1932 1089 1895 1399 1740 1288 1131 1343 1267 1217 1380 1949 1908 1489 1158 1944 1282 1526 1333 1697 1042 1615 1141 1740 1465 1203 1323 1271 1203 1560 1407 1451 1536 1866 1903 1943 1548 1117 1514 1098 1815 1825 1453 1367 1857 1018 1430 1954 1447 1836 1382 1293 1335 1620 1269 1829 1019 1220 1751 1128 1515 1873 1617 1912 1646 1413 1526 1959 1117 1711 1295 1470 1193 1788 1278 1552 1063 1738 1250 1744 1397 1924 1863 1784 1460 1367 1034 1070 1527 1172 1774 1598 1148 1517 1985 1294 1417 1305 1100 ข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง #ม็อบ28กุมภา | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง #ม็อบ28กุมภา

 
28 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 15.00 น. ผู้ชุมนุม #REDEM นัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยภูมิ ก่อนจะเคลื่อนขบวนออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในเวลา 17.00 มุ่งหน้าไปยังกองพลทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หรือ ‘ราบ1’ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 
 
1659
 
ช่วงเวลาเริ่มต้นการชุมนุม บริเวณเกาะพญาไท เวลา 15.10 น. ผู้กำกับการสน.พญาไทประกาศข้อกฎหมายเรื่องห้ามการรวมตัวที่เสี่ยงต่อโรคโควิด19 ที่ออกตามความพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากนั้นเมื่อเคลื่อนขบวนเดินเริ่มออกเดิน ผู้ชุมนุมฝ่าแนวกั้นที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และเข้ามาถึงหน้าราบ 1 ที่มีตู้คอนเทนเนอร์ล้อมไว้ ระหว่างทางไม่มีตำรวจประกาศห้ามเดินหรือให้เลิกการชุมนุม และผู้ชุมนุมคนหนึ่งเริ่มตัดลวดหนามในเวลา 17.40 น. และเลื่อนตู้คอนเทนเนอร์ออกในเวลา 17.51 น.
 
จากนั้นตำรวจเดินแถวเข้าสลายการชุมนุมในเวลา 18.13 น. ตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง, แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง มีการจับกุมผู้ชุมนุมไม่น้อยกว่า 23 คน โดยเป็นเยาวชน 4 คน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วันที่ 1 มีนาคม 2564 ศาลอาญามีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวผู้ชุมนุม 18 คนด้วยวงเงินประกัน 35,000 บาท อีก 1 คนเป็นผู้สื่อข่าวแนวหน้า ตำรวจปล่อยตัวในชั้นสอบสวน
 

ความชุลมุนของ “ทุกคนคือแกนนำ”

 
การชุมนุมแบบ “ทุกคนคือแกนนำ” เป็นรูปแบบที่กลุ่ม REDEM นำมาใช้การชุมนุมวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ในระหว่างการชุมนุมไม่มีคนคอยประสานงาน ไม่มีเครื่องขยายเสียง ไม่มีการ์ดและไม่มีการเจรจา เน้นการสื่อสารและนัดหมายกันทางระบบออนไลน์ เช่น เทเลแกรมและทวิตเตอร์
 
ในสภาพจริงผู้ชุมนุมผ่านร้อนหนาวและมีบทเรียนการชุมนุมในปี 2563 มาบ้างแล้ว จึงมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมนำรถเครื่องเสียงมาร่วมไม่น้อยกว่า 2 คัน มีกลุ่มชายวัยรุ่นที่ทำตัวคล้ายกลุ่มการ์ดกรุยทางที่จะคอยตรวจสอบเส้นทางและจัดการความปลอดภัย ในทีนี้จะขอเรียกว่า เป็นผู้ดูแลความปลอดภัย กลุ่มที่มีบทบาท คือ  We Volunteer ที่มีการไลฟ์และแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของตำรวจและพื้นที่ปลอดภัย ทั้งนี้ปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่มระบุว่า พวกเขามาในฐานะผู้เข้าร่วมการชุมนุม
 
