ฟังสามเรื่องเล่า What Happened in #ม็อบ18พฤศจิกา65

18 พฤศจิกายน 2565 ผู้ชุมนุมกลุ่ม #ราษฎรหยุดAPEC2022 นัดหมายชุมนุมที่ลานคนเมือง และจะเดินขบวนเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตรไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมเอเปค แต่เมื่อเริ่มออกเดินในเวลาประมาณ 8.42 น. จากบริเวณลานคนเมืองได้ไม่กี่เมตร ตำรวจก็ตั้งแถวสะกัดไม่ให้ผู้ชุมนุมสามารถเดินผ่านไปได้

ผู้ชุมนุมเจรจาขอให้ตำรวจเปิดทางเดินช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนพร้อมอาวุธจะตั้งแถวพร้อมเอารถตำรวจมาขวางบริเวณถนนดินสอ ทางออกไปยังวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ระหว่างนั้น ผู้ชุมนุมพยายามประกาศให้ตำรวจมาเจรจา แต่ตำรวจไม่ได้เปิดการเจรจา พร้อมยืนยันประกาศห้ามเดินขบวนโดยอ้างมาตรา 15 และ 16 ของพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ

เวลาประมาณ 9.44 น. เมื่อผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งพยายามเขย่ารถกระบะตำรวจที่จอดขวางเพื่อเปิดทาง ก็มีตำรวจควบคุมฝูงชนกรูเข้าจับกุมผู้ชุมนุมไปจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้รับแจ้งว่าจะมีตัวแทนสถานทูตของประเทศที่มาประชุม เดินทางมารับหนังสือ ณ จุดนั้น ผู้ชุมนุมจึงประกาศปักหลักรอ ด้านตำรวจก็ประกาศจะปรับแนว ไม่ดำเนินการใดๆ

ต่อมา เวลาประมาณ 12.45 น. ระหว่างผู้ชุมนุมส่วนใหญ่กำลังนั่งพักกินข้าว ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งจุดเตาไฟทำ “พิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง” เป็นเหตุให้ตำรวจ “ยิงโฟม” ใส่ผู้ชุมนุมเพื่อดับไฟและปาขวดแก้วใส่ทางผู้ชุมนุม แต่หลังจากนั้น ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนหลายสิบนายพร้อมอาวุธก็วิ่งกรูเข้าใส่ผู้ชุมนุมที่กำลังนั่งพัก ทำลายข้าวของ จับกุมผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง ยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม รวมทั้งยึดข้าวของ และรถเครื่องเสียงของผู้ชุมนุมไป

จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันนี้ มีผู้ถูกจับอย่างน้อย 26 คน มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 21 คน บางคนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและอาจสูญเสียการมองเห็นเพราะถูกกระสุนยางยิงใส่ตา

ชมคลิปประมวลเหตุการณ์ https://www.facebook.com/watch/?v=530023208671519

ดูสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดได้ทาง https://www.mobdatathailand.org/case-file/1668790211858/

คิม อายุ 22 ปี จากกลุ่ม “ทะลุมข.” เล่าถึงประสบการณ์จากการโดนจับครั้งแรกในชีวิต

ทำให้ล้มแล้วรุมกระทืบ

ตั้งแต่แรกๆ ก็รู้สึกว่าจะมีความรุนแรงแล้ว เรารู้สึกได้ คือ ตอนประมาณเก้าโมงกว่าๆ ที่การ์ดเอาสลิงไปพันกับล้อรถ แล้วก็บอกต่อๆ กันมาว่าจะดึงรถให้เบี่ยงเพื่อเปิดทาง ก่อนหน้านั้นมีการจับป้าเป้าไปก่อนแล้ว ผมก็เลยรู้ว่าถ้ามีคนไปล้ำเส้นมันจะต้องมีคนโดนจับเพิ่มขึ้นแน่เลย พอเริ่มดึงทางโฆษกของตำรวจก็ประกาศว่า ใครดึงให้หน่วย Striker มาจับได้เลย

