1957 1564 1889 1695 1342 1888 1430 1466 1068 1967 1111 1539 1015 1925 1475 1036 1401 1990 1721 1743 1078 1880 1718 1323 1317 1461 1072 1554 1296 1374 1751 1202 1011 1441 1878 1794 1815 1464 1019 1318 1076 1764 1781 1237 1797 1847 1021 1700 1242 1765 1326 1075 1232 1673 1325 1587 1772 1550 1670 1628 1398 1014 1525 1452 1856 1888 1776 1322 1501 1258 1988 1228 1197 1310 1566 1333 1413 1383 1062 1706 1051 1099 1555 1835 1418 1883 1939 1163 1889 1003 1412 1418 1685 1763 1636 1665 1061 1515 1186 คนรัก กุมภาฯ และตรวนตราอาชญากร | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

คนรัก กุมภาฯ และตรวนตราอาชญากร

 
ล่วงเข้าเดือนที่สองของปี  ที่ถูกทำให้เป็นเดือนแห่งความรัก มากบ้างน้อยบ้าง เมื่อหน้าปฏิทินเคลื่อนคล้อยถึงกุมภาพันธ์ ภาพข่าวและสื่อประโคมโหม คงเป็น ราคาที่แพงขึ้นของกุหลาบ ความอบอุ่นจากของฝากอย่างช็อคโกแลต นานาพันธุ์ของดอกไม้อีกทั้งโปสการ์ดส่งต่อความรัก ในเทศกาลวาเลนไทน์  
แต่ไหนเลยจะเอ่ยรู้ มีใครบางคู่ ที่เจอมรสุมพัดพราก ในปีจำจากที่อาจไม่เหมือนเดิม  และนี่คือเรื่องราว 4 รส หวานขมระคนกันไป ของการเป็นคนรักของผู้ถูกมองว่าเป็นอาชญากรทางความคิด
 
 
กับที่รักใคร่ของ "ไผ่ ดาวดิน" 
 "มาทุกวันค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก็เลยพักอยู่ในมหาวิทยาลัย "
เธอบอกไว้เมื่อเราถามถึงความบ่อยครั้งที่มาเยี่ยมคนรัก ระหว่างเขาถูกตรวนตราในฐานะอาชญากรทางความคิด ตามมาตรา 112
เรามีโอกาสพบ "เธอ" แฟนสาวของจตุภัทร์ หรือ "ไผ่ ดาวดิน" หน้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น หลังเพิ่งไปเยี่ยมไผ่เสร็จ เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นชั้นปีที่ 2 คบหากับไผ่มาได้สองปีกว่าแล้ว แต่เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยและผลกระทบที่อาจเกิดกับครอบครัว เธอขอที่จะไม่เปิดเผยชื่อและหน้าตา กระนั้นสาวน้อยก็เริ่มเปิดใจว่า โดยนิสัยเป็นคนร้องไห้บ่อย เพราะเป็นคนที่ปัญหาชีวิตเยอะ แล้วปกติก็จะระบายให้ไผ่ฟัง ยิ่งช่วงนี้ต้องเหินห่างกันและไม่ค่อยมีใครให้ระบาย ยิ่งเป็นคนร้องไห้ง่ายขึ้นอีก
"ตอนที่พี่ไผ่อยู่ข้างนอกเวลาหนูมีปัญหาพี่ไผ่เขาก็เป็นคนช่วยจัดการให้ได้ เช่น เวลามีปัญหากับเพื่อน พี่ไผ่ก็หาทางออกให้ได้ตลอด พอมาเยี่ยมพี่ไผ่แบบนี้หนูก็พูดมากไม่ได้เพราะเกรงใจผู้ใหญ่ เขายังมองว่าหนูเป็นเด็กอยู่"  เธอเปรยถึงความสำคัญของไผ่ไว้อีกตอนหนึ่ง
และเมื่อเราถามเรื่องคิดว่าไผ่จะได้ปล่อยตัวไหม ? เธอบอกว่า ก็คุยกันอยู่ตลอด เมื่อก่อนก็เชื่อว่าจะได้ออกมา แต่มันก็เริ่มมีสาเหตุให้รู้สึกกดดัน อย่างเช่นวันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2560 วันนัดสอบคำให้การ) ที่คิดว่าจะได้ออก ก็ไม่ได้ออกอีกแล้ว เลยเริ่มไม่เชื่อแล้วว่าจะได้ออก เราไม่ใช่คนเก่งเรื่องการใช้คำพูดให้กำลังใจ แต่คิดแค่ว่า การที่มาเยี่ยมเขาทุกวันก็เป็นการให้กำลังใจอย่างหนึ่ง
เธอยอมรับว่าก่อนหน้าไม่ชอบไปเยี่ยมไผ่ที่เรือนจำ อย่างเมื่อตอนคดีแจกใบปลิวประชามติ ที่อำเภอภูเขียว ก็ไปเพียงครั้งเดียว เพราะรู้สึกว่า เวลาไปอยู่ในบรรยากาศเห็นนักโทษจำนวนมากแล้วรู้สึกแย่ เพราะเป็นคนขี้สงสาร อีกทั้งไม่อยากร้องไห้  
 