“ทุกคนคือแกนนำ” ในครั้งนี้มีลักษณะแตกต่างกับการเดินไปทำเนียบรัฐบาลในเดือนตุลาคม 2563 อยู่เล็กน้อย คือ มีการประกาศจุดหมายล่วงหน้าหลายวัน ส่วนเส้นทางการเดินนั้นประกาศในวันชุมนุม ต่างกับครั้งก่อนที่ประกาศรวมพลและแจ้งก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง เส้นทางการเดินก็เป็นตามธรรมชาติของมวลชน หลบเลี่ยงแนวกั้นตำรวจไปเรื่อยจนถึงที่หมาย สำหรับเส้นทางการเดินไปราบ 1 ค่อนข้างสะดวก มีเพียงแนวกั้นของตำรวจที่ตั้งขวางแบบไม่จริงจังนักบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและตู้คอนเทนเนอร์ที่หน้าราบ 1  
 
เมื่อผู้ชุมนุมไปถึงที่หน้าราบ 1 ในเวลาประมาณ 17.30 น. สถานการณ์ยังคงสงบเรียบร้อย ฝ่ายทีมดูแลความปลอดภัยรวมตัวกันที่แนวกั้นซอยพหลโยธิน 2 และหน้าราบ 1 ส่วนอีกฝั่งทางปั๊ม ปตท. มีทีมดูแลความปลอดภัยอยู่ค่อนข้างน้อย
 
การชุมนุมในวันนี้ทีมดูแลความปลอดภัยไม่มีจำนวนมากพอที่จะสอดส่องการเข้ามาสลายการชุมนุมของตำรวจอย่างทั่วถึง ทำให้การปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจที่เกิดขึ้นครั้งแรกบริเวณหน้าปั๊มปตท.ในเวลา 18.13 น. ไม่ได้มีการแจ้งเตือนผู้ชุมนุมก่อนหน้า ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณนั้นไม่ใช่กลุ่มที่มีระบบการจัดการและการทำงานร่วมกัน ผู้สังเกตการณ์พบเห็นผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณหน้าปั๊ม ปตท.​ ขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจ เช่น สี และขวดน้ำ โดยมุ่งหมายเพื่อชะลอแนวตำรวจที่กำลังเดินหน้าเข้าหา
 
แม้จะเน้นการแจ้งข่าวผ่านโลกออนไลน์ กลุ่ม REDEM แจ้งข่าวการสลายการชุมนุมของตำรวจในเทเลแกรมครั้งแรกเวลา 18.20 น. และในทวิตเตอร์ครั้งแรกเวลา 18.22 น. จากนั้นเวลา 18.31 น. จึงแจ้งเส้นทางปลอดภัยให้ผู้ชุมนุมข้ามถนนวิภาวดีไปอีกฝั่งหนึ่งซึ่งต้องเดินปีนเกาะกลางถนนโดยไม่มีสะพานลอย ซึ่งเป็นการแจ้งเส้นทางปลอดภัยเป็นครั้งแรกของการชุมนุมนี้ 
 
หลังสถานการณ์ตึงเครียดขึ้น เวลา 19.44 น. ผู้ชุมนุมบอกต่อๆกันว่า ยุติการชุมนุมแล้วโดยที่ไม่ทราบว่า ต้นทางมาจากไหน ต่อมาเวลา 19.55 น. กลุ่ม REDEM เปิดให้ออกเสียงเป็นเวลา 10 นาทีในกลุ่มเทเลแกรมว่า จะยุติการชุมนุมแล้วพบกันครั้งหน้าหรือไปราบ 1  จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.06 น. จึงประกาศยุติ ผลออกเสียงห่างกันเพียง 16 เสียงเท่านั้น คือ ให้ยุติ 1,442 เสียงและไปต่อ 1,426 เสียง 
 
หลังประกาศยุติทางเทเลแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ผู้ชุมนุมจำนวนมากยังอยู่ในพื้นที่ รถกระบะที่มีเครื่องขยายเสียงยังคงประกาศระดมคนไปตามแนวตำรวจอยู่ ส่งผลให้ผู้ชุมนุมที่เพิ่งมาถึงไม่เชื่อว่า จะเลิกการชุมนุมและจำนวนมากไม่ได้รับรู้ว่า ตำรวจทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุม มีการฉีดน้ำและแก๊ซน้ำตาแล้ว หลายคนเป็นผู้เปราะบางไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุและเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มาในที่ชุมนุมโดยลำพัง ไม่นับรวมชาวเมียนมามากกว่า 100 คนที่ยังคงค้าง พวกเขาไม่กล้าที่จะข้ามถนนวิภาวดีรังสิตเพื่อขึ้นรถกลับบ้านเนื่องจากเห็นว่า ตำรวจจราจรที่ดูแลทางด่วนโทลเวย์ยืนอยู่ และบางส่วนไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้
 