พอฝั่งเราเริ่มดึง ตัวผมเองอยู่ฝั่งซ้ายมือ มีเพื่อนชื่อตั้งอยู่ด้านหน้า แล้วคฝ. ที่ถือโล่ก็วิ่งเข้ามาเลย มีตัว Striker วิ่งนำมา ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะผลักก่อน แต่ที่เห็นคือวิ่งมาด้วยการตั้งโล่จะฟาดผมแล้ว ใจแรกเห็นก็คิดว่า ไม่ใช่ละ มันจะไม่ได้แค่จับไม่ใช่การควบคุมตัวแล้ว ต้องโดนกระทืบแน่ๆ เลย พอมันฟาดลงมาดอกแรกโดนขาเพราะผมหลบทัน แต่ก็มีกระบองฟาดลงมา แล้วก็มีคนล็อกตัวใหญ่มากวิ่งมาตัดขาผมลง พอผมล้มก็คือโดนรุมกระทืบจากคนข้างหลัง เยอะเลย ดูในคลิปก็ประมาณ 20 คนได้ แย่เลย ไม่รู้ว่าโดนตรงไหนบ้างโดนทั้งตัวแหละ มีทั้งคอมแบต ทั้งโล่

ตอนแรกผมจะหนี บอกเขาว่าผมเจ็บขาผมลุกไม่ได้ ก็มีตำรวจหน่วยที่ถือปืนถือมาจ่อหัวผม ผมก็บอกว่า “พี่ … ยอมแล้ว ผมพอแล้ว” ผมนอนอยู่กับพื้นแล้วมันก็เล็งมาด้านล่าง แล้วผมก็โดนอุ้มไป

เสรีความรุนแรง

ระหว่างทางที่อุ้มไปที่รถคุมขังก็มีหลายคนวิ่งมาจอยเนอะ คือ คฝ.วิ่งมาตี ก็ได้ยินทำนองว่า “มึงแจ๋วเหรอ มึงปากเก่งเหรอ?” มีตำรวจที่คุมผมไป แล้วก็มีพวกที่ไม่ได้คุมผมวิ่งมาต่อยนะ มีกระบองด้วย ใครถนัดอันไหนตอนวิ่งผ่านก็ใช้อันนั้นแหละ

พอผ่านจุดนี้ไปก็เจอตำรวจระดับสั่งการมาตบหัวผม แล้วบอก “ไอ้เหี้ย ไอ้น้อง มึงเจ๋งเหรอ” โยนผมลงรถแล้วก็เตะผม ที่ผมเจ็บใจมากเลย คือ มีคนนึงวิ่งมาเตะไข่ผม แล้วก็วิ่งไป มึงเตะกูทำไมจะถึงรถอยู่แล้ว แล้วก็มีเพื่อนตำรวจมาห้ามเอง

พอไปถึงรถผมก็เห็นไอ้ตั้งนอนฟุบอยู่ ผมเห็นแล้วก็ประเมินได้ว่าถ้าดื้อในรถก็ต้องโดนแบบนี้แน่เลย ก็บอกตำรวจว่า “ผมยอมแล้ว พอแล้ว” ตอนปิดประตูรถก็เซ็ง นั่งคิดว่าโดนอะไรมาบ้าง แล้วก็เจอเพื่อนอีก คือ เปากับเพื่อนอีกคน ซึ่งแสดงสีหน้ารู้ได้ว่าโดนอะไรมาเหมือนกันเลย ตำรวจที่เดินอยู่ข้างนอก ที่ไม่ได้ใส่ชุดคฝ. ก็ยังตะโกนด่าพวกเราเข้ามาอีก คนที่มียศใหญ่ก็ไม่ได้ห้ามลูกน้อง ปล่อยจอยฟรีไปเลย

