซื้อแล้ว ก็ไม่ว่าอะไร แค่นี้ต้องออกหมายจับด้วยเหรอ ถ้าไม่จริงจะร้อนตัวทำไม หรือรับไม่ได้กับเรื่องจริง” เธอเห็นว่า มีคำว่า “กราบ” ในภาพด้วย เธอถูกใจคำว่า “กราบ” จึงแชร์โพสต์ดังกล่าวมา

 

ส่วนข้อความเรื่องศาลฎีการับฟ้องคดีกบฏนั้น เธอไม่ทราบด้วยซ้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ถูกดำเนินคดีอะไรบ้างและจะเดินทางไปราชการที่ประเทศอังกฤษระหว่างวันที่ 20-25 มิถุนายน 2561 จริงหรือไม่ และไม่รู้จักวัฒนา  เอ็บเบจช์ เจ้าของเพจ KhonthaiUK มาก่อน ด้วยเหตุดังกล่าวจึงไม่ได้ทำการสอบถามจนทราบแน่ชัดว่า โพสต์ดังกล่าวเป็นจริงหรือเท็จ  ทั้งในวันที่ 20 มิถุนายน 2561 ศาลฎีกาเพียงแค่อ่านคำสั่งรับฟ้องหรือไม่รับฟ้องเท่านั้น ไม่ได้มีคำพิพากษาจึงไม่มีเหตุให้ต้องหลบภัย

อัยการไม่ถามค้าน

 

พยานจำเลยปากที่สอง จำเลยที่สองอ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่สองเบิกความว่า ทำอาชีพค้าขาย จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม เกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์  เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆ คล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK และไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้

 

โดยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 เวลาประมาณ 09.00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20 นาย นำหมายเรียกผู้ต้องหามานำตัวเขาจากที่พัก ไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้เดินทางโดยเครื่องบินในวันดังกล่าว ในชั้นสอบสวนดังกล่าวที่เขารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจเพียงว่า เป็นการยอมรับว่า เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กและแชร์โพสต์ดังกล่าวจริง แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นพิจารณาของศาล เขาอ่านฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าข้อความตามฟ้องไม่เป็นผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จึงให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศ

อัยการไม่ถามค้าน

 

พยานโจทก์ปากที่สาม จำเลยที่สามอ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่สามเบิกความว่า ทำอาชีพค้าขาย จบการศึกษาระดับปวช. เกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์  เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆ คล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK และไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้


โดยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 เวลาประมาณ 09.00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20 นาย นำหมายเรียกผู้ต้องหามานำตัวเขาจากที่พัก ไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้เดินทางโดยเครื่องบินในวันดังกล่าว ในชั้นสอบสวนดังกล่าวที่เขารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจเพียงว่า เป็นการยอมรับว่า เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กและแชร์โพสต์ดังกล่าวจริง แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นพิจารณาของศาล เขาอ่านฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าข้อความตามฟ้องไม่เป็นผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จึงให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศ
อัยการไม่ถามค้าน

 

พยานโจทก์ปากที่สี่ จำเลยที่สี่อ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่สี่เบิกความว่า ทำอาชีพรับจ้าง จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่หก เกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์  เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆ คล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK และไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้

 

โดยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 เวลาประมาณ 09.00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20 นาย นำหมายเรียกผู้ต้องหามาเชิญตัวเขาที่ร้านค้าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สอบถามว่า เขาชื่อสกุลนี้ใช่หรือไม่ โดยให้เขาเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยในวันดังกล่าวโดยตำรวจบอกว่า จะมีค่าใช้จ่ายให้ โดยให้เดินทางโดยเครื่องบินในวันดังกล่าว

 

ในชั้นสอบสวนดังกล่าวเขารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจเพียงว่า เป็นการยอมรับว่า เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กและแชร์โพสต์ดังกล่าวจริง แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นพิจารณาของศาล เขาอ่านฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าข้อความตามฟ้องไม่เป็นผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จึงให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศ

 

อัยการไม่ถามค้าน

 

พยานจำเลยปากที่ห้า จำเลยที่ห้าอ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่ห้าเบิกความว่า ประกอบอาชีพรับจ้าง จบการศึกษาในระดับชั้นปวช. เกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆ คล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KHONTHAIUKและไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้

 

โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหาตัวเขาที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่ไม่พบเนื่องจากเขาทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จึงเอาเบอร์โทรศัพท์จากน้องสาวของเขาโทรมาหา ต่อมาตำรวจได้นัดให้ไปรายงานตัวที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเช้าต่อวันต่อมาตำรวจโทรมาบอกว่า จะไปรับเขาที่ทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิแล้วพาตัวเขามาแจ้งข้อกล่าวหาที่กองบังคับการฯทันที

 