 

ไม่เจรจา ไม่แจ้งเตือนเรื่องการฉีดน้ำ แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง

 
จากการสังเกตการณ์และรวบรวมข้อมูลประกอบพบว่า ตำรวจได้ทำการแจ้งเตือนตามขั้นตอนทางกฎหมายก่อนการสลายการชุมนุมอย่างน้อย 1 ครั้ง บริเวณเกาะพญาไท ในเวลา 15.10 น. โดยเป็นการประกาศข้อกฎหมาย แต่ไม่มีการแจ้งมาตรการและอุปกรณ์ที่จะใช้ในการสลายการชุมนุม ผู้กำกับการสน.พญาไทประกาศข้อกฎหมายเรื่องห้ามการรวมตัวที่ออกตามความพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในระหว่างเดินขบวนแม้ผู้ชุมนุมจะเดินผ่านซอยพหลโยธิน 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของตำรวจและมีเครื่องขยายเสียง แต่ตำรวจไม่ได้มีการแจ้งเตือนหรือประกาศข้อห้ามใดๆ ปล่อยให้ผู้ชุมนุมเดินขบวนไปถึงราบ 1 ได้อย่างสะดวก
 
เมื่อไปถึงหน้าราบ 1 มีการตัดลวดหนามและเลื่อนตู้คอนเทนเนอร์เพื่อเปิดถนนด้านหน้า ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ทหารด้านในราบ 1 ประกาศว่า ราบ 1 เป็นเขตพระราชฐาน แต่เสียงประกาศนั้นไม่ได้ครอบคลุมพื้นที่การชุมนุมทั้งหมด ผู้สังเกตการณ์หกคนที่ยืนอยู่ที่ซอยพหลโยธิน 2, ด้านหน้าตู้คอนเทนเนอร์ราบ 1 และบริเวณหน้าปั๊มปตท. ไม่ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว
 
1663
 
หลังจากผู้ชุมนุมเริ่มดันตู้คอนเทนเนอร์ออกจากหน้าประตูทางราบ 1  เมื่อเวลา 17.40 น. หลังจากนั้น 22 นาที ตำรวจนำกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมโล่ หมวกกันน็อก และกระบอง เดินออกมาจากสโมสรกองทัพบกและวิ่งเหยาะๆ เข้ามาที่บริเวณพื้นที่ชุมนุม 
 
เวลา 18.12 น. ตำรวจมาถึงบริเวณทางออกปั๊มปตท.เผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนไม่ถึง 200 คน ระหว่างนั้นตำรวจไม่มีประกาศแจ้งเตือนเรื่องมาตรการทางกฎหมาย หรือสั่งให้เลิกการชุมนุม หรือให้โอกาสให้ผู้ชุมนุมได้เจรจา ตำรวจใช้โทรโข่งสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “ทั้งหมดหน้าเดิน” 
 
1664
 
เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งหน้าเดิน ตำรวจก็ “วิ่งกรู” เข้าหาผู้ชุมนุม และผู้ชุมนุมก็ถอยหนี มีการทำร้ายผู้ชุมนุมที่หนีไม่ทันอย่างงน้อย 3 คน ขณะที่ตำรวจบางส่วนวิ่งขึ้นมาบนสะพานลอย ไล่ประชาชนและผู้สื่อข่าวให้ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวพยายามจะชี้แจงว่า พวกเขามีหน้าที่ทำข่าว “ให้พวกผมทำงานกันบ้างก็ได้” ตำรวจไม่อนุญาตให้อยู่ต่อและผลักดันผู้สื่อข่าวลงจากสะพานลอยในทันทีระบุว่า “ฟังตำรวจบ้างเซ่ เอ้อ ตีงงกันตลอดเลยหรือไง”
 
การใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และกระสุนยางเกิดขึ้นระลอกที่ 1 ที่แนวตำรวจซอยพหลโยธิน 2 หน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เวลา 18.10 น. มีเพียงการประกาศให้ผู้ชุมนุมถอยออกจากแนวตำรวจ 10 เมตร และ 10 นาทีถัดมาประกาศว่า การกระทำของผู้ชุมนุม คือ การกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย จากนั้นในเวลา 18.39 น. ตำรวจเริ่มฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม มีผู้ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา ผู้สังเกตการณ์ 2 คน ที่ยืนอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามวิภาวดีรังสิต ไม่ได้ยินการประกาศแจ้งเตือนจากตำรวจว่า จะฉีดน้ำ หลังจากนั้นเพียง 6 นาทีตำรวจฉีดน้ำอีกครั้ง และผู้สังเกตการณ์ที่อยู่บริเวณหน้ารพ.ทหารผ่านศึก รู้สึกระคายเคืองตา จนกระทั่งเวลา 19.20 น.ผู้ชุมนุมเริ่มดันแนวตำรวจที่ด้านหน้ารพ.ทหารผ่านศึก เจ้าหน้าที่จึงเริ่มต้นใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุม
 
1667
 
 
1666
 
ระลอกที่ 2 เกิดขึ้นทางฝั่งแนวหน้าปั๊มปตท. ในเวลา 20.13 น. ตำรวจประกาศให้รถฉีดน้ำเตรียมตัวถ้าผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวมาถึงแนว จากนั้นอีก 7 นาทีให้หลังจึงฉีดน้ำ ระหว่างนั้นมีการใช้แก๊สน้ำตาอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง  ช่วงหลัง 21.00 น. เป็นช่วงที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนที่ตั้งแถวอยู่หน้าราบ 1 ใช้กระสุนยางยิงไปทางผู้ชุมนุมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนวิภาวดีรังสิตอย่างต่อเนื่อง แม้ผู้ชุมนุมจะข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วตำรวจยังคงรุกยิงตามไป ซึ่งเวลานั้นตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงประกาศเพียงว่า จะเปิดเส้นทางจราจร ขอให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน ไม่มีการแจ้งว่า จะใช้กระสุนยางในการสลายผู้ชุมนุม
 
 

ตำรวจเปิดฉากความรุนแรงและทำร้ายผู้ชุมนุมไม่น้อยกว่า 4 กรณี

 
การทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ระลอก ระลอกแรก คือ ช่วงเวลา 18.13 น. ที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเดินแถวเข้ามาที่ทางออกปั๊มปตท. และช่วงเวลา 21.00 น. หลังตำรวจควบคุมฝูงชนยิงกระสุนยางและฉีดน้ำไล่ผู้ชุมนุมออกจากถนนวิภาวดีฝั่งขาออก
 
บริเวณหน้าปั๊มปตท. เวลา 18.13 น. ตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแถววิ่งเข้าหาผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณนั้น ประชาชนถูกตำรวจควบคุมฝูงชนทำร้ายไม่น้อยกว่า 3 กรณี การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผู้สื่อข่าวและประชาชนที่สัญจรไปมาบนถนนวิภาวดี  จากการสังเกตการณ์ผู้ถูกทำร้ายรายที่ 1 ยืนอยู่ริมถนนกำลังทำท่าทีคล้ายการถ่ายวิดีโอการเดินแถวของตำรวจ ด้านข้างมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย จากนั้นตำรวจไปคว้าตัวและผลักล้มลงในแนวตำรวจ ชายคนที่ยืนด้านข้างจึงรีบหลบขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่
 
ผู้ถูกทำร้ายรายที่ 2 ยืนอยู่หน้าแนวของตำรวจและถอยหลังออกมาเมื่อตำรวจเริ่มเดินเข้าหา เมื่อตำรวจเข้าประชิดชายคนดังกล่าวถูกตำรวจเตะที่ท้องจนล้มลง จากนั้นแถวของตำรวจเดินหน้าต่อก้าวย่ำ ทำให้ชายที่ถูกทำร้ายมีลักษณะถูกม้วนเข้าไปกลางแนวตำรวจ ระหว่างนั้นผู้ชุมนุมมีการปาสีและสิ่งของใส่ตำรวจ สิ่งของเหล่านั้นบางส่วนถูกโล่ บางส่วนตกด้านหน้าแนวตำรวจ
 