603 กับที่รักใคร่ของไผ่ดาวดิน
 
ด้านเรื่องสังคมและการเมือง การเป็นคนรักของนักกิจกรรม เธอเล่าว่า ตัวเธอไม่ได้อินเรื่องการเมืองมาก ไม่ใช่ประเภท "เด็กจัดตั้ง" แต่พอเจอกับเรื่องของพี่ชายตัวเองซึ่งเป็นเพื่อนของไผ่ด้วย และเรื่องของพี่ไผ่อีก มีทหารมาที่บ้านบ่อยๆ ด้วย มันก็ซึมซับเข้ามาเอง โดยที่ไผ่เองก็ไม่ได้บอกให้ต้องทำหรือต้องคิดอะไร  ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้ชอบไผ่ที่ความเป็นนักกิจกรรม
"หนูชอบที่เขาเป็นคนนิสัยดี เวลาเรามีปัญหาเขาจะรู้เลยว่า เราเป็นอะไร และเขาก็รู้ว่า ควรจะแก้ไขยังไง ถ้าเป็นเรื่องที่หนูผิดเขาก็พูดตรงๆ ว่าให้หนูไปขอโทษเลย เขาอธิบายเหตุผลอะไรให้เราฟังได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องการเรียน จนหนูก็ผ่านมาได้"
"หวานนะคะ เขาเป็นคนน่ารัก" .... (ยิ้ม)  เธอย้ำถึงความน่ารักของไผ่ ดาวดิน
จนเราอยากทราบว่าเช่นอะไรบ้างที่ว่าหวาน เธอหันมายิ้มอีกครั้ง "เมื่อก่อนพี่ไผ่ไม่ได้เป็นคนแบบนี้ พี่ไผ่เป็นนักกิจกรรมจ๋ามาก เช่น เขาไม่ยอมรับวัตถุนิยม ไม่ยอมใช้วีดีโอคอล เขาไม่คุยโทรศัพท์นาน แต่พอคบกันกับหนูเวลาเขาไปกรุงเทพฯ ก็จะวีดีโอคอลมาหาหนูบ้าง"
ส่วนชีวิตเรื่องการทำกิจกรรมเธอบอกว่า ห้ามเขาไม่ได้  เขาไม่ฟังอยู่แล้ว เคยคุยแบบเปิดใจกันเขาบอกว่า เขาเลิกไม่ได้ เขาชอบทางนี้จริงๆ เราก็เข้าใจกัน
เมื่อเข้าใกล้เทศกาลแห่งความรักเราอดใจที่จะถามลักษณะนี้ไม่ได้ เธอตอบมาว่า วาเลนไทน์ปีที่เเล้ว ไม่ได้ไปเที่ยวกัน เพราะไผ่บวชอยู่ ส่วนปีนี้จริงๆ ตั้งแต่วันที่ศาลสั่งเพิกถอนประกัน (22 ธันวาคม 2559) เป็นวันที่สอบเสร็จพอดีหลังจากที่อ่านหนังสือมาด้วยกัน เธอกับไผ่นัดกันไว้ว่าเดี๋ยวจะไปเที่ยวภาคเหนือ หรือไปเขาค้อ ไปกับพี่ชายด้วยแล้วก็เพื่อนอีกหลายคน และวันที่ไผ่ไปศาลก็ยังคุยกันว่า วันถัดไปจะไปเที่ยวกันอยู่แล้ว ตอนนั้นไผ่เลยบอกเธอว่า ไม่ต้องไปศาลด้วยหรอก เพราะเดี๋ยวก็กลับไปเจอกันอยู่แล้ว แต่พอได้ยินข่าวว่าถูกขัง ก็ช็อกมาก จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวเลย
เธอหล่นประโยคทิ้งท้าย
 