คนสุดท้ายที่ถูกจับเข้ามาก็คือ พี่ติ๊ก กลุ่มก่อการล้านนา ก่อนเข้ารถแกก็ไม่ยอมเข้า พยายามดัน ตำรวจพวกยศใหญ่ๆ ก็ยังเดินมาต่อย พี่แกก็ไม่ยอมแต่โดนจนไม่ไหวก็เลยเข้ามา แล้วพี่แกถีบประตูทำให้ปิดประตูรถไม่ได้ ตำรวจก็เลยเอาเคเบิ้ลไทร์มารัด แล้วก็รัดทุกคนด้วย ระหว่างนั้นตำรวจก็ยังเดินมาด่าเป็นระยะๆ ทำนองว่า “ไอ้กระจอก” สักพักก็มีคนเดินมาสั่งว่าให้ออกรถได้เลย แล้วก็ไปที่สน.ทุ่งสองห้อง ก็ถูกยึดโทรศัพท์มือถือ

พอเข้าห้องสอบสวนไปแล้ว ทุกอย่างก็ปกติ ก็ไม่ได้ทำอะไรแล้ว ทุกคนโดนหนักมาเหมือนกัน อย่างพี่ติ๊กน่าจะดั้งหักแล้วก็ไปโรงพยาบาล มีบิ๊ก กลุ่มโคราชมูฟเม้นต์ก็หัวแตก เราก็พยายามจะบอกว่าตำรวจไม่ได้ใช้หลักสากลในการจับกุม ไม่ได้บอกอะไรเลย มีการจงใจทำร้ายร่างกายระหว่างทางหลังถูกจับแล้วไปยังรถผู้ต้องขัง ฝั่งเราก็ไม่ได้มีอะไรเลย ไม่มีอาวุธ ผมเองก็มีแค่หน้ากากผมไม่ได้ใส่เอาเท่ห์ ผมเอาความปลอดภัย อย่างพี่เปาใส่หมวกป้องกันเหมือนของวิศวกรก่อสร้าง แต่เละเลย ถ้าไม่ใส่หมวกคงเละ

“ฟลัวร์” (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ผู้ชุมนุมที่อยู่แนวหน้า กลุ่มแรกที่ถูกจับกุมขึ้นรถตำรวจ

กำแพงมนุษย์ถูกโค่น-ท่าทีเหมือนไม่ใช่เจ้าหน้าที่

ตอนช่วงจังหวะที่โดนจับกันไป ในส่วนของผมก็จะมีการ์ดสี่คนที่โดนกัน โดนไปชุดแรก ชุดที่ว่าเริ่มมีการดึงรถกระบะของเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะเปิดทางเดินเข้าไป

พอจังหวะเส้นทางมันเปิด เราได้มีการคุยกันเบื้องต้นว่า เราจะไม่มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น เราคล้องแขนกัน แล้วก็ดันมวลชนออกถอยห่างให้ได้มากที่สุดในจังหวะที่เขาเปิดทางแล้ว

พอเปิดทาง (เจ้าหน้าที่) เขาวิ่งมาเร็วมาก พวกผมก็เลยโดนไปสี่ห้าคน โดนจับกุมเข้าไป ในรถผู้ต้องขังคันของผมมีหกคน ในระหว่างที่จะเดินขึ้นไปบนรถ แต่ละคนที่โดนจับก็ขึ้นมาเล่ากัน โดนหนักๆ กันทั้งนั้นแผลที่ผมเห็น ผมไลฟ์สดอยู่ในเพจ มันจะเป็นแผลแบบช้ำๆ แผลแดง แดงมาก แต่พอผ่านไปประมาณครึ่งวันก็เริ่มจาง