ส่วนผู้ถูกทำร้ายรายที่ 3  จากการตรวจสอบคลิปวิดีโอขนาดสั้นเห็นว่า ชายคนดังกล่าวหมอบลงไปที่พื้น ขณะที่ตำรวจไม่น้อยกว่า 5 นายยังคงใช้เท้ากระทืบไปที่ตัวของชายคนนั้น
 
1668
 
ระลอกที่ 2 คือ ช่วงเวลา 21.00 น. เยาวชนชายวัย 16 ปีให้สัมภาษณ์กับประชาไทว่า เวลาประมาณ 21.00 น. เขายืนอยู่ที่หน้าปั๊มเชลล์ ฝั่งตรงข้ามกับราบ 1 ตำรวจควบคุมฝูงชนวิ่งข้ามถนนมา เขาจึงตัดสินใจวิ่งหนี ระหว่างที่เขากำลังช่วยผู้หญิงที่ล้มลง ตำรวจยิงกระสุนยางใส่ที่หลัง ทำให้เขาวิ่งไม่ทันและถูกจับในที่สุด หลังจับกุมตำรวจกระทืบเขาซ้ำๆ พร้อมกล่าวว่า มึงทำเพื่อนกูทำไม เยาวชนรายดังกล่าวว่า เขาไม่ได้ทำอะไรเลยเพิ่งจะมาถึงที่ชุมนุมเมื่อสักครู่ด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้รับความเห็นใจใดๆ
 
 

ไม่เปิดเส้นทางและเผื่อเวลาให้กลับบ้านโดยปลอดภัย

 

นับตั้งแต่เวลา 17.30 น. เมื่อผู้ชุมนุมปิดเส้นทางคู่ขนานด้านหน้าราบ 1 ทำให้ไม่มีรถสามารถผ่านเข้าไปในทางคู่ขนานฝั่งมุ่งหน้าแยกสุทธิสารวินิจฉัยได้ รถยนต์ที่จะวิ่งขึ้นโทลล์เวย์และวิ่งในทางหลักของถนนวิภาวดียังวิ่งได้ ขณะที่ตำรวจวางกำลังประกบผู้ชุมนุมจากสองฝั่ง คือ แนวซอยพหลโยธิน 2 และแนวหน้าปั๊มปตท. สภาพการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้ชุมนุมไม่มีทางออกจากที่ชุมนุมได้นอกจากจะต้องข้ามถนนวิภาวดีไปอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น 
 
การเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมและตำรวจเริ่มขึ้นในเวลา 18.13 น. ที่แนวหน้าปั๊มปตท. เมื่อแนวหน้าปั๊มปตท.สงบลง ที่แนวซอยพหลโยธิน 2 ก็เกิดการปะทะใหม่ สลับกันไปมา ผู้ชุมนุมต่างวิ่งกลับไปกลับมาเพื่อช่วยเหลือกันระหว่าง 2 แนวนี้ 
 
ที่แนวปตท.เวลา 19.45 น. ตำรวจประกาศให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับบ้านทางแยกสุทธิสารวินิจฉัย โดยตำรวจจะเปิดเส้นทางให้เดินออก ซึ่งในเวลาดังกล่าวกลุ่ม  REDEM ยังไม่ประกาศยุติการชุมนุม และกล่าวด้วยว่า หากมีการจับกุมจะใช้มือเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเส้นทางดังกล่าวค่อนข้างเปลี่ยว เมื่อเดินผ่านแนวตำรวจไปแล้วไม่มีรถใดๆ วิ่งผ่านได้เลย ผู้ชุมนุมที่จะกลับบ้านจำต้องข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเท่านั้น ขณะที่บางส่วนรีรอช่วยเหลือผู้ชุมนุมที่คงค้างอยู่จำนวนมาก บางส่วนยังรอเพื่อนำรถส่วนตัวที่จอดค้างอยู่ในแนวตำรวจออก 
 
