19 กันยายน 2563
แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจัดการชุมนุม “19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์และสนามหลวง สำนักข่าวประชาไทรายงานว่าได้ทราบเหตุจากเจ้าหน้าที่ตํารวจฝ่ายสืบสวนว่า ในวันนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่กิจกรรมชุมนุมบนเวทีปราศรัยดำเนินไปภายในท้องสนามหลวง มีบุคคลนําสติกเกอร์มีอักษร คําว่า “กูkult” ไปติดบนพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ตั้งอยู่บริเวณประตูทางเข้าของศาลฎีกา จึงออกทําการสืบสวนติดตามหาตัวบุคคลที่นําสติกเกอร์ดังกล่าวไปติด
20 กันยายน 2563
จากคำสัมภาษณ์ของนรินทร์ ตอนเช้าหลังจากยุติการชุมนุมที่สนามหลวง ขณะที่นรินทร์กำลังเดินกลับจากพื้นที่ชุมนุมได้มีบุคคลอ้างตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง บริเวณร้านพรชัยเบเกอรี่ หลังถนนข้าวสาร เพื่อจะขอดูหน้าตา ดูอัตลักษณ์ และจดชื่อที่อยู่ไปโดยไม่แจ้งเหตุว่าเขาทำอะไรผิด
18 ธันวาคม 2563
เฟซบุ๊กเพจ ศิลปะปลดแอก – FreeArts เผยแพร่ข้อมูลว่า หนึ่งในทีมงานเพจ กู Kult ถูกออกหมายเรียกจากทางตำรวจ ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112 ที่สถานีตำรวจ ชนะสงคราม ในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 เวลา 13.00 น.
22 ธันวาคม 2563
เวลาประมาณ 12.50 น. นรินทร์ เดินทางมาถึง สน.ชนะสงครามโดยสวมหน้ากาก ‘กาย ฟอว์กส์’ จากหนังเรื่อง V for Vendetta เพื่อปิดบังอัตลักษณ์ใบหน้า
เวลาประมาณ 12.55 น. ทนายความและนรินทร์เดินเข้าอาคาร สน.ชนะสงครามเพื่อเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา และให้การกับพนักงานสอบสวน โดยบริเวณหน้าประตูอาคาร ตำรวจทำการกั้นรั้วและอนุญาตให้เฉพาะคนที่มาติดต่อราชการเท่านั้นจึงจะเข้าไปในสถานีตำรวจได้ บรรยากาศโดยรอบเป็นไปอย่างผ่อนคลาย มีคนมาให้กำลังใจอยู่ประมาณ 5-6 คน มีสื่อมวลชน 2-3 คน และมีตำรวจนอกเครื่องแบบอยู่ประมาณ 10 คน
เวลาประมาณ 14.13 น. นรินทร์ออกมาจาก สน. หลังจากรับทราบข้อกล่าวหา นรินทร์ได้ให้การปฏิเสธตำรวจปล่อยตัวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกัน และจะให้การเป็นหนังสือและ/หรือยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมในภายหลัง นัดส่งตัวให้อัยการวันที่ 22 มกราคม 2564
2 กุมภาพันธ์ 2564
นัดฟังคำสั่งอัยการ
เลื่อนไปในวันที่ 4 มีนาคม 64 เวลา 10.00 น. เนื่องจากต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณา
22-24 กุมภาพันธ์
นัดสืบพยานโจทก์
–
1 มีนาคม 2565
นัดสืบพยานจำเลย
–
4 มีนาคม 2565
นัดฟังคำพิพากษา
เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดนรินทร์ฟังคำพิพากษา มีคำพิพากษาว่า การที่จำเลยนำสติกเกอร์ไปติดคาดพระเนตรบนพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่สิบ เป็นการแสดงตนให้ยิ่งใหญ่เหนือกว่า แม้จะกระทำต่อพระบรมสาทิสลักษณ์ก็เป็นการดูหมิ่นต่อองค์พระมหากษัตริย์ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี การไปร้องทุกข์ต่อตำรวจสน.ชนะสงครามของนรินทร์เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษจำคุกให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี
หลังศาลมีคำพิพากษา ทนายจำเลยใช้เงินสด 100,000 บาท จากกองทุน ดา ตอร์ปิโด ซึ่งเป็นหลักทรัพย์เดิมที่ใช้วางประกันต่อศาลชั้นต้นขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลอาญามีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวนรินทร์ระหว่างอุทธรณ์คดี โดยนรินทร์ได้รับการปล่อยตัวในเวลาประมาณ 11.08 น.
สำหรับบรรยากาศตั้งแต่เวลา 7.30 น. นรินทร์พร้อมด้วยพี่ชายเดินทางมาถึงศาลอาญา นรินทร์เล่าว่า วันนี้จะมีเพื่อนๆและนักกิจกรรมมาร่วมให้กำลังใจ เมื่อวานนี้เขาได้เตรียมความพร้อมในการเข้าสู่เรือนจำแล้ว เช่น เคลียร์งาน พูดคุยกับครอบครัว ดูนิทรรศการศิลปะครั้งสุดท้ายและเล่นกับสุนัขของเขา
เวลา 08.20 น. ตำรวจศาลเข้ามาคุยกับผู้สังเกตการณ์จากไอลอว์ที่กำลังสัมภาษณ์นรินทร์บริเวณข้างโรงอาหารศาลว่า วันนี้สามารถเข้าสังเกตการณ์คดีได้ตามปกติ ถ้าคนมาให้กำลังใจไม่เยอะเกินไปก็สามารถเข้าไปภายในห้องพิจารณาคดีได้ แต่ให้รักษาระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัยกันทุกคน ถ้าขาดเหลืออะไรให้บอกได้ จากนั้นตำรวจศาลนรินทร์ว่า เขาจะสวมหน้ากากขาวที่เขาสวมเป็นประจำเข้าศาลหรือไม่ เมื่อนรินทร์ตอบว่าจะไม่สวมเข้าศาล ตำรวจศาลก็ไม่ว่าอะไร และบอกว่าที่มาคุยเพราะ ‘เลขาศาล’ ขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ศาล แต่ถ้าคนที่มาให้กำลังใจไม่ได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในบริเวณศาลก็ไม่มีปัญหาอะไร
สำหรับการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาลในวันนี้ ไม่ปรากฏการตั้งด่านตรวจสอบผู้เข้าออกศาลอาญาที่บริเวณลานจอดรถใกล้กับธนาคารกรุงไทย
เวลา 9.00 น. นรินทร์พร้อมพี่ชายของเขากับทนายความ รวมทั้งผู้มาให้กำลังใจประมาณ 20 คน มีทั้งนักกิจกรรม เช่น ศรีไพร นนทรี, รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุลและเบนจา อะปัญ และผู้สังเกตการณ์จากไอลอว์และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าไปพร้อมกันที่ห้องพิจารณาคดีที่ 710 เพื่อรอฟังคำพิพากษา
.
เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่า ให้เข้าห้องพิจารณาคดีเท่าที่เข้าได้แบบเว้นระยะห่าง เพราะในห้องพิจารณาคดีมีการพิจารณาคดีอื่นด้วย และต้องระมัดระวังเรื่องโควิด 19 ท้ายสุดในห้องพิจารณาคดีมีคนที่สามารถเข้าฟังคำพิพากษาคดีของนรินทร์ได้ประมาณ 15 คน ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
เวลา 09.15 น. ศาลในคดีอื่นเริ่มการสืบพยานในคดีอื่นไปก่อน ผู้พิพากษาในคดีนรินทร์ออกนั่งบัลลังก์ในภายหลัง
เวลา 09.25 น. ผู้พิพากษาคดีของนรินทร์กล่าวในห้องพิจารณาคดีว่า ตามที่ได้มีการแจ้งขอจดรายละเอียดคำพิพากษา ศาลไม่อนุญาตให้จดเนื่องจากหากจดไปไม่ครบถ้วนจะเกิดปัญหาได้ แต่ตามระเบียบแล้วเมื่อศาลอ่านคำพิพากษา จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ คู่ความสามารถคัดถ่ายเอกสารได้เลย
จากนั้น เวลา 9.40 น. ศาลจึงเริ่มอ่านคำพากษา เริ่มจากส่วนคำฟ้องตามด้วยเนื้อหาการนำสืบและบทพิเคราะห์ของศาล