ช่วงที่โดนจับเราคล้องแขนกัน (เพื่อทำกำแพง) แล้วแต่ว่าไม่ทัน เขาเร็วกว่าเรา เราถอยช้ากว่า เพื่อนคนนึงในทีมที่ออกไปก็โดนกระชากไปละ แต่ว่าผมคล้องแขนอยู่ก็เลยจำเป็นต้องดึงกลับมา เราเลยหลุดไปด้วย เขาลากเราไปด้วยพร้อมกับตีเข้ามา จังหวะที่เห็นก่อนที่จะมีการเปิดทาง ท่าทีของเจ้าหน้าที่เหมือนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ เรามีการคุยกันประเมินกันว่าหรือว่ามันไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่ดูจากลักษณะชัดเหมือน คฝ.ทั่วไปเลย แบบผ้าพันคอสีเขียว เพราะมันเปลี่ยนสลับชุดกัน ตอนแรกเป็นชุดแบบ คฝ. ที่ไม่มีผ้าพันคอ ที่นี้พอตอนก่อนเปิดทาง มันเปลี่ยนกำลังกันเป็นชุดผ้าพันคอเขียวและถือลูกซองมา

หลายๆ คนเห็นมันใส่แว่นดำเหมือนเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษอะไรซักอย่าง แว่นเหมือนตอนที่เขาไปซ้อมยิงปืนกัน

ช่วงเขย่ารถ เขามีการพุ่งเข้ามาทีนึง พุ่งมาหยอก พุ่งมายั่ว แล้วก็เปลี่ยนชุดกำลังกัน ซึ่งจากท่าทีของชุดผ้าพันเขียว เราประเมินกันว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ คฝ. ที่ถูกต้องตามกระบวนการ

เดินผ่าน คฝ. คนไหนเขาก็จะต่อยเราเล่น

ช่วงที่ประชันหน้ากันกับเจ้าหน้าที่ เขาก็มีปากเสียงกันนะชุดผ้าพันคอเขียว เพราะจะมีท่าทางยั่วยุมาก ยั่วยุให้เราโกรธให้เราเล่นด้วย มีการออกหน้าทำมือ มาดิๆ หรือชูนิ้วกลางใส่ ฝั่งเราบางคนก็เอาด้วย ก็ชี้กัน

ช่วงที่ผมโดนจับ ผมโดนลากไปแล้ว มันจะใช้ประมาณ “สิบคนต่อผู้ชุมนุมหนึ่งคน” มันก็จะลากแล้วก็ทำอย่างไรก็ได้ให้เราล้ม ให้เราเสียทรงแล้วรุมกระทืบขาเรา ตัวเราก็งอเพราะโดนพวกไม้กระบองฟาด โชคดีที่ตัวผมไม่มีแผลเพราะสะพายกระเป๋าไว้ โดนตีแต่ไม่ช้ำ แต่ก็ปวดและเจ็บลำตัวส่วนที่โดนเตะ แต่ส่วนที่หนักสุดคือบริเวณใบหน้า เขาเตะเข้าหน้าผมจนล้มแล้วก็ลากไป กระทืบหน้า แล้วก็พูดแบบเหมือนเกลียดชังเหมือนจะฆ่าเราได้ ประมาณว่า “มึงเก๋านักหรอ” “อยากตายนักใช่ไหม” “มาดิๆ มึงโดนแล้วนี่ไง” ได้ยินคำว่าเก๋าๆๆ แล้วก็รุมต่อยหน้า ในช่วงที่โดนลากขึ้นรถไป

มันมีหลายยก ยกนึงคือยกที่หลุดจากเพื่อนไปแล้ว อีกยกนึงคือช่วงที่กำลังเดินไป ตัวเราก็หมอบแล้วนะ แล้วเดินผ่าน คฝ. คนไหนเขาก็จะต่อยเราเล่น มีสองคนหิ้วปีกเรา แล้วคนอื่นก็จะพากันหลีกทาง สองคนที่หิ้วเราก็พยายามจะบอกว่า “อย่าไปทำน้อง ใจเย็น” แต่เพื่อนก็จะยังเข้ามารุมกระทืบอยู่ดี พอขึ้นรถไปก็เห็นเพื่อนหกคนเล่าประมาณเดียวกัน บางโดนตีเข้าที่หัวแตก บางคนก็อ้วกก็มี ช้ำกันเลย แว่นหาย ของหาย อะไรต่างๆ แล้วพอขึ้นรถก็จะโดนมัดเคเบิ้ลไทด์

เขาพาขึ้นทางด่วนวิภาวดีไป สน.ทุ่งสองห้อง ตอนประมาณ 10-11 โมง แล้วก็อยู่ยาวจนถึงเที่ยงคืน ชุดผมที่โดนจับไปมีทั้งหมดหกคนที่โดนก่อนและเข้ามาในห้องขังชุดแรก ตามด้วยชุดของป้าเป้ามาอีกสามคนสี่คน แล้วก็ห้องผมมาเพิ่มอีกคนนึง พอผ่านไปประมาณซักสองชั่วโมงชั่วโมงนึง มีข่าวประมาณว่าโดนมาอีกสิบ ก็ได้ยินว่ามีพี่บารมีมา ทีมเครื่องเสียง ทีมการ์ด ก็เข้ามาอีกสิบคน รวมๆ แล้วก็ประมาณ 25 คนทั้งหมดก็อยู่ในห้องขัง

จับก่อน ข้อหามาทีหลัง – เซ็นก่อน เงื่อนไขมาทีหลัง..?

เขามาตั้งเงื่อนไขตอนที่เราเซ็นสัญญาประกันตัวเสร็จแล้ว พอเซ็นเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้าน เขาก็มาบอกว่า “แปปนึงนะคะ มีเงื่อนไข” หลังจากที่เราเซ็นแล้ว โดยเงื่อนไขสามข้อหลักๆ ก็คือ หนึ่งห้ามชุมนุมสาธารณะ สองห้ามโพสต์ชักชวนกิจกรรมทางการเมือง สามห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

ต้องขอบคุณพี่ๆ กลุ่มพี่ทนายสิทธิฯ เขามาก ดูแลตั้งแต่สิบโมงจนถึงเที่ยงคืน ในช่วงจับกุมจะมีการตรวจร่างกายของแต่ละคน จะมีเป็นหมอจากโรงพยาบาลตำรวจประมาณสี่คน สองคนกรอกประวัติ อีกสองคนถ่ายรูป พอในชั้นสอบสวนแบ่งไปทีละห้าหกคนไปคุยกัน

ในช่วงนึง บันทึกการจับกุมบอกข้อหาเราในลักษณะกล่าวหากันแบบเต็มตัวเลย ตอนแรกที่จับเราเขายังไม่มีข้อกล่าวหาให้เรา แล้วข้อหามาออกตอนเย็นๆ เราถามทั้งวันเลยตั้งแต่บ่าย-เที่ยง ว่า “เราโดนข้อหาอะไร” เขาก็ตอบไม่ได้ เขาบอกว่าเดี๋ยวรอคำสั่งก่อน

คำสั่งมาตอน 5-6 โมงตอนเย็นว่ามั่วสุมสิบคน ม. 215 กับ 216 ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน แล้วก็มีประทุษร้ายเจ้าพนักงาน พอได้ยินข้อหานี้แล้วก็แบบ โถ ช่างกล้า ทนายก็เลยเสนอว่าอยากให้เพิ่มรายละเอียดในบันทึกการจับกุมว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ก็ไม่ชอบธรรมเหมือนกัน แบบนี้เขากล่าวหาเราเต็มตัว

ภูมิ อายุ 23 ปี ผู้ดูแลรถเครื่องเสียงของ “ทะลุฟ้า” หนึ่งในผู้ถูกจับกุมระหว่างพักทานข้าว

คฝ. บุกกลางมื้ออาหารกลางวัน

คือจังหวะมันงงมาก กำลังจะบ่ายโมง ตอนเที่ยงเขาก็กินข้าวกันใช่ไหม เป็นตอนที่พี่ในกลุ่มขับรถเข้ามาพอดี แล้วก็บอกว่า “ข้าวมาแล้ว ข้าวมาแล้ว” จากนั้นเราก็ยกถุงข้าวไปวางไว้หลังเสากัน เพื่อนผมก็มานั่งคดข้าว ผมเป็นคนไปเอาข้าวเพื่อเอามากินตรงรถเครื่องเสียง

นึกภาพแบบ กลุ่มพี่น้องจะนะ มีแต่พวกมะห์นั่งกินข้าว เพื่อนก็กำลังตักข้าว คนกำลังต่อแถวรับข้าว ไม่เกิน 15 นาที อยู่ดีๆ มีการขว้างปาขวด ขว้างไป ขว้างมา ฝั่งตำรวจก็มีการขว้างไม้อัดมาเหมือนกัน ไม่รู้โดนหัวใครบ้างรึเปล่า ผมยังเก็บไว้บนรถอยู่เลย พอขว้างเสร็จปุ๊ป ก็มีควันเยอะมาก ทั้งพลุสี ทั้งควันเปล่าๆ แล้วตำรวจก็ประกาศว่า “มีการใช้ความรุนแรง” อะไรประมาณนี้ แล้วอยู่ดีๆ ก็ปล่อย คฝ. ออกมาวิ่งใส่ มันเป็นจังหวะที่มวลชนแผงหน้าอ่อนแล้ว มันไม่ได้เป็นแผงแล้ว กำลังนั่งกันตามสบาย ตามอัธยาศัย ก็ต้องวิ่งหนีกัน ผมก็กินอยู่ แต่จังหวะนั้นต้องทิ้งแล้ว นี่ยังไม่รู้เลยว่าหม้อข้าวได้เอากลับมาไหม

ได้ยินเสียงบนรถไฮปาร์คบอกว่า “ถ้าตำรวจไม่หยุด เราก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง” แต่ทั้งสองฝั่งก็ไม่มีใครหยุด พอจะพูดก็ไม่มีใครได้ยินกัน

 กองทัพหุ่นยนต์จอมทุบ

ตอนนั้นผมอยู่ข้างบนรถ พอ คฝ. วิ่งผ่านรถเครื่องเสียงไป มวลชนมันก็จะอยู่ต่ำใช่ไหม ภาพที่อยู่ในหัวผมคือ ตรงรถเครื่องเสียงก็จะเป็นภาพของ คฝ. 3-4 กลุ่ม ยืนกระทืบคนอยู่ตรงนั้นนั้น กระทืบๆ กระทืบแล้วก็ลากไปขึ้นรถผู้ต้องขัง ไม่ก็กระทืบซ้ำก่อนจะเอาขึ้นรถ ผมเห็นปุ๊ปผมก็ช็อคอยู่ แล้วผมก็เข้ารถไป กำลังจะวนรถ เพราะได้ยินเสียงแกนนำบอกให้รถวนออก แต่คือมันไม่ทัน มี คฝ. วิ่งมาแล้วเอากระบองฟาดรถ พอผมเห็นผมก็ปิดประตูและล็อคประตูทั้งสองข้าง

พอมันเห็นผมมันก็เอากระบองตีๆๆๆ แล้วบอกว่า “ลงมาๆ ลงมาจากรถ เก่งหรอไอสัส” อะไรแบบนี้ ผมก็เลยเปิดกระจกนิดนึงแล้วบอกว่า “ใจเย็นๆ พี่ ผมไม่ใช่คู่ขัดแย้งของพี่นะ ความรุนแรงมันไม่ได้เกิดมาจากฝั่งผม” เขาก็ไม่ฟัง ก็ยังเอากระบองทุบกระจกอยู่อย่างนั้น จนผู้บังคับบัญชาเดินมาสั่งให้หยุด มันถึงหยุด เหมือนหุ่นยนต์เลยนะ กำลังฟาดๆ อยู่ แล้วมีผู้การหรือผู้บังคับบัญชาการเดินมาบอกว่า “พอแล้วๆ ให้เขาลงมาดีๆ” แล้วเขาก็ตอบว่า “ครับนาย!” แต่พอหัวหน้าเดินผ่านไปแล้ว มันก็วิ่งไปทุบต่อ เหมือนโรบอทจัดๆ

พอผมลงมา เขาก็บอกว่าใจเย็นๆ ไม่มีอะไร สบายๆ relax ตอนนั้นผมก็ล่กด้วย เห็นคนโดนกระทืบ ผมก็พยายามพูดถามเช็คเขาว่า “พี่รู้ใช่ไหมว่าความรุนแรงไม่ได้เกิดมาจากชาวบ้าน” เขาก็ตอบว่า “เข้าใจ พี่ก็คิดเหมือนเราแหละ แต่น้องเข้าใจใช่ไหมว่ามันเป็นสถานการณ์” ผมก็มอบ ยืนรอเขาเอาตัวไปที่รถ

“ไม่น่วม” เพราะไม่ใช่ “การ์ดม็อบ”

เขาพาผมไปอยู่รวมกลุ่มกับคนไฮปาร์คบนรถ เห็นพี่บารมีก็โดนตำรวจจูงแขนมา นั่งกันอยู่ตรงท้ายแนว คฝ. ตำรวจก็ให้ตำรวจกองร้อยนึง ให้ไปยืนปิดฝั่งแมคโดนัลด์ ปิดกันพื้นที่ให้สื่อมวลชน

พอกลุ่มที่โดนจับรอบนี้เป็นเซ็ทไฮปาร์ค (แกนนำ) ท่าทีของเขาก็จะดีขึ้น ไม่เหมือนกับรอบการ์ด ตอนส่งตัวมีคนเดินตาม ตอนแรกเขาว่าจะอุ้มไป แต่ผมบอกว่าไม่ต้องล็อคไม่ต้องอะไร เดี๋ยวจะเดินไปดีๆ จะให้เดินไปตรงไหน พวกผมที่โดนด้วยกันเซ็ทบ่าย เขาให้นั่งเป็นวงกลมและสั่งให้ถอดเสื้อเพื่อเช็คว่ามีอาวุธอะไรรึเปล่า ตรงที่ๆ ให้ผมนั่ง ไม่เช็ดอะไรเลย มีคนโดนเศษแก้วบาด ส่วนข้างๆ ตรงนั้น ก็จะเป็น คฝ. ที่โดนเศษแก้วเหมือนกัน เพื่อนๆ คฝ. กำลังปฐมพยาบาลให้ ไม่กวาดไม่อะไรเลย ผมเอาเท้าเขี่ยๆ หลบ ตำรวจก็บอกว่า “เสื้อเก่าอะถอดมา เอามาปัดเศษแก้ว” ผมก็ต้องถอดเสื้อ แล้วเอาเสื้อมาปัดเศษแก้ว คิดในใจว่า ช่างแม่ง ปัดๆ ไป

ผมถูกยึดมือถือตอนจะเข้าไปในห้องฝากขัง ระหว่างทางบนรถผู้ต้องขังยังใช้มือถือได้ปกติ แต่พอถึงโรงพัก (สน.ทุ่งสองห้อง) ก็ยึด ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่ายึดไปทำไม ข้อหามันไม่ได้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพ์เลย ในห้องมี 14 คน ห้องเล็ก อับมาก เราสอบสวนกันทีละหลายคนซึ่งใช้เวลานานมาก พอสอบสวนเสร็จก็นั่งรอพี่บารมีเจรจา แล้วระยะเวลาต่อจากนี้มันห่างกันหลายชั่วโมงมาก มารู้ทีหลังว่าต้องมีเงื่อนไขในการปล่อยตัวด้วย