จนถึงเวลา 20.00 น. ก่อนหน้า REDEM ประกาศยุติการชุมนุม 6 นาที ตำรวจ ตั้งแถวปิดทางคู่ขนานอีกครั้งและเดินเรียงแถวเข้าหาผู้ชุมนุม โดยเว้นพื้นที่สองเลนทางขวาไว้คล้ายจะให้คนเดินออกได้ขณะที่แถวตำรวจพร้อมอาวุธและรถฉีดน้ำก็เดินหน้าเข้าหาผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจตะโกนให้ตำรวจถอยไป จนเวลา 20.04 ตำรวจก็ตั้งแถวปิดถนนทางคู่ขนานทั้งสี่เลน จนถึงเวลา 20.12 น. รถฉีดน้ำเคลื่อนมาหลังแนวตำรวจ   ผู้ชุมนุมเริ่มขว้างปาขวดน้ำและใช้ไม้พลองตีไปที่แนวตำรวจ ตำรวจตะโกนขอให้หยุด พร้อมถอยร่นไปทางแยกสุทธิสารวินิจฉัย ผ่านไปไม่กี่นาทีตำรวจประกาศให้รถน้ำเตรียมตัว พร้อมระบุว่าถ้าผู้ชุมนุมมาถึงแนวที่กำหนดไว้ให้ใช้น้ำได้เลย จากนั้นเริ่มฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมอีกครั้ง ต่อมาเวลา 20.37 น. ตำรวจประกาศบนรถประชาสัมพันธ์ว่า จะไม่มีการสลายการชุมนุม
 
1662
 
ที่แนวซอยพหลโยธิน 2 เวลา 20.17 น. ภายหลังการประกาศยุติการชุมนุมเพียง 11 นาที ตำรวจควบคุมฝูงชนที่วางกำลังภายในซอยสั่งจัดแถวและเตรียมเคลื่อนขบวน จากนั้นเวลา 20.24 น. ตำรวจฝ่าแผงกั้นของผู้ชุมนุมมาที่หน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และเวลา 20.33 น. ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนหลายร้อยนายเดินแถวมุ่งหน้ามาทางราบ 1 พร้อมประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นระยะว่าไม่ได้มาเพื่อสลายการชุมนุม จะขอเดินกลับที่ตั้ง แต่ก็ใช้กระสุนยางยิงจากหลังแนวโล่เป็นระยะ เป็นการยิงแนวขนานกับพื้นความสูงระดับศีรษะ โดยตำรวจชุดควบคุมฝูงชนอีกชุดหนึ่งประมาณร้อยนายพร้อมอาวุธ ตั้งแถวปิดถนนวิภาวดีตามแนวใต้สะพานลอยหน้ารพ.ทหารผ่านศึก ทั้งบนถนนคู่ขนานและถนนหลัก และขอตรวจค้นทุกคนที่เดินผ่านทำให้ผู้ชุมนุมไม่รู้สึกปลอดภัยที่จะเดินทางออกจากพื้นที่ทางนั้น
 
1660
 
 
1661
 
เวลา 21.17 น. ผู้ชุมนุมที่ข้ามถนนมาอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว ตำรวจยังใช้กระสุนยางไล่ยิงเปิดทางและวิ่งข้ามฟากมาตามผู้ชุมนุมที่คงค้างที่ปั๊มเชลล์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ We Volunteer ประกาศเป็นพื้นที่ปลอดภัย สำหรับนัดหมายให้ผู้ชุมนุมที่จะกลับบ้านมารวมตัวกัน ทั้งภายในปั๊มยังมีเตนท์แพทย์พยาบาลอาสาอยู่ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเหลือทางปลอดภัยเพียงทางเดียว คือ การเรียกรถแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซด์ออกไปทางสามเหลี่ยมดินแดงหรือเดินย้อนลงไปที่แยกสุทธิวินิจฉัย ฝั่งตรงข้ามราบ 1 แต่เมื่อหลายคนเดินไปก็พบว่า มีการวิ่งไล่คนบนสะพานลอยจนแตกฮือกลับมาที่ฝั่งตรงข้ามบริเวณป้ายรถเมล์ ลักษณะดังกล่าวสร้างความสับสนและหวาดกลัวให้แก่ผู้ชุมนุมที่ต้องการจะเดินทางกลับบ้าน โดยไม่มีใครรู้ว่าจะต้องกลับด้วยเส้นทางใดจึงจะปลอดภัย
Article type: