ผู้เสียหายร้องสอบสวนรัฐบาลใช้สปายแวร์เพกาซัส กสม. แจงหากพบจริง พร้อมสั่งให้หยุดใช้ทันที

21 กันยายน 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กลุ่มผู้เสียหายสปายแวร์เพกาซัส เช่น ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน และนักกิจกรรม ไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา จากกลุ่มทะลุฟ้า วิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ จากกลุ่ม We Volunteer และตัวแทนจากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเข้ายื่นหนังสือกับศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้สปายแวร์เพกาซัสกับผู้เห็นต่างทางการเมือง และให้ กสม. ใช้อำนาจสั่งให้หน่วยงานที่อยู่เบื้องหลังหยุดใช้สปายแวร์ละเมิดสิทธิของประชาชนในทันที

ยิ่งชีพ หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า สปายแวร์เพกาซัสเป็นเรื่องที่โลกรู้จักมานานแล้ว ที่ผ่านมาก็มีหลายองค์กรในระดับระหว่างประเทศที่ตามสืบสวนเรื่องนี้ แต่สำหรับในไทยเพิ่งจะตระหนักเรื่องนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 เมื่อแอปเปิ้ลส่งอีเมล์มาเตือนคนไทยหลายสิบคนว่าพวกเขากำลังตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ จึงได้ไปศึกษาข้อมูลสปายแวร์เพกาซัสและพบว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก จากนั้นจึงได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำเครื่องมือมาตรวจ พบว่ามีอย่างน้อย 35 คนที่โดนเจาะระบบโทรศัพท์ ประกอบด้วยนักกิจกรรม นักวิชาการ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองที่ประวัติในการแสดงออกทางการเมืองที่เห็นต่างจากรัฐบาล

จตุภัทร์ ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งระบุว่า เรื่องการใช้สปายแวร์เพกาซัสนี้เป็นวิธีการของรัฐเผด็จการ และเป็นเรื่องที่ปล่อยไปไม่ได้ ทุกวันนี้สังคมทางกายภาพเรายังอยู่ภายใต้โครงสร้างแบบเผด็จการ มีการปิดกั้นในการแสดงออก ในทางตรงกันข้าม ในออนไลน์เรายังพอมีเสรีภาพมากกว่าบ้าง แต่สปายแวร์เพกาซัสก็เข้ามาทำให้พื้นที่ตรงนี้หายไป ดังนั้น อย่างน้อยเราควรจะยืนยันถึงหลักการเสรีภาพของประชาชน ก่อนหน้านี้ความเห็นของ กสม. มีความหมายมาก แต่หลังจากการรัฐประหารปี 2557 เรารู้กันในทางนัยยะว่า กสม. นั้นก็เป็นเหมือนเสือกระดาษ ตอนนี้จึงอยากฝากฝัง กสม. ให้ทำงานปกป้องสิทธิของประชาชนอีกครั้ง ข้อเสนอของตนจึงอยากให้ กสม. เรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการหรือผู้เสียหายมาหารือกันโดยเร็ว เนื่องจากมีการละเมิดสิทธิเกิดขึ้น

ต่อมา ศยามล กรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า หลังจากมีการเปิดเผยเรื่องดังกล่าวออกมา กสม. ก็มีการคุยกัน แต่ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องทางเทคโนโลยีที่เข้าใจค่อนข้างยาก ตนก็ได้ดูวีดีโออธิบายเรื่องเพกาซัสทางอินเทอร์เน็ตมาบ้าง เมื่อทางผู้เสียหายได้นำหลักฐานมายื่นให้ก็ทำให้ กสม. ทำงานได้ง่ายขึ้น ต่อไป กสม. ก็จะทำเรื่องสอบถามไปยังรัฐบาลและหน่วยงานรัฐให้มีคำชี้แจงกลับมา และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ แต่การเรียกทั้งผู้เสียหายและหน่วยงานรัฐมาเจอกันนั้นน่าจะเป็นเรื่องยากเพราะอาจจะเกิดการโต้เถียงกันจนหน่วยงานรัฐไม่ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน ถ้ามีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการเจาะระบบจริงก็จะมีการทำข้อเสนอให้กับรัฐบาลว่า ต้องหยุดปฏิบัติการใช้สปายแวร์เพกาซัสกับผู้เห็นต่าง

ทั้งนี้ สปายแวร์เพกาซัสเป็นอาวุธไซเบอร์ร้ายแรงระดับโลกที่สามารถเจาะระบบสมาร์ทโฟนได้อย่างที่เจ้าของไม่รู้ตัว โดยเมื่อสามารถเจาะได้แล้ว สปายแวร์ก็จะสามารถขโมยข้อมูลทุกอย่างในเครื่องเป้าหมายได้ ไปจนถึงการเปิดกล้องและไมโครโฟนเพื่อดูและดักฟัง เพกาซัสกลายเป็นข่าวฉาวทั่วโลกเมื่อมีการเผยว่ารัฐบาลนำสปายแวร์ไปใช้กับผู้เห็นต่างทางการเมือง สำหรับในประเทศไทย มีการค้นพบว่ามีคนไทยอย่างน้อย 35 คนที่ตกเป็นเหยื่อของเพกาซัส โดยทุกคนมีบทบาทในการประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย สนับสนุนการปฏิรูปการเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกัน และการโจมตีด้วยเพกาซัสในไทยเกิดขึ้นในช่วงปี 2563-2564 ช่วงเวลาเดียวกับที่กระแสขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยกำลังพุ่งขึ้นสูง