เจ้าสาวหมาป่า-ทนายของจำเลยที่รัก
"ผมอ่านต้นส้มแสนรัก ของโจเซ่ วาสคอนเซลอส กอล์ฟเขาบอกว่าชอบมากเลยลองให้ผมไปอ่านดู ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่านวรรณกรรม จึงเป็นคนไม่ค่อยมีจินตนาการ(หัวเราะ)" คำพูดตอนหนึ่งในบทสนทนาระหว่างเรากับป๊อก ทนายหนุ่ม วัย 27 ปี
 
ก่อนเขาจะพูดถึงที่มาที่ไปของการพลัดพรากจากคนรัก เมื่องานครบรอบเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองในปีหนึ่ง กับละครเรื่องหนึ่งที่มีเนื้อหาทางการเมือง กระทั่งกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นเมื่อ 'กอล์ฟ' และเพื่อนอีกคนที่ร่วมเล่นละคร ในนาม “กลุ่มประกายไฟการละคร” ถูกแจ้งข้อหาคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ก่อนถูกดำเนินคดีและคุมขังนานกว่าสองปี
 
เขายังเล่าว่าก่อนที่กอล์ฟจะถูกจับ เขายังไม่ได้เป็นทนายความและยังไม่ได้ฝึกการเป็นทนายความที่สำนักงานไหนอย่างจริงจัง พอเกิดเหตุการณ์ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่ที่กรุงเทพฯ มากขึ้นเพื่อไปเยี่ยมที่เรือนจำให้บ่อยที่สุด พี่ๆทนายความที่เขารู้จักให้ไปช่วยงานบ้าง ส่งงานมาให้ทำบ้าง นั่นเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ได้ฝึกทนายแบบจริงจัง มองในแง่ดี ป๊อกยอมรับว่า การเป็นคนรักนักโทษการเมือง ทำให้มีแรงผลักเพื่อเป็นทนายมากขึ้นจากเดิมที่ก็อยากเป็นอยู่แล้ว
 
หากจะย้อนไปเมื่อครั้งแรกพบ ในปี 2551 เขาเพิ่งเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ขณะนั้นสาวเจ้าอยู่ปี 2 คณะรัฐศาสตร์  เป็นรุ่นพี่หนึ่งปี ทั้งคู่เจอกันที่ชมรมค่ายอาสาพัฒนา
 
604 เจ้าสาวหมาป่า-ทนายของจำเลยที่รัก
 
"จะเรียกกอล์ฟว่าเจ๊ เพราะถือว่าอายุมากกว่าพวกผม หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ผมกับกอล์ฟเริ่มสนิทกันมากขึ้นถือว่าชีวิตช่วงนั้นเจอกอล์ฟบ่อยที่สุดเพราะเราสองคนต่างก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการทำกิจกรรมและออกค่ายอาสาเหมือนๆกัน มาตกลงคบกันกลางดึกของคืนวันที่ 5 ธันวาคม ปี 2551 เราไปร่วมค่ายชื่อ “ค่ายเพื่อใคร” ที่เขาใหญ่ เมื่อมาพูดถึงเรื่องว่าคบกันยังไงก็จะบอกว่าค่ายนั้นเขาทำเพื่อเราแน่ๆ “ค่ายเพื่อเรา” คำพูดตอนหนึ่งของป๊อก
 
แน่นอนว่าการผลิดอกความรักในวัยหนุ่มสาวช่างสวยงามและน่าชื่นชมเสมอ ยิ่งในยามยากลำบาก ป๊อกยังเผยว่าตลอดสองปีได้เรียนรู้เรื่องความอดทนและเหตุผลที่เราได้ทำอะไรเพื่อคนอีกคนโดยไม่ได้คิดอะไรมาก อีกส่วนคือเรื่องบริหารเวลาและการหาเวลาไปเยี่ยมกอล์ฟ เพราะจะเยี่ยมแต่ละครั้งนั้นใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงตั้งแต่เดินทางจากที่พักย่านรามคำแหงไปทัณฑสถานหญิงกลางแถวงามวงศ์วาน ต้องจองคิวเยี่ยม รอเยี่ยม และเดินทางกลับ จึงต้องวางแผนการใช้เวลาในแต่ละวัน
 
ทนายหนุ่มยอมรับว่าเป็นความโชคดีที่คนรอบๆตัวโดยเฉพาะครอบครัวเข้าใจกันดี เลยไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก และไม่ได้มองว่ากอล์ฟหรือคนที่แสดงละครเป็นอาชญากร ทุกอย่างมันเลยง่ายขึ้น ที่ต้องปรับก็มีแต่สภาพจิตใจ เราจะเสียใจและอ่อนแอมากไม่ได้เพราะต้องคอยปลอบประโลมและให้กำลังใจทั้งคนในเรือนจำและคนด้านนอกเรือนจำ จนถึงวันที่เธอได้รับอิสรภาพกลับมาอีกครั้ง 
 
