1094 1811 1400 1071 1304 1587 1674 1894 1542 1960 1215 1857 1432 1137 1457 1365 1867 1253 1391 1167 1303 1281 1872 1739 1178 1962 1685 1866 1725 1586 1115 1734 1128 1248 1311 1215 1170 1592 1673 1455 1029 1244 1235 1832 1113 1141 1369 1210 1862 1017 1874 1788 1730 1085 1711 1253 1957 1454 1607 1152 1703 1950 1169 1570 1618 1203 1821 1536 1371 1953 1161 1821 1703 1310 1560 1030 1757 1335 1139 1957 1494 1249 1151 1866 1406 1604 1024 1685 1699 1037 1459 1522 1046 1141 1764 1943 1257 1573 1977 หมดหวัง สูญเสียเพราะรัฐบาลประยุทธ์ เสียงผู้ชุมนุม "มวลชนอิสระ" บน "สมรภูมิดินแดง" | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

หมดหวัง สูญเสียเพราะรัฐบาลประยุทธ์ เสียงผู้ชุมนุม "มวลชนอิสระ" บน "สมรภูมิดินแดง"

แยกดินแดง กลายเป็นพื้นที่การเผชิญหน้าระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุมบ่อยครั้ง เฉพาะในเดือนสิงหาคม 2564 มีการเผชิญหน้าและตามมาด้วยการใช้กำลังสลายการชุมนุมของตำรวจแล้วอย่างน้อยสิบครั้ง แทบทุกครั้งเป็นการเผชิญหน้าจาก "มวลชนอิสระ" ที่แยกตัวออกจากการชุมนุมของกลุ่มที่ประกาศนัดหมาย มีอย่างน้อยสองครั้งที่ผู้ชุมนุมอิสระเหล่านี้เข้าร่วมการชุมนุมตามวันเวลาที่ประกาศนัดหมายและเคลื่อนขบวนไปพร้อมกัน คือ วันที่ 7 สิงหาคม 2564 และ 13 สิงหาคม 2564
 
"ความโกรธ" ของผู้ชุมนุมเป็นที่สัมผัสได้เนื่องจากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง ตรงกันข้ามการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลก็ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมหนักขึ้นทุกวัน แต่สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เลือกการปะทะกับตำรวจ ไม่เห็นความต้องการหรือเป้าหมายที่ชัดเจน เนื่องจากลักษณะการเคลื่อนไหว ขณะที่ตำรวจไม่เคยเปิดการเจรจากับผู้ชุมนุมกลุ่มนี้มาก่อน ผู้ชุมนุมเหล่านี้ก็ไม่ได้รวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียว แต่เป็น "อิสระ" ต่อกัน ไม่ได้มีผู้นำที่ได้รับการยอมรับ ระบบการตัดสินใจหรือระบบการบังคับบัญชา
 
จากการสังเกตการณ์การชุมนุมและเหตุการณ์ปะทะต่อเนื่องกันในเดือนสิงหาคม 2564 พอสรุปได้ว่า ความโกรธของผู้ชุมนุมพุ่งเป้าไปที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยปรากฏเป็นภาพออกมา เช่น
 
๐ พวกเขาพ่นข้อความด่ารัฐบาลประยุทธ์
๐ พวกเขาตะโกนบอกตำรวจว่า ต้องเผชิญกับความยากแค้นจากโควิด 19 อย่างไร
๐ พวกเขาเจ็บแค้นเมื่อเพื่อนร่วมขบวนของเขาถูกสลายการชุมนุม ถึงขั้นบอกว่า ตำรวจทำเช่นนี้เสมือนหนึ่งเป็นศัตรูกับประชาชน
 
ผู้ชุมนุมที่เราเข้าไปพูดคุยด้วยสองคน อธิบายความรู้สึกของพวกเขาไปในทางเดียวกัน ดังนี้
 
 

"ไม่เห็นทางออก แต่ผมจะออกมา ผมอยากเป็นปากเสียงเพราะผมก็รักในประชาธิปไตยเหมือนกัน"

 
ผู้ชุมนุมคนแรก วัย 22 ปีเล่าขณะอยู่บนหลังรถมอเตอร์ไซด์เป็นทัพหลังให้เพื่อนแนวหน้าว่า เขามาร่วมชุมนุมแทบทุกครั้ง เมื่อก่อนเข้าไปที่แนวหน้า แต่เมื่อโดนแก๊สน้ำตาแล้วมันแสบจึงไม่ค่อยได้เข้าไป เพียงแต่เขาไปช่วยคนที่บาดเจ็บออกมามากกว่า เขาบอกด้วยว่า ในมุมมองของเขา ตำรวจมีอุปกรณ์ป้องกันครบกว่า ทำไมถึงไม่ใช่วิธีตั้งรับแบบอื่นๆ ตำรวจไม่สมควรที่จะยิงแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยาง อีกทั้ง การใช้แก๊สน้ำตายิงมาปริมาณมากๆ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย
 
ผู้ชุมนุมรายดังกล่าวบอกด้วยว่า ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด ข้อเรียกร้องที่เขาเรียกร้องไปไม่ได้กลับมา [ไม่ได้รับการตอบสนอง] แถมตำรวจก็ใช้อุปกรณ์มากขึ้น ใช้ทั้งสารเคมี รถฉีดน้ำแรงดันสูง จึงเป็นชนวนเหตุให้ กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดอารมณ์ที่อยากจะเอาคืนบ้าง 
 
"จากที่มีเงินเดือนสองหมื่นพร้อมส่งตัวเองเรียนไปด้วย ตอนนี้ผมต้องตกงาน เรียนอย่างเดียว ไหนจะค่ากินและค่าอินเทอร์เน็ต ค่าข้าว ทุกอย่างต้องหยุดชะงักไป"
 
"ผมว่า สถานการณ์มันไม่ดีขึ้น แม้ไม่เห็นทางออกแต่ผมจะออกมา ผมอยากเป็นปากเสียงเพราะผมก็รักในประชาธิปไตยเหมือนกัน ให้ประเทศชาติมันก้าวหน้า"  
 

ที่ผ่านมาตำรวจก็ใช้ความรุนแรงกับประชาชนก่อน "จึงสมควรแล้วที่ตำรวจจะโดนการตอบกลับเช่นนี้"

 
ผู้ชุมนุมคนที่สอง อายุ 20 ปี เล่าว่า มาร่วมชุมนุมที่แยกดินแดงตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2564 บริเวณนี้เขาเห็นตำรวจเผชิญหน้ากับประชาชน มีการเผาป้อมจราจรที่ใต้แยกดินแดง "ผมรู้สึกไม่โอเคกับตำรวจ ตำรวจมีทุกอย่างครบและทำร้ายประชาชน มันไม่โอเคเลย" เขาเล่าว่า เขารู้สึกไม่โอเคกับรัฐบาลนี้มากๆ ก่อนหน้านี้เขามองว่า ตัวเองเป็นพวกอิกนอแรนท์ไม่สนใจเรื่องการเมือง
 
ต่อมาในปี 2563 ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบจากรัฐบาลชุดนี้ กิจการของครอบครัวเขาถูกสั่งปิดและทำให้เข้าสู่ภาวะล้มละลายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป็นผลให้เขาต้องออกจากการเรียนและเลือกมาทำงานเลี้ยงชีพตัวเอง เพื่อช่วยลดภาระครอบครัวและให้น้องอีกสองคนได้เรียนต่อ จากนั้นเขาจึงเลือกที่จะมาชุมนุม บางครั้งมาคนเดียวก็มา เพราะต้องการแสดงออกว่า ไม่เอารัฐบาลชุดนี้แล้ว 
 
เขาบอกว่า เขารู้สึก "เฉยๆ" กับการขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจ ถ้าหากเกินเลยถึงขั้นทำร้ายร่างกายก็เป็นเรื่องไม่สมควร แต่ที่ผ่านมาตำรวจก็ใช้ความรุนแรงกับประชาชนก่อน "จึงสมควรแล้วที่ตำรวจจะโดนการตอบกลับเช่นนี้" เขาเล่าว่า ที่ผ่านมาไม่เคยปาสิ่งของเลย ถ้าไปยืนข้างหน้าแนวก็กลัวตำรวจจะยิงสวนลงมาจากบนทางด่วน เมื่อถามว่า เคยได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยางไหม เขาตอบว่า เขาถูกแก๊สน้ำตา ตอนที่รู้นั้นคือ แก๊สน้ำตามาอยู่ข้างหน้าแล้วไม่ได้ยินตำรวจประกาศเตือนเลย 
 
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เขาต้องการคือ อยากให้ประยุทธ์ออกไปไวๆ เพื่อที่จะให้ครอบครัวของเขาและทุกคนกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น "ไม่โอเคกับการมีรัฐบาลชุดนี้เลยครับ มันแย่มากๆ"