ในชั้นสอบสวนดังกล่าวเขารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจเพียงว่า เป็นการยอมรับว่า เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กและแชร์โพสต์ดังกล่าวจริง แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นพิจารณาของศาล เขาอ่านฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า ข้อความตามฟ้องไม่เป็นผิดตามที่โจทก์ฟ้องจึงให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศ

 

อัยการไม่ถามค้าน

 

พยานจำเลยปากที่หก จำเลยที่หกอ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่หกเบิกความว่า ทำอาชีพค้าขาย จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตเกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์  เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆคล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK และไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้

 

โดยเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561 เขาไปพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีและให้การปฏิเสธ

 

อัยการไม่ถามค้าน


พยานจำเลยปากที่เจ็ด จำเลยที่เจ็ดอ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่เจ็ดเบิกความว่า ทำอาชีพรับจ้าง จบการศึกษาระดับชั้นปวช. เกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์  เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆ คล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK และไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้

 

เขาได้รับหมายเรียกครั้งที่สองโดยให้ไปพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 เขาไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่สองและให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

อัยการไม่ถามค้าน

 

พยานจำเลยปากที่แปด จำเลยที่แปดอ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่แปดเบิกความว่า ไม่ได้ประกอบอาชีพ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่สาม เกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์  เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆ คล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK และไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้

 

เขาได้รับหมายเรียกโดยให้ไปพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในวันที่ 21 มิถุนายน 2561 เขาไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก
ในชั้นสอบสวนดังกล่าวเขารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจเพียงว่า เป็นการยอมรับว่า เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กและแชร์โพสต์ดังกล่าวจริง แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นพิจารณาของศาล เขาอ่านฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าข้อความตามฟ้องไม่เป็นผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จึงให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศ

 

อัยการไม่ถามค้าน

 

พยานจำเลยปากที่เก้า จำเลยที่เก้าอ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่เก้าเบิกความว่า ทำอาชีพรับจ้าง จบการศึกษาระดับชั้นปวช. เกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์  เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆ คล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK และไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้

 

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวท่องเที่ยวสามคนมาแจ้งต่อเขาที่ร้านค้าในพื้นที่พิษณุโลกว่า ให้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้เดินทางโดยรถยนต์ไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันดังกล่าว

 

ในชั้นสอบสวนดังกล่าวเขารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจเพียงว่า เป็นการยอมรับว่า เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กและแชร์โพสต์ดังกล่าวจริง แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นพิจารณาของศาล เขาอ่านฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าข้อความตามฟ้องไม่เป็นผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จึงให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศ
อัยการไม่ถามค้าน

 

พยานจำเลยปากที่สิบ จำเลยที่สิบอ้างตัวเองเป็นพยาน

จำเลยที่สิบเบิกความว่า ประกอบอาชีพรับจ้าง จบการศึกษาระดับชั้นปวส. เกี่ยวเนื่องเป็นจำเลยในคดีนี้เนื่องจากแชร์ข้อความตามฟ้องโจทก์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เหตุที่แชร์โพสต์  เนื่องจากเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการล้อเลียน เพราะมีการ์ตูนในทำนองเสียดสี ขำ ๆ คล้ายภาพล้อเลียนนักการเมืองหรือคนมีชื่อเสียงที่ปรากฏในเฟซบุ๊กหรือสื่อทั่วไป

 

ข้อความตามฟ้องโจทก์นี้ ภายหลังจากอ่านไม่ได้ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหรือทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด โดยเป็นแต่เพียงข้อความเสียดสีธรรมดาทั่วไปเท่านั้น  เขาไม่เคยรู้จักและรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก KhonthaiUK และไม่รู้จักจำเลยคนอื่นมาก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้

 

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 เวลาประมาณ 09.00น เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20 นาย นำหมายเรียกผู้ต้องหามาเชิญตัวเขาที่บ้านในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เขาเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้เดินทางโดยเครื่องบินในวันดังกล่าว

 

ในชั้นสอบสวนดังกล่าวเขารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจเพียงว่า เป็นการยอมรับว่า เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กและแชร์โพสต์ดังกล่าวจริง แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นพิจารณาของศาล เขาอ่านฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าข้อความตามฟ้องไม่เป็นผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จึงให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศ

 

อัยการไม่ถามค้าน

 

เวลา 10.16 น. เสร็จสิ้นการสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยทั้งสิบจะส่งคำแถลงปิดคดีภายใน 30 วัน ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 31 มีนาคม 2563

 

31 มีนาคม 2563
นัดฟังคำพิพากษ

ศาลอาญาเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาไปวันที่ 15 มิถุนายน 2563

คำพิพากษา

ไม่มีข้อมูล

ดูแฟ้มคดีอื่นๆ

บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์: ข้อสอบวิชาอารยธรรมไทย

คดีชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จ

รุ่งทิวา