 
การหลั่งน้ำตาของช่างแว่นพ่อลูกอ่อนและภรรยา
 
 ช่วงเดือนตุลาคม 2559 ปรากฏข่าวพาดหัว  "ศาลทหารเชียงรายไม่ให้ประกันตัว ช่างตัดแว่น เหตุทหารแจ้งความ พบโพสต์เฟซบุ๊กเข้าข่ายหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ”
 
บีม ภรรยาช่างแว่นเจ้าของเรื่อง เปิดใจว่าแม้วันนั้นจะใช้โฉนดที่ดิน มูลค่า 400,000 บาท ยื่นประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาต ด้วยเกรงว่าจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งๆ ที่พนักงานสอบสวนยืนยันตลอดว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี  และทางเอ สามีของเธอ ขอปฏิเสธ ยืนกรานว่าไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง หากเขาทำจริง เขาคงหนีไปแล้ว ไม่ยอมมารายงานตัวรับทราบข้อหาแน่นอน
 
ก่อนหน้านี้ "ไปไหนมาไหนจะไปเป็นครอบครัว คิดว่าตอนนี้ทำหน้าที่ได้ไม่ดีเท่าไหร่ แค่ยังพอประคองไปได้" เธอพูดถึงครอบครัวกิจการร้านแว่นที่ร่วมกันสร้างและต้องสานงานต่อ
 
ภรรยาวัย 26 ปี ยังเล่าถึงสามีไว้ว่า เอร่ำเรียนมาทางนิติศาสตร์แต่หลงใหลในอาชีพพ่อค้าตัดแว่นอย่างมาก จึงไปศึกษาจากสาขาทัศนมาตรศาสตร์ และวิชาการด้านนี้ ทั้งชอบเข้าอบรมประกาศนียบัตรต่างๆ เกี่ยวกับศาสตร์ทางแว่น  เขาหายใจเข้า-ออกเป็นแว่นเลยก็ว่าได้   ส่วนชื่อร้าน Asia Optic ของเขามาจาก เห็นชื่อร้าน Tokyo Optic   เลยคิดว่าเอาชื่อ Asia Optic ละกัน เพราะมันดูใหญ่กว่า (หัวเราะ)
 
605 การหลั่งน้ำตาของช่างแว่นพ่อลูกอ่อนและภรรยา
 
เธอยังกล่าวติดตลกถึงสามีอีกว่า  ด้วยเป็นคนอัธยาศัยดี เฟรนด์ลี่ ตอนอยู่ในคุกเอขายแว่นให้ผู้คุมไปแล้ว 3 ตัว และยังให้คำปรึกษาปัญหาเรื่องกฎหมายกับเพื่อนนักโทษอยู่เสมอๆ  
 
ย้อนไปในเหตุแห่งความรัก เอกับบีม อายุห่างกัน 6 ปี บีมเรียนมาทางด้านบัญชี ทั้งสองคนพบกันครั้งแรกเมื่อปี 2552  แม้ตอนนั้นครอบครัวเธอจะตั้งแง่ต่อเขา เพราะกลัวลูกสาวถูกหลอก แต่ความเป็นแฟมิลี่แมน เอาใจใส่ ขยันทำมาหากิน และเป็นพ่อบ้านที่ดีของเอทำให้ มัดใจเธอได้  จนมีลูกสองคน (คนเล็กเพิ่ง 3เดือน) เป็นข้อพิสูจน์
 
“ ถามว่าเหงาไหม ก็เหงานะ ปกติมาทำงานด้วยกัน เดี๋ยวนี้มาทำงานเองอาจจะทำได้ไม่ดีเท่าตอนที่พี่อยู่ แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด”
 
แต่เอ ก็บอกจากหลังลูกกรงว่า "ได้แค่ไหนแค่นั้น ไม่ต้องไปกดดันตัวเอง"
 
