จำคุกเก็ทอีกสามปีตาม ม.112 ยกฟ้อง “โจเซฟ” พูดเรื่องพระเจ้าตากสิน ศาลชี้ เป็นประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่ง

27 ธันวาคม 2566 ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาว่า โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท มีความผิดตามมาตรา 112 จากกรณีปราศรัย “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ 240 ปี ใครฆ่าพระเจ้าตาก” เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 ที่อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ ให้ลงโทษจำคุกสามปี ส่วนจำเลยอีกคน คือ “โจเซฟ” ศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะเนื้อหาปราศรัยไม่เข้าข่ายความผิด
ในวันอ่านคำพิพากษามีผู้มาให้กำลังใจและรับฟังคำพิพากษาด้วยเป็นจำนวนมาก เต็มห้องพิจารณาคดีที่ 11 ซึ่งทางศาลอาญาธนบุรีได้จัดถ่ายทอดสดการอ่านคำพิพากาษามายังห้อง 12 ด้วย เพื่อให้ผู้มาร่วมฟังคำพิพากษาเข้าฟังได้ โดยขอความร่วมมือในการรับฝากโทรศัพท์มือถือของทุกคนไว้ที่หน้าห้อง ก่อนจะเริ่มอ่านคำพิพากษา
คดีนี้มีจำเลยทั้งสิ้นสามคน คือ โสภณ, “โจเซฟ” และ มิ้นท์ ที่ร่วมปราศรัยในการชุมนุมดังกล่าวบริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ ซึ่งมิ้นท์ตัดสินใจลี้ภัยไม่ได้เข้าร่วมการพิจารณาคดีต่อทำให้เหลือจำเลยมาฟังคำพิพากษาสองคน โดยจำเลยในคดีนี้ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า กล่าวคำปราศรัยเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯตามมาตรา 112 และจำเลยทั้งคู่ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง
ระหว่างการสืบพยานคดีนี้ โสภณถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเนื่องจากศาลอาญาเคยพิพากษาให้จำคุกสามปีจากกรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565 หลังศาลชั้นต้นพิพากษาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวอีก โดยในคดีนี้โสภณแถลงต่อศาลเพื่อขอถอนทนายความ รวมถึงปฏิเสธอำนาจศาลทั้งหมด และได้แถลงข้อเรียกร้อง 2 ข้อต่อศาลไว้ ได้แก่ 1.คืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน 2.ยุติการดำเนินคดี 112 ทั้งหมด ในการสืบพยานเก็ทไม่ได้ถามค้าน ไม่ได้เบิกความ และยังนั่งหันหลังให้ผู้พิพากษาพร้อมถอดเสื้อชุดนักโทษที่กรมราชทัณฑ์ให้ใส่ด้วย
ในส่วนของความผิดตามมาตรา 112 ศาลวินิจฉัยว่า โสภณมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา เนื่องจากมีการปราศัยระบุถึงรัชกาลที่ 10 โดยตรง จนอาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจว่ารัชกาลที่ 10 ไม่ทรงงาน อีกทั้งอาจจะทำให้เข้าใจได้ว่ารัชกาลที่ 10 ทรงใช้ไสยศาสตร์ ถือเป็นการหมิ่นประมาทตามมาตรา 112 ให้ลงโทษจำคุกสามปี โดยก่อนหน้านี้โสภณถูกคุมขังอยู่ตามคำพิพากษาในคดีอื่นอยู่ก่อน จึงให้รับโทษต่อจากคดีเดิม ทำให้เก็ทต้องรับโทษต่อกันยาวเป็นหกปี
ขณะที่ในส่วนของ “โจเซฟ” ศาลพิพากษายกฟ้องในความผิดมาตรา 112 เนื่องจากศาลระบุว่า เนื้อหาในการปราศรัยว่า พระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพจริงหรือไม่นั้นจำเลยไม่ได้ระบุคำตอบแก่ประชาชน แต่เป็นการเชื้อเชิญให้ผู้ชุมนุมตั้งคำถามต่อเอาเอง อีกทั้งการระบุว่าพระเจ้าตากสินถูกรัชกาลที่ 1 สังหารก็เป็นประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งที่ถูกนำเสนอเพียงเท่านั้น พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์จึงไม่เพียงพอในการชี้ชัดความผิดตามมาตรา 112
โดยจำเลยทั้งสองคนยังมีความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับเป็นเงิน 200 บาท