มากกว่าสิ่งใดเธอสารภาพว่าตั้งแต่คบรักกันมา 7 ปี  ไม่เคยเห็นน้ำตาของสามีเลยสักหยด บีมเล่าว่า แม้แต่ตอนที่พ่อของเอเสีย เอยังแอบร้องไม่ให้เธอเห็น แต่มาวันหนึ่งที่เรือนจำกลางเชียงราย เอถามถึงลูก เธอก็ตอบไปว่า ลูกเริ่มบ่นเเล้วนะ ว่าปะป๊า ไปทำงานนานจัง ซีคิดถึงปะป๊า ซีอยากไปว่ายน้ำ ก่อนที่เธอจะบอกว่า ลูกเดินมาถาม ปะป๊าโดนตำรวจจับเหรอ ปะป๊าไม่ใช่โจร ตำรวจไม่จับปะป๊าหรอกเนาะ พอถามลูกว่ารู้ได้ยังไง ลูกบอก เมื่อกี้คุยกะปะป๊ามา เเล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้ดู คือคลิปที่ เอ อัดไว้ บอกกับลูก เรื่องที่โดนจับ พอบีมเล่าจบ เอน้ำตาไหล
 
 
บทเพลงชีวิตที่พลัดพรากและพบเจอ
หลังสามีของเธอไปใช้ชีวิตหลังรั้วกำแพงสูงได้เกือบสองปี ด้วยคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ จากการเขียนผนังห้องน้ำ เรื่องราวความทรงจำที่มีต่อหญิงเชื้อสายจีนวัยกลางคน คือ บทสนทนาที่วนเวียนอยู่กับเรื่อง สามีของเธอ ผู้เป็นอดีตนักดนตรีที่ฟังเพลงอย่างกว้างขวางหลายหลากสไตล์
’แม่ฝ่ง’ หญิงอายุราวห้าสิบกลางๆ ท่าทางกระฉับกระเฉง แต่เจือด้วยความสุภาพนิ่มนวล ต้องกลายเป็นกำลังหลักในกิจการขายเข็มกลัดของครอบครัว และต้องคอยดูแลตลอดช่วงเวลายากลำบากของสามีในรั้วกรงเหล็ก หลังศาลพิพากษาให้เรือนจำเป็นที่หลับนอนของลุงโอภาส ตลอดสองปีที่ไปๆมาๆ ระหว่างบ้านย่านบางนากับศาลทหาร-เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นับว่าเธอเป็นคู่ใจและแรงบันดาลใจนับร้อยพันระหว่างที่เขาไม่ได้มีอิสระภาพ
 
606 บทเพลงชีวิตการพลัดพรากและพบเจอ
 
"Earth Angles" เพลงลึกซึ้งแนวบัลลาด- บาดลึกอารมณ์  ลุงโอภาสบอกว่าใช้เวลาแต่งร่วมสัปดาห์ขณะใช้เวลาหลังรั้วกำแพงสูง เนื้อหาและแรงดลใจในบทเพลงไม่ได้มาจากไหน นอกจากสุภาพสตรีแสนรัก ที่ดูแลกันมาหลายสิบปิ’ แม่ฝ่ง’ ภรรยาของลุงนั่นเอง
เมื่อถามถึงจังหวะทำนอง ชายชราบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มๆว่า ยังไม่ชัดเจนนักเพราะรอคอยวันที่จะได้ออกมาแต่งเติมข้างนอกด้วยกัน
"พอจะจำเนื้อเพลงได้" ลุงบอก เมื่อขอเนื้อเพลง เพราะสนใจอยากรู้ความเป็นมา
"เธอไม่ใช่นางฟ้าที่ถูกขนานนามโดยใคร  เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่มีทั้งด้านมืดและสว่าง
เธอ  เป็นนกไร้เดียงสา เป็นนางฟ้าบนผืนดิน 
ให้ชีวิตดำเนินไปด้วยด้านที่สว่างไสว  ดื่มด่ำกับแสงนวลของอาทิตย์ดั่งทานตะวัน  
แบ่งปันความรักกับผู้คนในทุกจังหวะของชีวิต  ด้วยกุหลาบสีแดงที่แทนพลังของความรัก  
คือคำแปลบางส่วนจากเนื้อเพลงภาษาอังกฤษเพลงนี้
เกือบสองปีที่ท่วง’ทำนอง’ของเขาและเธอพลัดพรากไป วันนี้ได้พบเจออีกครั้ง หากพอจะมีสัจธรรมในเรื่องรักบ้าง ชีวิตของลุงโอภาสและแม่ฝ่ง คงบอกสอนว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป ในทำนองของช่วงชีวิตที่รอคอย
 
ท้ายที่สุดในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เราต่างเคยมีหัวใจใคร่ปรารถนาแบบไม่หวังหาสิ่งใดตอบแทน ยิ่งกับรักที่ประสบพบพราก กับเรื่องที่ไม่ควรเกิดกับใครในสถานการณ์เสรีภาพการแสดงออกในยุคสมัยนี้
แด่เดือนแห่งความรัก ที่บางครั้งช่างลักลั่นและย้อนแย้ง

 

Article type: